ในบรรดากลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบที่กรูกันออกมาจากรถตู้ มีคน ๆ หนึ่งที่อวี้ฮ่าวหรานคุ้นหน้าคุ้นตา

เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮวงไห่ คนที่เพิ่งโดนเขาบดกระดูกแขนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง!

“ไอ้ลูกหมา! แกจำฉันได้ไหม?” ฮวงไห่ที่เข้าเฝือกแขนมาแบบลวก ๆ เรียบร้อยแล้วตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น “เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในงานคอนเสิร์ตแกอยากเป็นพระเอกนักใช่ไหม…วันนี้แกได้ตายแน่นอน!”

“จะพูดพล่ามเยอะให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าคิดจะฆ่าฉันก็รีบ ๆ วิ่งเข้ามา มัวแต่พูดแบบนี้มันเสียเวลา!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา เขาไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุยกับคนพวกนี้ให้มากนัก…

“ไอ้เวรเอ๊ย แกยังกล้าปากดีอีกงั้นเหรอ? แกเห็นรึเปล่าว่าตอนนี้ฉันพาลูกน้องมา 50 คน ไม่ว่ายังไงวันนี้แกไม่รอดแน่ คนที่กล้าขัดใจฮวงไห่ไม่เคยมีจุดจบดีสักราย!”

ฮวงไห่มั่นใจในลูกน้องของเขาชุดนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้พวกมวยไทยหรือการต่อสู้ผสมผสานแบบอื่น ๆ มามากมาย พวกเขาแต่ละคนสามารถสู้กับคนธรรมดา4-5คนได้อย่างไม่เป็นปัญหา

ในขณะที่ฮวงไห่ตะโกน บรรดาลูกน้องของเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหา อวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับมีดเล่มยาวในมือ

“เด็ก ๆ เอาเลย! สับแขนสับขามันแล้วลากตัวมันมาวางแทบเท้าฉันเดี๋ยวนี้!”

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำสั่งบรรดาลูกน้องของฮวงไห่ ก็เร่งฝีเท้าพุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานทันที!

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป การโดนนักเลงพร้อมมีด50คนวิ่งเข้ามารุมแบบนี้คงฉี่ราดไปแล้ว แต่ในทางกลับกันอวี้ฮ่าวหรานกลับแสยะยิ้มด้วยสีหน้าดูถูก

“ต่อหน้าเทพอย่างฉัน พวกแกมันก็ไม่ต่างอะไรกับมดแมลง!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็โคจรพลังวิญญาณไปที่หมัดขวาของเขาและจากนั้นเขาตะโกนขึ้นเสียงดังเพียงคำเดียวสั้น ๆ พร้อมกับชกหมัดออกไปด้านหน้า

“พินาศ!!”

“ปัง!!”

“อั่ก อั่ก อั่ก…!!”

เสียงมวลอากาศระเบิดคล้ายกับปรากฏการณ์โซนิคบูมดังกึกก้องขึ้นกลางถนน จากนั้นบรรดานักเลง50คนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน ต่างถูกคลื่นพลังไร้รูปแบบกระแทกร่างจนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง

พวกที่อยู่แถวหน้าสุดที่รับคลื่นกระแทกไปแบบเต็ม ๆ ที่สุดร่างลอยละลิ่วกระเด็นไปไกลสี่ถึงห้าสิบเมตร กระดูกและอวัยวะภายในของพวกเขาแหลกละเอียดซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนี้คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ส่วนพวกแถวหลัง ๆ ก็โชคดีหน่อย ร่างของพวกเขาลอยไปไกลแค่สิบถึงสิบห้าเมตร กระดูกของพวกเขาหักแค่บางส่วนแต่แน่นอนว่าหลังจากนี้พวกเขาคงต้องนอนรักษาตัวไปอีกหลายเดือน…

สาเหตุที่อวี้ฮ่าวหรานเลือกใช้คลื่นกระแทกจัดการกับคนพวกนี้มีอยู่ 2สาเหตุ สาเหตุแรกคือเขาไม่อยากเปลืองเวลามากกับคนไร้ค่าพวกนี้การใช้คลื่นกระแทกเป็นการโจมตีแบบบริเวณกว้างมันได้ผลดีเป็นอย่างมากกับมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณหรือพลังวิญญาณปกป้องร่างกาย

สาเหตุที่สองคือเขาไม่อยากจะให้ภาพที่เกิดมันดูเลือดสาดมากเกินไป การใช้คลื่นกระแทกเน้นไปที่การโจมตีอวัยวะภายในของศัตรู ดังนั้นต่อให้คนเหล่านี้ตาย ภาพที่ออกมามันก็ไม่ได้ดูน่าสยดสยองต่อลูกสาวของเขาและหลี่หรงที่อยู่ในรถมากนัก

แน่นอนว่าภาพนี้ทำให้ฮวงไห่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างเป็นเวลานาน

มันล้มลูกน้องฝีมือดี50คนของเขาภายในการโจมตีเดียว?!

ความสามารถแบบนี้มันคืออะไรกัน?

นี่มันไม่น่าจะใช้ความสามารถที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังภายในควรจะทำได้ใช่ไหม?

ครั้งนี้เขาไปล่วงเกินตัวตนระดับไหนกัน?

ความกลัวกัดกินหัวใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามหากเขารู้ว่าพลังเมื่อครู่ที่ อวี้ฮ่าวหราน ใช้มันยังไม่ถึง1ในสิบเพราะไม่อยากทำให้ภาพที่ออกมามันดูน่าสยดสยองเกินไป เขาคงจะหัวใจวายตายไปแล้ว

อวี้ฮ่าวหรานมองดูนักเลง50คนที่นอนเกลื่อนถนนด้วยสภาพปางตายบ้างก็บาดเจ็บสาหัส จากนั้นเขาเบนสายตาไปที่ ฮวงไห่

“แกบอกว่าจะตัดแขนตัดขาฉันไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้แกคงต้องลงมือเองแล้ว เข้ามาสิ…เข้ามา!”

ในระหว่างที่พูดอวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฮวงไห่ด้วยสีหน้าดูถูกซึ่งในทางกลับกันฮวงไห่กลับตัวสั่นงันงกไม่ต่างอะไรกับลูกหนูที่เห็นแมวตัวโต

“ก…ก…แกอย่าเข้ามานะ!!”

ฮวงไห่กรีดร้องเสียงดังพลางเดินถอยหลังไปด้วยอาการขาสั่น

เขาจะมีปัญญาไปสู้กับกับสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไง?

จัดการคน50คนได้ภายในการโจมตีเดียว!

นี่มันบ้าไปแล้ว!

น่าเสียดายที่การตะโกนกรีดร้องของเขาไม่เป็นผล อวี้ฮ่าวหรานยังคงเดินเข้ามาหาเขาอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเย็นชา…

เสียงก้าวเท้าแต่ละก้าวของอวี้ฮ่าวหรานส่งผลให้หัวใจของเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะ

“ฉ…ฉันขอเตือนแกเอาไว้ก่อน! ก่อนหน้าที่ฉันจะมาหาแก ฉันเรียกลูกพี่ของฉันมาด้วย! อีกไม่นานเขาจะต้องมาถึงแน่นอนหากแกทำอะไรฉันตอนนี้เขาไม่ปล่อยแกกับครอบครัวแกแน่ๆ!”

ในขณะที่ตื่นตระหนก ฮวงไห่ก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนที่จะมาเขาโทรไปหาลูกพี่ของตัวเองให้ช่วยตามมาสมทบอีกแรงเผื่อมีเหตุการ์ณไม่คาดฝันเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นได้บ้างเล็กน้อยและเอ่ยคำขู่ออกไปในทันที

“ลูกพี่ของฉันก็สามารถปล่อยพลังแบบแกได้ถ้าแกยอมคุกเข่าขอโทษตรงหน้าฉันตอนนี้ ฉันจะบอกลูกพี่ของฉันให้ละเว้นครอบครัวของแก!”

“โอ้งั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเผยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นเขาพุ่งตัวไปประชิดฮวงไห่ ภายในพริบตาและเตะหัวเข่าซ้ายของอีกฝ่ายจนกระดูกแตกละเอียดเพื่อทำให้ฝั่งตรงข้ามไม่อาจหนีไปได้

“หึหึ…แกบอกว่าเดี๋ยวลูกพี่ของแกจะมาสินะ? ปล่อยพลังแบบฉันได้ด้วยใช่ไหม? ได้เลย งั้นเดี๋ยวแกกับฉันเรามารอด้วยกัน ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกพี่ของแกจะวิเศษอย่างที่แกบอกไหม?!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงไห่ อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจที่จะไม่รีบร้อน

ในเมื่อเขามีโอกาสถอนรากถอนโคนอีกฝ่ายทำไมเขาถึงจะไม่ทำ?

ทางด้านของ ฮวงไห่ที่กระดูกหัวเข่าเพิ่งโดนเตะจนแตกละเอียดล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดแต่เขาก็ยังสามารถข่มเสียงของตัวเองไม่ให้ร้องออกมาได้ สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้ไม่ใช่อาการบาดเจ็บของเขา แต่เขากังวลกับท่าทีอันสงบนิ่งของอวี้ฮ่าวหรานมากกว่า

ขนาดเขาบอกไปว่าลูกพี่ของเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนกันทำไมชายหนุ่มคนนี้ยังนิ่งอยู่ได้?

หรือว่าชายหนุ่มคนนี้มั่นใจว่าจะจัดการกับลูกพี่ของเขาได้จริงๆ?

หลังจากผ่านไปได้อีกพักใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ SUVคันสีดำ ก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงแล้วเบรคอย่างกระทันหัน

“เอี๊ยดด…!!”

รถเบรคห่างจากอวี้ฮ่าวหรานไปเพียงไม่กี่เมตร จากนั้นคนที่อยู่รถก็เปิดประตูลงมาด้วยสีหน้าตกตะลึง

“นี่…เป็นคุณ!?”

อวี้ฮ่าวหรานมองกลับไปที่ฝั่งตรงข้าม เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เพิ่งมาถึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา

คนที่มาไม่ใช่คนอื่นนอกจากเฉินซิวแห่งแก็งค์มังกรคราม คนที่เขาเจอด้วยความบังเอิญมาแล้วสองสามครั้งก่อนหน้านี้!

น่าสนใจจริงๆ!