ตอนที่ 197 : จระเข้เกราะทอง
นอกจากนี้เมื่อสมาคมมังกรพิทักษ์เมื่อได้เห็นข้อมูลจากจดหมายของหวังเย่าแล้ว พวกเขาก็เรียกประชุมทันที มันมีคนจากสมาคมใหญ่หลายคนเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย
การประชุมดำเนินไปกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ทุกคนจะรีบออกมาจัดการตามที่ได้ตกลงกันไว้
หลงปู้หยู๋ไม่รู้ว่าพวกนี้ได้ทำการจัดประชุม เขาได้รับคำขอบคุณจากสมาคมมังกรพิทักษ์ ก่อนจะเดินทางออกจากเมืองฉางอัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้รายละเอียดในการประชุม
ในวันที่ 10 หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ ก็กลับมาที่เมืองอย่างปลอดภัย มีแค่ไม่กี่คนที่บาดเจ็บเล็กน้อย พวกเขาเล่าว่าได้เจอกับสิงโตไฟสามหัวในป่า มันเลเวล 50 และอยู่ระดับสวรรค์ มันแข็งแกร่งอย่างมากแต่กลุ่มทหารรับจ้างโลกานั้นนอกจากหวังเย่าแล้วก็ยังมีคนที่มีความสามารถอยู่ พวกเขาได้อาศัยคนกว่า 29 คนไล่มันกลับไปที่รังได้
เมื่อได้ยินข่าวว่าพวกนี้กลับมาแล้ว หวังเย่าก็หยุดการฝึกและรีบมุ่งหน้าไปยังที่พักของกองทหารเพื่อพบกับทหารของเขาทันที
หลังจากที่ได้ยินรายงาน หวังเย่าก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
สำหรับไห่เสี่ยวซวนแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ช่วยอะไรแต่กลับแย่งผลงานของเขาไป มันดูไร้หัวคิดสิ้นดี ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนไห่เสี่ยวซวนก็เท่านั้น และหวังเย่าก็ค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก
หวังเย่าและไห่เสี่ยวซวนต่างก็เป็นผู้ตรวจสอบ อีกฝ่ายกล้ามองข้ามเขางั้นหรือ ? ดูเหมือนว่าไห่เสี่ยวซวนจะมั่นใจในตัวเองพอตัว
เหตุผลที่เขาไม่ไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองนั้น หนึ่ง เพราะเขาเพิ่งกลับมาจากภูเขาผลไม้ เขายังเหนื่อยอยู่ สอง เขารู้สึกอายนิด ๆ ถ้าต้องไปทวงผลงานด้วยตัวเอง มันจะทำให้คนอื่นคิดว่าเขาสนใจแต่ผลงาน การให้หลงปู้หยู๋ไปจัดการเรื่องนี้จึงดูจะเข้าท่ากว่า
“ เมื่อพวกนายทำภารกิจสำเร็จ ฉันก็จะทำตามที่ตกลงเอาไว้ พวกนายเลือกของในคลังได้คนละชิ้น นี่ยังรวมไปถึงชุดระดับ B ด้วย นอกจากรางวัลพวกนี้แล้วพวกนายยังได้รับเงินเพื่อไปซื้อพาหนะ, อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ เราจะพักกัน 2 วันและฝึกต่อ อีก 5 วัน จากนั้นฉันจะพาพวกนายไปมิติดวงจันทร์”
ทันทีที่หวังเย่าพูดจบ ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
พวกเขารู้ว่าสัตว์อสูรในมิติดวงจันทร์นั้นมีจำนวนมากและยังอยู่ระดับสูงอีกด้วย บางทีพวกเขาอาจจะได้ทำสัญญากับไข่ของสัตว์อสูรพวกนั้น
หลงปู้หยู๋ตื่นเต้นกว่าใคร เขารอวันนี้มานาแล้ว ถ้าเขาโชคดีเขาอาจจะได้สัตว์อสูรที่บินได้มาครอง
แน่นอนเขาคิดในใจว่ายังไงกิเลนไฟก็ดีกว่าสัตว์อสูรพวกนี้ มันสามารถเดินทางในน้ำ บนบกและอากาศได้
แต่ว่าเขาได้ยกเลิกสัญญากับกิเลนไฟไปแล้ว
ถ้าไม่มีหวังเย่า เขาอาจจะตายเพราะอสูรของตัวเองไปแล้ว
…
5 วันผ่านไปในพริบตา
ในเช้าของวันที่ 5 พระอาทิตย์เจิดจ้ากลางนภา เมฆขาวล่องลอยเหนือเมืองหัวเซี่ย
หลังจากรายงานกับทางเมืองแล้ว หวังเย่า,กลุ่มทหารรับจ้างโลกาและแฟนสาวอีกสองคนก็ได้เดินทางออกจากเมืองผ่านประตูทางทิศใต้ไป
มิติดวงจันทร์นั้นอยู่ใกล้กับเมืองรวมสิงขร ดังนั้นระยะทางจึงค่อนข้างไกล เพื่อความเร็วหวังเย่าจึงซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่มาทั้งหมด 10 ลำ แต่ละลำนั้นนั่งได้ 3-4 คน
เฮลิคอปเตอร์พวกนี้ซื้อมาในราคากว่า 200 ล้านเครดิต แน่นอนว่ามันต้องบินได้เร็ว
ไม่นานทุกคนก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้
ตลอดหลายวันมานี้ หวังเย่าได้เรียกสมาชิกทุกคนมาเรียนรู้เรื่องการขับเฮลิคอปเตอร์ เช่นการขับขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
