บทที่ 118 รอดชีวิต
แน่นอนว่าหลัวซิวไม่มีทางปล่อยให้ซงซานเอ้อร์สงมีโอกาสใช้วิชาประสานโจมตีอีก เขาเคลื่อนกายไปปรากฏตรงหน้าของทั้งสอง กระบี่เงามืดที่ส่องประกายราวสายฟ้าสีดำแทงแหวกอากาศออกไป
หากไม่ได้ใช้วิชาประสานโจมตีเข้ามาช่วย พลังของซงซานเอ้อร์สงก็ไม่ต่างอะไรกับจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น 1 ธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับวิชาดาบเร็วที่รวดเร็วมากของหลัวซิว พวกเขาจึงรับมือไม่อยู่
“ฉึก! ฉึก!……”
โลหิตพุ่งกระชูดออกเป็นสาย ร่างของซงซานเอ้อร์สงล้มลงไปนอนเป็นศพกองอยู่บนพื้น
เยี่ยนชิวที่ขี่ม้าคอขนเขาเดียวอยู่ไม่ไกลนักยืนเหม่อมองเหตุการณ์ตรงหน้า วิชาประสานโจมตีของซงซานเอ้อร์สงที่สามารถจัดการจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น 4 ได้กลับถูกจอมยุทธ์ชี่ไห่ธรรมดาคนหนึ่งสังหาร
“แก……แกเป็นใครกันแน่” แม้ว่าเขาจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่เยี่ยนชิวก็ยังมองหลัวซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ จอมยุทธ์ชี่ไห่คนหนึ่งจะมีพลังที่กล้าแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร นี่มันผิดธรรมชาติ
“ไปถามยมบาลที่ยมโลกสิ!”
หลัวซิวเสียงแข็ง ตอนนี้ความอาฆาตแค้นของเขาแผ่ซ่าน เขาแสดงวิชาเงาเศษสิบช่อง กระบี่เงามืดในมือของเขาสั่นไหว กระบี่ส่องประกายออกมาราวกับรุ้งสีดำ
ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยนชิวนั่นคือตั้งท่าจะควบม้าคอขนเขาเดียวหนีไป ทว่าเขายังไม่ทันจะได้ขยับตัว กระบี่เงามืดก็พุ่งเข้ามาเสียบที่คอของเขาเสียแล้ว
เยี่ยนชิวอ้าปากกว้าง ดวงตาของเขาถลึงออกมา โลหิตไหลซิบออกมาจากมุมปาก เขาไม่อยากยอมแพ้ คุณชายตระกูลเยี่ยนที่ยิ่งใหญ่เช่นเขาจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อยู่ที่นอกเขตการปกครองหยุนหลงหรือว่าตอนอยู่ที่เทือกเขากวนเหลยก็ตาม ลู่เมิ่งเหยาล้วนเคยเห็นหลัวซิวฆ่าคนมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้สึกอะไรเมื่อเห็นหลัวซิวลงมือสังหารเยี่ยนชิวและพวกต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
ตอนที่หลัวซิววางเธอลงจากบนหลัง ตอนนั้นเธอถึงจะตระหนักได้ว่าหลัวซิวได้ฆ่าจอมยุทธ์พรสวรรค์ไปแล้วสองคน ทั้งๆ ที่ยังแบกเธอเอาไว้บนหลัง
เมื่อถูกวางลงกะทันหัน ลู่เมิ่งเหยาจึงแอบรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียการควบคุมตัว
หลัวซิวไม่ได้กล่าวอะไร และไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ลู่เมิ่งเหยากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเก็บสมบัติของศพทั้งสามร่างด้วยความชำนาญ แล้วจึงจะหันไปกล่าวกับลู่เมิ่งเหยาว่า “ได้匹ม้าคอขนเขาเดียวตัวนี้มา พวกเราจึงจำเป็นต้องหนีจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด”
การที่เยี่ยนชิวกล้ากลั่นแกล้งรังแกทั้งหญิงชายในเมืองโจ๋วซิงเช่นนี้ แสดงว่าที่มาที่ไปของเขาจะต้องธรรมดาอย่างแน่นอน ผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขาจะต้องออกคำสั่งสังหารตนอย่างแน่นอน
“พวกเราจะไปที่ไหนคะ” ตั้งแต่เดินทางมาจากเขตการปกครองหยุนหลง ลู่เมิ่งเหยาไม่เคยแสดงความเห็นใดๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนและมุ่งหน้าไปทางใดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหลัวซิวทั้งสิ้น
“เทือกเขากวนเหลย” หลัวซิวชี้ไปยังทิวเขาที่ถูกหมอกปกคลุมจนเห็นลางๆ อยู่ในที่ไกลๆ ลูกนั้น
เพิ่งจะออกมาจากเทือกเขากวนเหลยแท้ๆ แต่ต้องมุ่งหน้ากลับไปอีก หลัวซิวเองก็รู้สึกเซ็งเช่นกัน
เขากระโดดพาร่างของตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังม้าคอขนเขาเดียว หลัวซิวยื่นมือให้ลู่เมิ่งเหยาแล้วดึงเธอขึ้นมา
“ไป!”
