ตอนที่ 177 จับได้อันนี้?

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ตอนนี้ฟางเจิ้งกำลังทำอะไร?

คร็อก…

“โฮ่งๆ…” หมาป่าเดียวดายเห่าอยู่ข้างเตียง จากนั้นยื่นหัวออกไปมองข้างนอก ฟ้าจะมืดแล้ว ไอ้ผีบ้านี่ยังไม่ตื่นมาทำอาหารอีก! แล้วจะผ่านวันนี้ไปได้ไหมเนี่ย?!

ผลก็เป็นดังนั้น พระจันทร์ลอยขึ้นฟ้า

ฟางเจิ้งลุกขึ้นมา บิดเอวขี้เกียจ พูดยิ้มๆ “สบาย! หลับตื่นหนึ่งแล้วสดชื่น!”

“จ๊อกๆ…”

“เอ่อ หิวจัง” ฟางเจิ้งลูบท้องก่อนขมวดคิ้ว “ไม่ถูกต้อง อาตมาไม่ได้ท้องร้องนี่ ถ้าอย่างนั้น…เอ่อ พวกนายสองคนทำอะไรกัน?”

หมาป่าเดียวดายนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าคับแค้นใจ ในปากคาบชามอาหารของมัน บนหัวมีกระรอกนั่งด้วยท่าทีโมโห ถือชามเล็กด้วยสองมือ แววตาเจ้าสองตัวนี้มีความคับแค้นใจ…

ฟางเจิ้งกระแอมไอ “รอเดี๋ยว จะทำเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ฟางเจิ้งพูดจบก็ลงมาบนพื้น จุดไฟ เติมน้ำหุงข้าว

ข้างๆ มีดวงตาโตสี่ดวงจ้องในหม้อเขม็ง น้ำลายไหลไม่หยุด

ครึ่งชั่วโมงต่อมา มีกลิ่นหอมข้าวจางๆ ลอยมาจากในลานวัดเอกดรรชนี รวมถึงเสียงเคี้ยวหนึบหนับ

ผ่านไปมื้อหนึ่ง ฟางเจิ้งเดินมาหน้าลานอย่างสุขสบาย นั่งลงใต้ต้นโพธิ์ หยิบมือถือออกมาเตรียมอ่านคัมภีร์อวตังสกสูตรที่เพิ่งหาเจอต่อ ทว่าพอเปิดอ่านก็เห็นแจ้งเตือนข้อความกองใหญ่

จ้าวต้าถง “ไต้ซือ ท่านเจ๋งมาก! อวิ๋นจิ้งหายไปดีแล้วครับ ฮ่าๆ…ขอบคุณครับ เดี๋ยวปิดเทอมแล้วพวกเราจะไปเยี่ยมนะครับ”

ฟางเจิ้งยิ้ม ตอบไปว่า “ยินดีต้อนรับๆ เหอะๆ”

หม่าเจวียน “ไต้ซือ หนูรักไต้ซือที่สุด โครตเจ๋งเลย! ท่านรู้ไหมว่าท่านแข่งกับผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาจากเซิ่งจิงด้วย เจ๋งอ่ะ!”

ฟางเจิ้งมองบน ตอบไปว่า “อมิตาพุทธ สีกา อาตมาถือศีลนะ ส่วนผู้เชี่ยวชาญเขาก็มีความสามารถของเขา อาตมาแค่มาเจอกับเขาโดยบังเอิญก็เท่านั้น”

หูหาน “ไต้ซือ ท่านรับศิษย์ไหม? ท่านว่าผมโอเคไหม? วางใจนะ แค่ไต้ซือพยักหน้า แค่แม่ไม่ตีผม ผมจะไปกับท่าน”

ฟางเจิ้ง “อมิตาพุทธ อาตมาไม่อยากเก็บศพโยมนะ ช่างมันเถอะ”

หูหานถามแบบนี้เขาชักอยากรู้ จึงถามระบบ “ระบบ วัดเรารับคนได้ไหม?”

“ติ๊ง! นายคิดว่าไงล่ะ?” ระบบถามกลับ

ฟางเจิ้งมองต้นโพธิ์เหนือหัว ก่อนมองอุโบสถหมื่นพุทธแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ช่างมันเถอะ ถ้ามีคนมาจริงๆ อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายของที่จู่ๆ ก็โผล่มาพวกนี้ยังไง เอาเถอะ…ดูแล้วอาตมาคงไม่ใช่แค่ครองโสด แม้แต่คนคุยด้วยยังไม่มีทางเป็นไปได้เลย ได้แต่อยู่กับสัตว์ทุกวัน เฮ้อ”

“ไม่แน่นะ” ระบบเอ่ยอย่างกะทันหัน

ฟางเจิ้งอึ้งงันแล้วซักถามทันที “หมายความว่าไง?”

“เปิดเผยความลับสวรรค์ไม่ได้” ระบบตอบ

ฟางเจิ้งมองบนแวบหนึ่ง “นายอย่าทำแบบนี้ได้ไหม ไหนๆ ก็ถอดกางเกงมาแล้ว บอกฉันไม่ได้รึไง? เอ่อ…คงไม่ถือว่าเป็นคำหยาบหรอกใช่ไหม?”

“เปรี้ยง!” เกิดหลุมดำตรงหน้าฟางเจิ้ง

‘ยังดี เหลือโอกาสอีกครั้งเดียว’ ฟางเจิ้งลอบโล่งอกในใจ

“ระบบ บอกไม่ได้จริงๆ เหรอ?”

“ไม่บอก”

“ระบบที่ใจดีและดีที่สุดในโลก บอกหน่อยนะ?”

“ขอรับคำชมไว้ แต่ก็ไม่บอกอยู่ดี”

“หน้าหนาจริงๆ” ฟางเจิ้งพึมพำ เขาไม่ถามอีก แต่พลิกดูมือถืออ่านคัมภีร์อวตังสกสูตร ไม่นานก็มีเสียงสวดมนต์ของหลวงจีนดังในวัด

วันที่สองฟ้าสางเล็กน้อย ฟางเจิ้งตื่นนอนมา เพิ่งนึกขึ้นได้จึงร้องโวย “ระบบ ฉันควรไอ้โอกาสจับรางวัลหนึ่งครั้งสิ? ดีเลวยังไงก็ช่วยคนนะ ทำไมไม่เตือนฉัน?”

“เตือนแล้ว แต่นายหลับอยู่” ระบบตอบอย่างมีเหตุผล

ฟางเจิ้งพบว่าระบบหน้าด้านขึ้นทุกวัน หลับก็ปลุกได้นี่? ไม่เถียงกับมันแล้ว รีบถาม “ได้จับรางวัลจริงๆ ใช่ไหม?”

“ได้ จะจับไหม?” ระบบว่า

“จับ! ต้องจับสิ!” ฟางเจิ้งตอบ

“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับมู่อวี๋[1]หนึ่งอัน”

“เอ่อ มู่อวี๋อันเดียว?” ฟางเจิ้งมองมู่อวี๋ที่เหมือนกับปลาหมอสีตัวสีแดงเข้มนอนคว่ำอยู่พลางถามด้วยความงงนิดๆ

“นี่ไม่ใช่มู่อวี๋ธรรมดา นี่คือมู่อวี๋ปลุกจิต แรกสุดมู่อวี๋มาจากลัทธิเต๋าของจีน ถ้าไม่ใช่ผู้เลิกถือศีลอดกับสวดมนต์จะเคาะไม่ได้ ต่อมาพุทธศาสนาเห็นถึงความมหัศจรรย์ของมันจึงใส่เข้าไปในของใช้พุทธศาสนา ตอนเคาะมู่อวี๋ปลุกจิตจะเกิดเสียงปลุกจิต กระตุ้นสมอง สงบจิตใจบำรุงจิตวิญญาณ ถ้ากลางคืนนอนไม่หลับ แค่เคาะมู่อวี๋จะหลับลึก ขณะเดียวกันจะไม่รบกวนการอ่านคัมภีร์หรือขบคิดด้วย

ในเวลาเดียวกัน ตอนที่เคาะมู่อวี๋ปลุกจิต จะทำให้ระหว่างนายกับพระพุทธรูปเกิดการเชื่อมต่อทางจิตกัน แค่นายคิด ก็จะรู้ความปรารถนาภายใต้จิตใจของทุกคนได้ตามใจชอบ ทั้งยังตอบกลับได้ด้วย ทว่าผู้นับถือพุทธมีบุญกุศลไม่เพียงพอ ถ้าเป็นความปรารถนาใหญ่ๆ จะไม่มีทางเป็นจริงได้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะวางปณิธานที่ยิ่งใหญ่ลง ได้รับการตอบแทนก่อน เสริมบุญกุศลเพิ่ม เมื่อบุญกุศลเต็ม แต่หากจากนั้นมายังกลืนคำพูด มีแรงกรรมมัดกาย นายก็ยังเติมเต็มความปรารถนาให้ทุกคนได้ยากอยู่ดี

นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมาก นายศึกษาเอาเองแล้วกัน”

ฟางเจิ้งเข้าใจแล้ว หลวงจีนหนึ่งนิ้วเคยบอกเขาแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ฟางเจิ้งถามคือ ‘พระโพธิสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไหม? ถ้าศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็จะขอพรได้ตามใจชอบ แล้วประธานาธิบดีอะไรนั่นจะไม่หัวหมุนวุ่นวายเหรอ?’

หลวงจีนหนึ่งนิ้วยิ้มตอบว่า ‘ทำความดีมากเท่าไรก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น เหนือกว่านั้นพระพุทธองค์จะไม่ดูแล’

ตอนนั้นเขาฟังด้วยความงุนงง ตอนนี้ระบบอธิบายอีกทีเลยเข้าใจแล้ว

ขณะเดียวกันฟางเจิ้งรู้ว่ามู่อวี๋นี้เป็นของดีจริงๆ! อย่างน้อยๆ เขาก็ได้ศึกษาพุทธคัมภีร์ตลอดวันตลอดคืน หนึ่งวันเท่ากับใช้ไปสองวัน! คำนวณตามเวลาแล้วเขาจะมีเวลาตื่นยาวนานกว่าเดิมหนึ่งเท่า เท่ากับชีวิตยาวนานกว่าเดิมหนึ่งเท่า มิหนำซ้ำยังได้ยินว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีก?

ฟางเจิ้งมองมู่อวี๋อันใหญ่กว้างสิบเก้าเมตรตรงหน้า ยิ่งมองยิ่งชอบ ก่อนหยิบค้อนไม้จากในมู่อวี๋ออกมาเคาะเบาๆ

ตึง!

เสียงต่ำ เหมือนเคาะบนหัวคน ทำให้จิตใจคนสั่นสะท้าน ความคิดไร้สาระหายไปมากกว่าครึ่ง ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย

“ใช้ได้ ของดี!” ถึงฟางเจิ้งจะไม่เคยเห็นมู่อวี๋มาเยอะ แต่พอได้สัมผัสผลจากมู่อวี๋นี้ด้วยตัวเองแล้วมันยอดเยี่ยมมาก!

ฟางเจิ้งไม่พูดอะไรอีก แต่ย้ายมู่อวี๋ไปวางไว้กลางอุโบสถ มู่อวี๋ใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางเอาติดตัวไปด้วยได้แน่ จึงวางในอุโบสถ ใช้เคาะตอนสวดมนต์ไหว้พระถึงจะเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังเป็นความพึงพอใจทางใจอย่างดี

ฟางเจิ้งนั่งขัดสมาธิในอุโบสถ เคาะมู่อวี๋พลางอ่านคัมภีร์อวตังสกสูตร เดิมทีติดขัดเล็กน้อย หาความรู้สึกของคัมภีร์อวตังสกสูตรไม่พบ แต่เมื่อเคาะมู่อวี๋ไปเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าจิตใจสะอาดผ่องแผ้ว จิตสงบนิ่ง คัมภีร์อวตังสกสูตรที่เดิมทีเลือนรางนิดๆ พลันชัดเจนขึ้นมา เดิมทีลิ้นไม่ฟังคำสั่ง มักจะอ่านเลยเสียงประจำ แต่ตอนนี้กลับท่องอย่างแม่นยำที่สุดได้สบายๆ ขณะเดียวกันการออกเสียงของเขาเปลี่ยนตามไป มีความหนักแน่นที่มีเฉพาะบุรุษ และยังมีชีวิตชีวาอีกหลายส่วน อ่านคัมภีร์ประหนึ่งขับร้อง ทำให้จิตใจคนสงบนิ่ง ได้ตระหนักและตาสว่าง

………………………………………………

[1]มู่อวี๋ เครื่องตีประกอบจังหวะในการสวดมนต์ของพระ แปลตรงตัวคือปลาไม้