“ผมก็แค่บังเอิญเดินไปเห็นเหตุการณ์ก็เท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องตามหาผมให้วุ่นวายขนาดนี้หรอก” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไม่ได้! สิ่งที่คุณทำลงไปมันคือการช่วยชีวิตของฉันเลยนะ! ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าคุณไม่ได้ใส่ใจอะไรและไม่ได้อยากจะรู้จักฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันจะต้องตอบแทนคุณให้ได้!”

ฟ่านซีเหยียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับกำมือของอวี้ฮ่าวหรานแน่นกว่าเดิมราวกับเธอกลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเดินหนีจากไป

“ได้โปรด ฉันขอเบอร์โทรคุณได้ไหม!”

“เอ่อ…ก็ได้…”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกรำคาญใจกับสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมากแต่เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกสาวของตัวเองเขาจึงจำเป็นต้องอดทนต่อไป

แน่นอนว่าถ้าความคิดนี้ของเขาถูกทุก ๆ คนในที่นี้รับรู้ ทุกคนคงจะถ่มน้ำลายใส่เขาจนเขาจมน้ำลายตาย!

นี่คือฟ่านซีเหยียนเชียวนะ!

จากนั้นต่อมาพวกเขาทั้งคู่ต่างก็แลกเบอร์โทรกันภายใต้สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน…

แต่ไม่ใช่แค่นั้น ภาพเหตุการณ์ต่อมามันยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงมากกว่าเดิม

“ฉันขอขอบคุณมากจริง ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันขอไม่รบกวนคุณแล้ว”

ฟ่านซีเหยียนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แล้วหลังจากที่เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตัวเองเรียบร้อย เมื่อสบโอกาสเห็นว่า อวี้ฮ่าวหรานไม่ทันระวังตัวเธอก็เขย่งตัวจูบไปที่แก้มของเขา!

แน่นอนว่าภาพนี้ทำให้ทุกคนที่ดูเหตุการณ์อยู่หยุดหายใจ โดยเฉพาะ หวังเจวียที่อ้าปากค้างโดยไม่มีเสียงร้องใด ๆ ออกมา

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!

เขานึกว่าเขาเหนือกว่าอีกฝ่ายแล้วที่สามารถเอารูปภาพพร้อมลายเซ็นของจริงมาได้แต่ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นว่าอวี้ฮ่าวหรานได้จูบของ ฟ่านซีเหยียนไปซะงั้น?

หวังเจวียรู้สึกหดหู่จนไร้เรี่ยวแรง งานนี้มันกลายเป็นว่าเขาทำตัวเองขายขี้หน้าอย่างจัง!

“เอ่อ…นี่แทนคำขอบคุณของฉันเบื้องต้น…ตอนนี้คนมุงดูเยอะแล้วฉันขอตัวไปก่อนก็แล้วกัน…”

หลังจากพูดจบ ฟ่านซีเหยียนก็ส่งสัญญาณเรียกสติคนของเธอให้ฟื้นจากอาการตกตะลึง จากนั้นพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบแหวกฝูงชนเปิดทางให้เธอเดินออกไปอย่างรวดเร็ว…

แน่นอนว่าในระหว่างที่เธอเดินออกไปหน้าของเธอก็แดงก่ำเนื่องจากความเขินอายกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อครู่

หลังจากฟ่านซีเหยียนจากไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ลูบแก้มตัวเองด้วยรอยยิ้มขมขื่น

จักรพรรดิเทพอย่างเขาถูกมนุษย์ขโมยจูบแก้มแบบนี้ได้ยังไง?!

“พี่เขย! นี่พี่ช่วยอะไรฟ่านซีเหยียนเอาไว้กันแน่? ทำไมเธอถึงมาหอมแก้ม…ไม่สิไม่ใช่ เธอจูบแก้มเลยต่างหาก! ทำไมเธอถึงจูบแก้มพี่แบบนี้!”

หลี่หรงซึ่งกำลังอุ้มถวนถวนอยู่ เอ่ยถามขึ้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง เธอมองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือพี่เขยที่เธอรู้จัก

นั่นคือฟ่านซีเหยียนเชียวนะ!

แค่รูปพร้อมลายเซ็นก็ทำให้คนบ้าคลั่งได้แล้วแต่เมื่อกี้พี่เขยของเธอถูกอีกฝ่ายขโมยจูบแก้ม!

เหตุการณ์แบบนี้หากเธอเอาไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ!

“แม่หรง แม่หรง พี่สาวคนนั้นนั่นแหละที่พ่อจ๋าช่วยเอาไว้”

ถวนถวนเอ่ยขึ้นแทรกอย่างภาคภูมิใจ

ในทางกลับกันเฉิงชิวอวี้กลับแสดงสีหน้ามืดหม่น

ศิลปินในดวงใจของเธอกลับขโมยจูบแก้มอวี้ฮ่าวหราน!

แย่จริง ๆ แบบนี้ ดูเหมือนว่าศัตรูตัวฉกาจจะโผล่ขึ้นมาอีกคนแล้ว!

“เอ่อ…เมื่อกี้มันอะไรกัน…”

หวังเจวียเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังคงมึนงง

เมื่อได้ยินเสียงของหวังเจวีย เฉิงชิวอวี้ ก็หันไปมองด้วยสายตารังเกียจ

“นายรีบ ๆ เก็บรูปของนายแล้วไปได้แล้ว พวกฉันไม่อยากได้รูปของนาย!”

เธอพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เธอไม่ชอบขี้หน้าหวังเจวีย มากกว่าเดิมซะอีก…

กล้าดียังไงถึงมาเหน็บแนมผู้ชายที่เธอชอบตั้งหลายครั้งหลายหน

คนแบบนี้จะมาเทียบกับอวี้ฮ่าวหรานได้ยังไง?

หวังเจวียยิ่งงุนงงหนักมากกว่าเดิมเมื่อโดนหญิงสาวตะคอกใส่

นี่ฉันทำผิดอะไรกัน? รูปพร้อมลายเซ็นพวกนี้ฉันอุตส่าห์เอามาให้เธอ แต่เธอกลับตะคอกใส่ฉันราวกับว่าฉันไปฆ่าใครตายซะงั้น? อ้อใช่แล้วมันเป็นเพราะไอ้อวี้ฮ่าวหรานนั่นไง!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ไฟโทสะในใจของเขาก็ยิ่งลุกโชดช่วง

เขาอยากจะเดินไปตบหน้าอวี้ฮ่าวหรานสักหลาย ๆ ทีที่ทำให้อับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

แต่น่าเสียดายที่เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่อวี้ฮ่าวหรานมีพละกำลังเหนือมนุษย์แถมยังเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตไม่แพ้บริษัทพ่อของเขาสักเท่าไหร่ เขาก็ต้องหยุดความคิดนี้ของตัวเองในทันใด

“ฉันต้องหาทางอื่น!”

หลังจากสาปแช่งในใจไปหลายรอบ เขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคียดแค้น

หลังจากผ่านไปสักพัก…ที่ด้านนอกสนามกีฬา

“อาเซี่ยง แกไปสืบมาให้รู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ด้านหลังเวทีคอนเสิร์ตของฟ่านซีเหยียน! ฉันอยากรู้ว่าทำไมฟ่านซีเหยียนถึงให้ค่ามันนัก!”

หวังเจวีย พูดกับลูกน้องของเขาเองด้วยสีหน้าอาฆาต

เขาเสียหน้ามากในเหตุการณ์วันนี้ดังนั้นเขาจึงวางแผนต้องการเอาคืน อวี้ฮ่าวหรานให้ได้!

ที่อีกด้านหนึ่ง หลังจากคอนเสิร์ตจบลง อวี้ฮ่าวหรานขับรถไปส่งเฉิงชิวอวี้ ก่อนเป็นอันดับแรก

ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึง4ทุ่มเป็นที่เรียบร้อย

ถวนถวน นอนหลับบนตักของหลี่หรงไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นบรรยากาศในรถจึงเงียบสงัดมาได้ระยะหนึ่ง

“พี่เขย คอนเสิร์ตนี้ดีจริง ๆ ฉันใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวีดีโอมาได้เพียบเลย”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นเสียงเบาเพื่อไม่ให้ถวนถวนตื่น แต่น้ำเสียงของเธอยังคงแฝงความประทับใจกับคอนเสิร์ตฟ่านซีเหยียน

“บางเพลงมีคนตั้งหลายคนขึ้นไปร้องร่วมด้วย คลิปวีดีโอที่เธอถ่ายมันจะไม่ออกมายุ่งเหยิงหรอกเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานตั้งข้อสังเกต

“ยุ่งเหยิงที่ไหนกันล่ะ ฉันมั่นใจว่าฉันถ่ายออกมาดีแน่นอน!”

“เอี้ยดดด….”

อย่างไรก็ตามก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้ตอบอะไรกลับไป เขากลับเหยียบเบรคอย่างแรงจนยางไถลไปกับพื้นเสียงดัง

“ว๊ายย!”

หลี่หรง กรีดร้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนกแต่ปฏิกิริยาของเธอยังรวดเร็วพอที่จะกอดถวนถวนเอาไว้แน่นจนเด็กน้อยไม่เป็นอันตรายอะไร

“พี่เขยเกิดอะไรขึ้น!?”

ถวนถวน ร้องไห้เสียงดังเนื่องจากตื่นตระหนกกับเหตุการณ์รถเบรคอย่างรุนแรง

“แง….แง….พ่อจ๋า!!”

แววตาของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขามองไปที่รถตู้หลายคันที่จอดขวางถนน…

ดูเหมือนว่าคืนนี้จะต้องมีใครบางคนอยากตาย!

เส้นทางที่อวี้ฮ่าวหรานเลือกขับผ่าน เป็นเส้นทางย่านชานเมืองซึ่งไม่ค่อยมีคนขับรถผ่านและยิ่งในเฉพาะตอนดึกแบบนี้มันยิ่งไม่มีรถเลย ส่วนสองข้างทางก็ร้างผู้คน…

“ดูถวนถวนไปก่อน เดี๋ยวพี่จะลงไปจัดการปัญหานี้เอง…”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหราน ปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูเดินลงจากรถในทันที…

ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานลงจากรถ กลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคนก็กรูกันออกจากรถตู้เช่นกัน

หากนับคร่าว ๆ ถึงจำนวนของกลุ่มที่เอารถมาขวางนั้นมีราวสี่ถึงห้าสิบคน!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการซุ่มโจมตีโดยมีการวางแผนล่วงหน้า!