ม้าคอขนเขาเดียวมีนิสัยอ่อนโยน เมื่อถูกหลัวซิวใช้เท้ากระทุ้งที่ท้อง มันก็วิ่งทะยานไปยังทิศทางของเทือกเขากวนเหลย
ไม่นานนัก ท่านหลิวผู้อาวุโสเคราขาวจึงปรากฏตัวขึ้น และเห็นศพสามร่างนอนจมอยู่ในกองเลือด
“เป็นวิชากระบี่ที่เฉียบขาดนัก”
ท่านหลิวสังเกตร่องรอยการต่อสู้ที่ปรากฏอยู่ในบริเวณนั้น เมื่อเห็นบาดแผลที่อยู่บนร่างของศพ สีหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมขึ้น
ขนาดเขาเป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น 4 ยังไม่แน่ใจในตัวเองเลยว่าหากต้องปะทะกับซงซานเอ้อร์สงจะสามารถรับมือพวกเขาได้หรือไม่
เดิมทีท่านหลิววางแผนเอาไว้ว่าจะแอบซ่อนตัวบนถนนเส้นที่มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองโจ๋วซิงที่เขาจะต้องผ่านแน่ๆ และจะแอบซุ่มโจมตีเพื่อชิงป้ายบัญชาการเหลยหวู่ตอนที่เยี่ยนชิวและซงซานเอ้อร์สงเดินทางกลับ
แต่เขาไม่คิดเลยว่า เยี่ยนชิวและซงซานเอ้อร์สงนอกจากจะไม่สามารถแย่งป้ายบัญชาการเหลยหวู่กลับมาได้ยังโดนฆ่าตายอีก
“หรือว่าจะมียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้น แล้วช่วยพวกเขาไป หรือว่าชายหญิงคู่นี้ข้างกายจะมียอดฝีมือคอยคุ้มกันอยู่” ท่านหลิวขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่านี่จะเป็นฝีมือของจอมยุทธ์ชี่ไห่เพียงคนเดียว
“หนีไปที่เทือกเขากวนเหลยงั้นหรือ” ท่านหลิวแกะร่องรอยของม้าคอขนเขาเดียว แล้วมองไปยังเทือกเขากวนเหลย
ท่านหลิวหยิบกล่องส่งเสียงออกมาแล้วรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่กับตระกูลต้วนที่อยู่เมืองโจว๋ซิง
เยี่ยนชิวเป็นลูกคนเดียวของตระกูลเยี่ยน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เมืองโจ๋วซิงจะต้องเกิดความโกลาหลใหญ่โตแน่นอน
ตระกูลเยี่ยนทราบข่าวภายในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเจ้าตระกูลอย่างเยี่ยนหยวนรู้ก็โกรธมาก จึงได้ออกประกาศจับไปทั่วเมือง ในเวลาเดียวกันก็ส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปที่เทือกเขากวนเหลยเพื่อสังหารฆาตกร
ตระกูลเยี่ยนและตระกูลต้วนก็ส่งกำลังคนออกมาเช่นกัน เพราะทั้งสองตระกูลต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายหนึ่งครอบครองป้ายบัญชาการเหลยหวู่เอาไว้
ไม่ว่าตระกูลใดก็ตามที่ได้รับป้ายบัญชาการนี้มา ก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายไม่รู้จบ
หากไม่สามารถแย่งมาได้สำเร็จ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายที่ครอบครองป้ายบัญชาการเหลยหวู่กลายเป็นศิษย์ใจกลางของสำนักเหลยหวู่ หรือนำป้ายบัญชาการไปขอให้สำนักเหลยหวู่กำจัดตระกูลเยี่ยนหรือตระกูลต้วนนั่นจะกลายเป็นความหายนะ
ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาต้องจับหนุ่มสาวคู่นั้นมาให้ได้
เทือกเขากวนเหลยกว้างใหญ่ไพศาล กำลังที่ตระกูลเยี่ยนกับตระกูลต้วนส่งออกมาก็ไม่น้อย แต่หากต้องการหาคนทั้งสองให้เจอในผืนป่ารกชัฏและแผ่อาณาเขตกว้างขวางขนาดนี้กลับไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทร
หลัวซิวคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหนีเข้ามาในเทือกเขากวนเหลย
หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หลัวซิวกับลู่เมิ่งเหยาก็เดินทางเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่ง
ในหุบเขานี้เป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นสมบูรณ์ แต่เงียบสงัดไร้ซุ่มเสียง จากกระแสสัมผัสของหลัวซิว นอกจากต้นไม้ใบหญ้าพวกนี้แล้ว เขาก็ไม่พบพลังงานอื่นใด และไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดด้วย
“พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
ความแปลกประหลาดของหุบเขานี้ทำให้หลัวซิวเกิดความรู้สึกระแวง ปฏิกิริยาของเขาคือรรีบจูงมือลู่เมิ่งเหยาออกไปจากที่นี่
ทว่าในตอนนั้นเอง ทางเข้าออกหุบเขากลับปรากฏหมอกสีดำลอยคลุ้งขึ้นมา ความหนาวยะเยือกที่กระจายไปทั่วทำให้หลัวซิวรู้สึกหนาวสะท้าน
และลู่เมิ่งเหยาที่มีร่างกายบอบบางอยู่แล้วพลันตัวสั่นระริกขึ้นมา ใบหน้าของเธอขาวซีด
“นี่มัน……เกิดเรื่องอะไรขึ้น” แววตาของลู่เมิ่งเหยาปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา และนี่เป็นความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
หลัวซิวเริ่มรู้สึกได้ว่าลูกแก้วความเป็นตายกำลังสั่นเบาๆ เมื่อความเย็นยะเยือกเคลื่อนตัวปกคลุมเข้ามาใกล้ ก็ถูกลูกแก้วความเป็นตายดูดรับเข้าไป ความหนาวสะท้านพลันมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้น หุบเขาแห่งนั้นถูกหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วจนมองไม่เห็นทางเข้าออก ราวกับนี่เป็นค่ายกลขนาดใหญ่ที่ขังเขากับลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ในนี้
เมื่อความเย็นเยียบถาโถมเข้าใส่ ทำเอาริมฝีปากของลู่เมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ตัวของเธอแข็งทื่อ ความหนาวเย็นนี้แม้ว่าจะโคจรปราณแท้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถทุเลามันลงหรือก่อให้เกิดประโยชน์อะไรใดๆ ขึ้นมา
เมื่อเห็นลู่เมิ่งเหยาทรุดลงกับพื้น หลัวซิวก็รีบพยุงเธอขึ้นมา ตอนนั้นจึงสัมผัสได้ว่าในร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความหนาวยะเยือกนี้ แต่ตอนที่คนทั้งสองสัมผัสโดนตัวกัน ลูกแก้วความเป็นตายในตัวของหลัวซิวก็ได้ดูดมันออกไปจนหมด
ลู่เมิ่งเหยาที่เกือบจะหมดสติไปแล้วเมื่อได้สติกลับคืนมาก็คว้าตัวหลัวซิวไว้ด้วยความกลัวและไม่กล้าที่จะปล่อยมือเขาอีก “หลัวซิว ที่นี่มันที่ไหนกันแน่”
ตั้งแต่เกิดความเปลี่ยนแปลงในสำนักเซียวเหยา พ่อของเธอได้รับบาดเจ็บหนักและสิ้นชีพไปจากสงครามเจ้าสำนัก หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่เธอต้องเผชิญล้วนเต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว ทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยอีก