ตอนที่ 196 : ทวงคืนผลงาน

ฟ่านฉิงเหมยไม่ค่อยกลับมาที่เมืองบ่อยนัก ส่วนใหญ่เธอจะอยู่แต่ในป่า การเดินทางในครั้งที่ผ่านมาเธอได้ไปยังมิติมืดมา

เป้าหมายในการเดินทางไปยังมิติมืดก็เรียบง่าย เพราะอสูรตัวหนึ่งของเธอมาจากมิติมืด อาหารทั่วไปในโลกนี้อสูรนั้นไม่คิดจะดูดซับเข้าไป ผลก็คือมันพัฒนาได้ช้า เธอจึงต้องพามันกลับไปยังบ้านเกิดของมัน

แต่อยู่ในมิติมืด ฟ่านฉิงเหมยก็ใช่ว่าจะสบาย เธอต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะอันตรายนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่

หวังเย่าขมวดคิ้ว เมื่อได้ฟังเขาก็พอเข้าใจมิติมืดขึ้นมาบ้าง ในมิติมืดนั้นมีแสงแค่เพียงน้อยนิด บนท้องฟ้าก็มีแต่เมฆดำทะมึน

ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดแบบนั้น เมื่อคนเราอยู่ที่นั่นนาน ๆ ก็มีแต่จะทำให้จิตใจมัวหมองลงไปด้วย สัตว์อสูรด้านในก็มีแต่พวกมีพิษ หากมีเหยื่อปรากฏตัวขึ้นมา พวกมันก็พร้อมที่จะทำการล่าทันที

ว่ากันว่าแมงมุมที่นั่นตัวใหญ่กว่ารถเสียอีก แล้วยังมียุงที่มีขนาดพอ ๆ กับเฮลิคอปเตอร์รึแมงป่องขนาดเท่ากับรถบัส แต่อันตรายจากอสูรเหล่านั้น ก็ยังเทียบไม่ได้กับอสูรพื้นเมืองที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่เคลื่อนไหวไปมาอย่างไร้ร่องรอยในมิติมืด

พวกเขาถึงกับเรียกขานพวกมันว่า ผีมืด

ผีมืดพวกนั้นลงมือกันเป็นกลุ่ม ทุก ๆ ที่ที่มันผ่านไป จะไม่เหลือร่องรอยใดใดและมองไม่เห็นรูปร่าง ซึ่งตรงกับตำนานของญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า “ขบวนพาเหรดของร้อยปีศาจ”

มันเคยมีวิดิโอบันทึกการล่าของอสูรพวกนั้นเอาไว้

ในวิดิโอนั้นมีมังกรตัวใหญ่ที่บิดตัวไปมาด้วยความหงุดหงิด หางของมันฟาดไปมา ที่ตัวของมันเต็มไปด้วยรอยแผล ในเวลาไม่ถึงนาทีร่างกายของมันก็มีแผลเพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยแผล

ใช้เวลาไม่นานมังกรนั่นก็ตายไป เนื้อและเลือดของมันถูกบางอย่างกัดกินไป ไม่ถึง 30 นาทีมันก็เหลือแค่โครงกระดูก

ในวิดิโอนั้นไม่เห็นสัตว์อสูรที่ลงมือเลย

ดังนั้นคนที่ถ่ายวิดิโอจึงเปิดโหมดจับความร้อนดูและพบว่ามีสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกับมนุษย์หลายตัวโผล่ขึ้นมา

ในอีกความหมายคือสัตว์อสูรในมิติมืดนั้นไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน ที่นั้นก็จะมีแต่หายนะรออยู่

เมื่อได้ยินคำพูดของฟ่านฉิงเหมย หวังเย่าก็กังวลขึ้นมาเพราะเธอเองก็ไปเจอกับสัตว์อสูรพวกนั้นด้วย

ตอนนั้นเธอพักอยู่ในถ้ำและปิดปากถ้ำเอาไว้  เธอได้ยินเสียงดังจากด้านนอก เสียงนั้นราวกับเสียงคนพูดคุยกัน

ฟ่านฉิงเหมยกลัวและกลั้นหายใจเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงออกมา

เสียงนี้ดังกว่าชั่วโมงพร้อมกับกลิ่นเลือดที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เช้าวันต่อมา ฟ่านฉิงเหมยก็ได้ออกมานอกถ้ำก่อนจะพบกับโครงกระดูกกระจัดกระจายไปทั่ว มันมีโครงกระดูกของสัตว์อสูรขนาดใหญ่หลายสิบตัว มันถึงกับมีกองไฟและร่องรอยคล้ายกับร่องรอยของมนุษย์ทิ้งไว้ด้วย

เธอมั่นใจ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะต้องเป็นฝีมือของพวกผีมืด

เพราะถ้าเป็นทหารรับจ้าง พวกเขาจะไม่มีวันก่อไฟกลางป่าเช่นนี้หรอก นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้ยินเสียงพูดภาษามนุษย์เลย

เรื่องนี้ทำให้ฟ่านฉิงเหมยกลัวไปหลายวัน เธอกลัวว่าผีพวกนั้นจะกลับมา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเดินทางไปไหนเพราะกลัวว่าจะพบกับพวกนั้นเข้า

เธอได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหลายวัน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะออกมาเพราะไม่กล้าที่จะอยู่ในมิติมืดนี้ต่อ

หวังเย่าได้ยินเรื่องราวของเธอก็ขนลุกขึ้นมา ในเวลาเดียวกันความมั่นใจที่เคยมีก็สั่นคลอน

แม้ว่าเขาจะมีระบบ แต่ก็มีความแข็งแกร่งที่จำกัด มันมีอันตรายมากมายในโลกนี้ที่เขาไม่อาจจะรับมือได้

ทั้งสองพูดคุยกันเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่หวังเย่าจะหยิบเกราะมังกรและมีดทมิฬออกมาส่งให้กับฟ่านฉิงเหมย  ฟ่านฉิงเหมยรับมันไว้ ก่อนจะหอมไปที่แก้มของหวังเย่า

หลังจากที่ออกจากร้านกาแฟแล้ว หวังเย่าก็พาเธอกลับไปที่บ้าน

ส่วนตัวเขานั้นกลับไปที่โรงแรมใกล้กับมหาลัยแทน

วันต่อมากลุ่มทหารรับจ้างโลกาภายใต้การนำของหลงปู้หยู๋ก็ได้ออกเดินทางสู่เมืองฉางอัน

หวังเย่ายังคงกลับไปฝึกซ้อมดังเดิม

สุดท้ายหวังเย่าที่ไม่ต้องสนใจธุระใด ๆ ก็ฝึกทักษะพายุสังหารส่วนที่ 3 ได้สำเร็จ

ตอนนั้นเขาอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรม ตัวของเขาค่อย ๆ ลอยขึ้น ไม่นานเขาก็ลอยขึ้นสูงจากพื้นกว่า 100 เมตร จากนั้นเขาก็พยายามบินออกไป

….

“ บัดซบ! ไม่คิดเลยว่าผู้ตรวจสอบ 2 ดาวของเมืองฉางอันจะกล้าแย่งผลงานของหัวหน้าไป รับไม่ได้จริง ๆ ”

ในเมืองฉางอัน หลงปู้หยู๋ก็ได้จัดการธุระต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย เขาได้ไปพบกับกลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่ง ไห่เสี่ยวซวนกับพวกหญิงสาวที่หวังเย่าเคยช่วยเอาไว้

คนในเมืองรับรู้กันว่าไห่เสี่ยวซวนกวาดล้างหุบเขาไร้กังวลและช่วยหญิงสาวพวกนี้ออกมา

แต่เพราะเหตุผลบางอย่างจึงทำให้ผู้หญิงพวกนี้ไม่กล้าออกมาโต้เถียงเรื่องนี้

หลังจากที่ตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าพวกเธอนั้นบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตอนนี้พวกเธอยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ พวกเธอจึงยังไม่ได้ติดต่อกับคนภายนอก

“รองหัวหน้าหลง แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูน่าหงุดหงิดแต่มันก็จัดการได้ไม่ยาก เราแค่ต้องเอานักข่าวของเมืองนี้ไปกับเราด้วย จากนั้นเราก็ส่งร่างของคนร้ายพวกนี้ ก่อนจะเผยแพร่เรื่องนี้ลงในอินเตอร์เน็ต จากนั้นเรื่องการทำลายรังโจรก็จะเผยความจริงออกมา หัวหน้าก็จะกลายเป็นคนดังของเมืองฉางอัน”

ทหารรับจ้างหนุ่มที่รับเข้ามาใหม่เสนอวิธีขึ้นมา เขาชื่อว่าลัวจ้าวฮว่า เป็นคนฉลาด อายุแค่ 20 ปีแต่ก็สามารถขึ้นมาถึงระดับ C ได้

แม้ว่าหวังเย่าจะยังไม่ได้ทำสัญญากับทหารใหม่อย่างเป็นทางการแต่เขาก็ตรวจสอบข้อมูลของทุกคนแล้ว เขาเองก็รู้ข้อมูลของลัวจ้าวฮว่าดี

หลงปู้หยู๋ก็เห็นด้วยกับวิธีของลัวจ้าวฮว่า

บางครั้งยิ่งคิด ปัญหาก็ยิ่งยุ่งยาก มันคงจะดีกว่าถ้าจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด

วันต่อมานักข่าวหลายคนก็ได้ติดตามกลุ่มทหารรับจ้างโลกาไป พวกทหารได้ส่งร่างของโจรทั้งสามคน หลังจากที่ได้รับการยืนยันแล้ว พวกเขาก็ได้รับค่าหัวกลับมา

30 นาทีต่อมาเรื่องนี้ก็ถูกตีข่าวออกไปอย่างรวดเร็ว

เนื้อหาของข่าวบอกว่าหวังเย่าเพียงคนเดียวได้ทลายรังโจร เขาได้รับคำชมอย่างมาก  ส่วนไห่เสี่ยวซวนนั้นกลับต้องเป็นฝ่ายเสียหน้าแทน

“แกคิดจะเล่นกับฉันแบบนี้สินะ หวังเย่า อย่าให้ฉันได้เจอแกละกัน”   เมื่อได้เห็นข่าว ไห่เสี่ยวซวนก็ตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ

เพราะเรื่องนี้จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย มันทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลก

ถึงหวังเย่าจะไม่ได้มาที่นี่ แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือฝีมือของหวังเย่า  ทุกคนในเมืองต่างก็รับรู้เรื่องนี้