ตอนที่ 311 ได้ทำอะไรกับเธอหรือเปล่า / ตอนที่ 312 สงสัยว่าจะเป็นรถด่วนมรณะ?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 311 ได้ทำอะไรกับเธอหรือเปล่า

 

 

“หลินเยียน! เยี่ยมไปเลย! ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอทำได้!” สีหน้าที่เจียงอีหมิงมองหลินเยียนเหมือนมองสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

 

 

เผยหนานซวี่พูดออกมาจากใจจริงเช่นกัน “เยี่ยมมากจริงๆ แม้แต่ผมเองก็ยังเกือบถูกกดเลย”

 

 

เผยหนานซวี่กำลังยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มกลับแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

 

ทั้งๆ ที่ถ่ายเสร็จแล้ว แต่ทำไมสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกริ่งเกรงและประหวั่นลนลานอันแสนจะคุ้นเคยซึ่งส่งออกมาจากร่างหลินเยียนนั้นยังคงอยู่ล่ะ?

 

 

บรรยากาศผิดปกติไปเล็กน้อยทันที

 

 

เฝิงอันหวากระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “เข้าถึงบทบาทมากเกินไป ต้องเพราะเข้าถึงบทบาทมากเกินไปแน่เลยฮ่าๆ ”

 

 

เจียงอีหมิงพูดเสริมด้วยเช่นกัน “ถูกต้อง การแสดงแบบนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังมากจริงๆ ! หลินเยียนเอ๊ย ยินด้วยด้วยนะ ปิดกล้องแล้ว!”

 

 

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลินเยียนซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการแสดงเลยกลับสร้างเซอร์ไพรส์ให้เขามากขนาดนี้ได้

 

 

ไม่เพียงการแสดงคู่ของเว่ยสวีเฟิงจะสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเท่านั้น แม้แต่การแสดงกับ เผยหนานซวี่ที่มีความยากมากขนาดนี้ก็ยังประสบผลสำเร็จอยู่เหนือความคาดหมายเขาเช่นกัน

 

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองถ่ายที่อยู่โดยรอบต่างทยอยกันปรบมือ

 

 

ถึงแม้ทีแรกทุกคนจะไม่ค่อยประทับใจหลินเยียนสักเท่าไหร่ แต่การอยู่ร่วมกันช่วงนี้ กลับพบว่าหลินเยียนไม่ได้เข้าหายากอย่างที่จินตนาการเอาไว้เลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเข้ากับคนได้ง่ายอย่างยิ่ง แถมฝีมือการแสดงก็พัฒนาขึ้นมาก

 

 

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”

 

 

“หลินเยียน ขอแสดงความยินดีที่ปิดกล้องแล้วนะ!”

 

 

 

 

มีเจ้าหน้าที่กองถ่ายคนหนึ่งถือช่อดอกไม้เดินเข้ามาเพื่อแสดงความยินดี

 

 

พอหลินเยียนได้สติกลับมา สิ่งที่เห็นก็คือภาพแบบนี้แล้ว

 

 

เจียงอีหมิงทางหนึ่งนำปรบมือ อีกทางหนึ่งก็มองเธอซึ่งกำลังถูกชมสารพัดอย่างด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง มีช่อดอกไม้ช่อหนึ่งยัดใส่หน้าอกเธอ ส่วนเจ้าหน้ากองถ่ายที่อยู่ด้านข้างก็ปรบมือและแสดงความยินดีที่เธอปิดกล้อง

 

 

ปิดกล้อง…?

 

 

ซีนนี้เธอยังถ่ายไม่เสร็จเลยนี่นา แล้วทำไมถึงปิดกล้องแล้วล่ะ?

 

 

หลินเยียนยังคงงุนงงอยู่บ้าง “ปิดกล้อง…?”

 

 

“ใช่แล้ว นี่คือซีนสุดท้ายของพี่แล้ว!” เผยหนานซวี่เอ่ย

 

 

“เป็นไปได้ยังไง ฉัน…”

 

 

เรายังถ่ายสิ่งที่เจียงอีหมิงต้องการไม่ได้มาตลอดเลยไม่ใช่หรือไง?

 

 

หลินเยียนไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา ทว่ากลับรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

 

 

หรือว่าเธอจะ…อาการกำเริบอีกแล้ว

 

 

ความทรงจำเธอหยุดอยู่ที่ช่วงกำลังเตรียมตัวจะถ่ายทำ จากนั้นความทรงจำที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นก็ขาดสะบั้นจนหมดสิ้น เหมือนหลายครั้งก่อนไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

บัดซบ อาการไม่กำเริบมานานขนาดนี้ เธอนึกว่าตัวเองปกติแล้วเสียอีก!