หวังเย่าเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์โดยมีสาวสวย 2 คนนั่งอยู่ข้างกาย
เหตุผลที่เขาเปลี่ยนวิธีการเดินทางก็เพราะว่า หนึ่ง ระยะทางที่ยาวไกล สอง เพราะสัตว์อสูรในระยะ 100 ไมล์ของเมืองหัวเซี่ยถูกกำจัดไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นตราบใดที่ระวังตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร
มันไม่เหมือนเครื่องบินที่จะต้องขึ้นไปยังชั้นสตราโตสเฟียร์ เพื่อสลัดแรงต้านทางอากาศ เพราะที่ชั้นสตราโตสเฟียร์นั้นจะมีพวกสัตว์อสูรคอยโจมตีอยู่
หวังเย่ายังจำได้ว่าระหว่างนั่งเครื่องบินจากเมืองอรุณมาที่เมืองหัวเซี่ยนั้น เขาเคยเห็นนกยักษ์ตัวหนึ่งบนก้อนเมฆ และมันยังปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาอีกด้วย ซึ่งมันน่ากลัวมาก
เฮลิคอปเตอร์บินได้ไม่เร็วนัก แต่สามารถเดินทางเป็นเส้นตรงได้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีอุปสรรคในการบินมากนัก
2 ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็บินมาได้เกือบ 1,000 ไมล์ ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับพวกสัตว์อสูรอยู่บ้าง เมื่อเข้าใกล้พวกมัน พวกเขาก็จะใช้ปืนยิงเพื่อบังคับให้พวกมันล่าถอย
เมื่อลงจอดที่พื้น พวกเขาก็พากันเก็บเฮลิคอปเตอร์ก่อนจะเอาแผนที่ขึ้นมาตรวจสอบเส้นทางและพบว่าพวกเขาเดินทางเบี่ยงไปจากเส้นทางเดิม 10 องศา แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
พวกเขาต้องเดินทางกันอีก 2,000 ไมล์
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ใส่ชุดและเตรียมอาวุธให้พร้อม” หลงปู้หยู๋สั่งการออกมา
ไม่มีใครคิดจะปฏิเสธคำสั่งนี้
ยิ่งห่างจากตัวเมืองเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
เพราะยังมีสัตว์อสูรจำนวนมากในป่าที่ยังไม่ถูกจัดการ ดังนั้นสัตว์อสูรที่นี่จึงมีจำนวนมากและแข็งแกร่ง บางทีมันอาจจะมีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิโผล่มาก็ได้
แน่นอนว่าเดินมาแค่ 50-60 ไมล์ หวังเย่า ก็ได้พบกับสัตว์อสูรระดับราชันย์ นั่นก็คือจระเข้เกราะทอง
จระเข้เกราะทองกระโดดลงจากผาที่สูงเกือบ 1000 เมตร ในพริบตามันก็ร่วงลงมาที่หุบเขา ลำตัวขนาดใหญ่ของมันปิดช่องหุบเขาเอาไว้และแผ่คลื่นพลังอันหนาวเย็นออกมา
หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที สัตว์อสูรนี่ตัวยาวกว่า 70-80 เมตร กว้างกว่า 20 เมตร ที่ท้องของมันมีขา 6 ข้างยื่นออกมา ถึงตัวมันจะใหญ่แต่กลับว่องไวนัก
“ หัวหน้า เราจะทำยังไงกันดี” หลงปู้หยู๋ถามขึ้นมาพร้อมกับกำดาบไว้แน่น
หวังเย่ามองไปที่จระเข้เกราะทองก่อนที่จะมีข้อมูลของมันโผล่ขึ้นมาในหัว
*****
สายพันธุ์ : จระเข้เกราะทอง
ระดับ : สวรรค์ขั้นสูง
เลเวล : 57
สกิล : 1. เกราะทองไร้เทียมทาน เกล็ดทองของมันแข็งเทียบเท่ากับทอง มันจึงยากที่จะทำลายได้
คลื่นพลิกปฐพี มันจะฟาดตัวลงกับพื้นและส่งคลื่นกระแทกออกมา ทำให้พื้นดินในระยะ 500 เมตร พลิกตัว
คลั่ง สูบฉีดเลือดเพื่อเพิ่มความสามารถในการโจมตี
กรงเล็บบิน ส่งกรงเล็บของมันฝ่าอากาศไปไกลหลายร้อยเมตรได้ในพริบตา สามารถทลายทองป่นศิลาได้
*****
หลังจากที่ตรวจสอบข้อมูลของจระเข้เกราะทองแล้ว หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะมันแข็งแกร่งจริง ๆ
การป้องกันของมันเทียบกับเกราะที่เขามี มันยังมีการโจมตีอย่างคลื่นพลิกปฐพีรวมถึงโหมดคลั่งที่เพิ่มพลังโจมตีอีก นี่ยังไม่รวมกรงเล็บบินที่ใช้ในการโจมตีระยะไกลด้วย สกิลพวกนี้ทำให้มันแข็งแกร่งอย่างมาก
“แต่โชคร้ายหน่อยที่มันมีจุดอ่อนอยู่ ” หวังเย่าไม่ได้หนักใจเลยแม้แต่น้อย เขายังดูผ่อนคลายดังเดิม “ ถ้ามันไม่มีจุดอ่อนเลย งั้นต่อให้ทหารรับจ้างจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ ”
แน่นอนว่านี่ไม่นับรวมหวังเย่าด้วย