 

 

แล้วทำไมจู่ๆ ก็เริ่มเป็นอีกล่ะ?

 

 

หลินเยียนร้อนใจขึ้นมาทันที กังวลว่าเธอจะทำอะไรลงไประหว่างที่ไม่ได้สติอีกครั้ง

 

 

ด้วยความเข้าใจที่เธอมีต่อตัวเอง ช่วงที่เธอไม่ได้สติ จิตสำนึกที่มารับช่วงต่อร่างกายเธออีกจิตหนึ่งจะทำเรื่องที่ไม่อาจสาธยายได้บางอย่างออกมาแทบจะทุกครั้ง…

 

 

หลายครั้งก่อนหน้านี้ทำกับเผยอวี้เฉิง ถ้าหาก…ถ้าหากเจ้านั่นเกิดบ้ากามขึ้นมา ลงมือกับเผยหนานซวี่เหมือนกัน แล้วจะทำยังไง?

 

 

“อะแฮ่ม ราชาภาพยนตร์เผย เมื่อกี้ฉัน…ได้ทำเรื่อง…อะไรแปลกๆ บ้างหรือเปล่า?” หลินเยียนสอบถามด้วยความระแวดระวัง

 

 

เผยหนานซวี่ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ หลินเยียนถึงถามแบบนี้ “เรื่องแปลกๆ ?”

 

 

หลินเยียนเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดี ดังนั้นเธอจึงมองเจียงอีหมิง กระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ผู้กำกับเจียง ฉันขอดูซีนที่เพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อครู่ได้หรือเปล่าคะ?”

 

 

“ได้แน่นอนสิ!” เจียงอีหมิงตอบ จากนั้นจึงพาหลินเยียนไปที่หน้ามอนิเตอร์ “เธอจะดูอีกรอบก็ได้ จงจำความรู้สึกแบบนี้เอาไว้!”

 

 

เมื่อเปิดเครื่องก็ปรากฎฉากการเจรจาในสถานพักฟื้นฉากนั้นขึ้นมาทันที

 

 

ชั่วพริบตาที่เงาร่างของตัวเองปรากฏ สีหน้าหลินเยียนก็เปลี่ยนโดยพลัน

 

 

แม่เจ้า!

 

 

นะ…นี่เธองั้นเหรอ?

 

 

นี่คงไม่ได้ถูกเผยอวี้เฉิงเข้าสิงร่างหรอกนะ!

 

 

 

 

ตอนที่ 312 สงสัยว่าจะเป็นรถด่วนมรณะ?

 

 

ต่อให้ตีให้ตายเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแสดงได้จนถึงขั้นนี้

 

 

ต่อให้มีฝีมือการแสดงดีอีกสักแค่ไหน ของบางอย่างอาจแสดงออกมาได้ แต่ของที่เกิดมาก็มีตามธรรมชาติกลับไม่อาจทำเลียนแบบได้

 

 

แถมนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าขณะที่เธอสูญเสียสติสัมปชัญญะนั้นมีท่าทางเป็นเช่นไร

 

 

หลินเยียนจ้อง ‘ตัวเอง’ ที่อยู่ในจอมอนิเตอร์ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก

 

 

ความรู้สึกไม่เหมือนแค่สูญเสียความทรงจำระยะสั้นแม้แต่น้อย ตรงข้าม กลับเหมือนว่าเธอถูกคนชิงร่างไปจริงๆ มากกว่า…

 

 

“ใช่แล้วล่ะ หลินเยียนเอ๊ย วันนี้กองถ่ายมีกินเลี้ยงร่วมกันพอดี ตอนเย็นอย่าลืมมาร่วมงานนะ!” คำพูดของเฝิงอันหวาตัดห้วงความคิดของหลินเยียนไป

 

 

“อ๊ะ…ได้ค่ะๆ” หลินเยียนสลัดความคิดอันสับสนวุ่นวายภายในสมองทิ้งไปและดึงสติกลับมา

 

 

“พี่จะไปยังไงครับ?” ขณะนี้เองเผยหนานซวี่ที่อยู่ด้านข้างก็ถามขึ้นมา

 

 

“ฉันจะนั่งรถไฟใต้ดิน” หลินเยียนตอบ

 

 

เมื่อเผยหนานซวี่ได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากออกมาว่า “ที่นี่ค่อนข้างห่างไกล เรียกรถไม่ได้ ถ้าพี่จะไปรถไฟใต้ดิน สงสัยว่าต้องเดินนานมากแน่ ไม่อย่างนั้นพี่มานั่งรถผมไหม”

 

 

พอหลินเยียนได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายทันที

 

 

เพียงแต่วินาทีต่อมาก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ไม่ต้องๆ! ฉันไปเองก็ได้!”

 

 

ล้อเล่นน่า! กว่าเธอจะอยู่อย่างสงบสุขได้หนึ่งสัปดาห์ ถ้าเกิดเหตุเหนือความคาดหมายอะไรขึ้นมาอีก แล้วเธอจะไปพูดกับใคร

 

 

ตอนนี้เอง เฝิงอันหวาที่อยู่ด้านข้างพอเห็นรูปการณ์ สีหน้าก็แปลกไปเล็กน้อย

 

 

ถึงเผยหนานซวี่จะดูเหมือนเป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน ทว่าความจริงนั้นความอ่อนโยนของเขามีระยะห่างและความเหมาะสมมาก

 

 

คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายให้หลินเยียนนั่งรถของตัวเองก่อน นี่จะเป็นความห่วงใยที่เกินเหตุไปหรือเปล่านะ

 

 

“โปรดิวเซอร์เฝิง กองถ่ายมีรถเหลือหรือเปล่าครับ” เผยหนานซวี่คงคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงมองเฝิงอันหวาพร้อมเอ่ยถาม

 

 

เฝิงอันหวารีบตอบว่า “มีๆ กองถ่ายเตรียมรถของกองถ่ายเอาไว้ เอาแบบนี้ หลินเยียนเอ๊ย เธอรอตรงนี้เดี๋ยวนะ ฉันจะให้คนโทรเรียกโชเฟอร์ให้เธอ ให้เขาแวะมารับเธอไปด้วย!”

 

 

หลินเยียนพอได้ยินก็รีบขอบคุณยกใหญ่ “ขอบคุณค่ะ โปรดิวเซอร์เฝิง!”

 

 

เผยหนานซวี่เห็นแบบนี้ถึงวางใจได้ จากนั้นจึงบอกลากับพวกหลินเยียน “งั้นผมเดินทางล่วงหน้าไปก่อนนะครับ”

 

 

“ได้ๆ ราชาภาพยนตร์เผยไว้เจอกัน!”

 

 

……

 

 

หลินเยียนหยิบกระเป๋า รออยู่ที่ประตูได้ราวสิบห้านาที รถกองถ่ายสีดำคันหนึ่งก็ค่อยๆ แล่นเข้ามาจอด

 

 

โชเฟอร์ยื่นศีรษะออกมาพร้อมถามว่า “คุณหลินใช่ไหมครับ โปรดิวเซอร์เฝิงให้ผมมารับคุณ ขึ้นรถเถอะ!”

 

 

“ค่ะ” หลินเยียนผงกศีรษะ เปิดประตูด้านหลังคนขับ

 

 

วินาทีต่อมา หลินเยียนจ้องมองชายสี่คนที่กำลังนั่งอยู่ในตัวรถ หัวสมองพองโตขึ้นมาทันที

 

 

เว่ยสวีเฟิงที่สวมแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์ขาดเป็นรู ผมสีแดงที่ยุงเหยิงกระเซอะกระเซิง…

 

 

เจามู่ที่สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก แบะหน้าอกปลดกระดุมสามเม็ด ผู้มีดวงตาดอกท้อที่ยั่วยวนคนคู่หนึ่ง กำลังนั่งเอนพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย…

 

 

ถังจยาเยี่ยซึ่งอายุราว 17–18 ปี สวมเสื้อฮู้ดออกกำลังกายสีฟ้า หน้าตาหล่อเหลาฉลาดเฉียบแหลม…

 

 

หันอี้เซวียนที่สวมชุดสูทเรโทรสุดหรูสีน้ำเงินแซฟไฟร์ ท่าทางสูงส่งเย็นชา…

 

 

นี่…

 

 

นี่เธอต้องมีปัญหากับการเปิดประตูรถแน่!

 

 

หลินเยียนปิดประตูกลับไปเสียงดัง ‘ปัง’ อีกครั้ง!

 

 

หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที

 

 

ประตูรถถูกคนที่อยู่ข้างในลากเปิดออกอีกครั้งเสียงดังขวับ

 

 

เฉินเจามู่ที่นั่งอยู่ตรงประตูรถกะพริบดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายแวววาวคู่นั้น ยิ้มหราพลางมองไปยังหลินเยียน “ไฮ แฟนสาวในข่าวฉาว ทำไมถึงไม่ขึ้นรถล่ะ”

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

ทำไมสี่คนนี้ถึงมาอยู่บนรถได้?

 

 

กว่าเธอจะฟันฝ่ามาจนถึงวันปิดกล้อง นึกว่าได้หลุดพ้นเสียที สุดท้ายเธอกลับต้องเจอเรื่องแบบนี้?

 

 

รถกองถ่ายอะไรกันล่ะ!

 

 

สงสัยว่าจะเป็นรถด่วนมรณะที่ขับพาไปลงนรกมากกว่า!