ตอนที่ 198 : ราชาวานรเทพศิลา

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 198 : ราชาวานรเทพศิลา

“ กระจายตัวออกไป ฉันจะแสดงให้พวกนายเห็นว่าจะจัดการกับสัตว์อสูรที่น่ากลัวแบบนี้ยังไง”

แม้ว่าหวังเย่าอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างโลกาเพื่อที่จะให้พวกนี้พัฒนาตัวเองรวมถึงเข้าใจกลยุทธ์ แต่ต่อหน้าจระเข้เกราะทองแล้ว ชัดแล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะใช้ทดสอบได้ เพราะอาจจะมีคนตายได้ง่าย ๆ จึงเป็นธรรมดาที่หวังเย่าไม่อยากจะเห็นผลลัพธ์นั้น

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเย่า ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย หวังเย่าคิดจะจัดการกับจระเข้นี่คนเดียวงั้นหรือ ?

จ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ากังวลออกมา พวกเธออยากจะห้ามเขาไว้ แต่หวังเย่ากลับโบกมือให้กับพวกเธอ

เมื่อเห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของหวังเย่า  คนอื่น ๆ ก็ได้แต่ถอยกลับไปและเตรียมที่จะเข้าไปช่วย

หวังเย่าเรียกอสูรทั้งสามของตัวเองออกมา ทั้งหมดต่างก็อยู่ระดับสวรรค์ขึ้นไป

สองวันก่อน หวังเย่าได้ใช้ระบบในวิวัฒนาการหงอคงขึ้นมา พลังงานที่เหลือนั้นถูกนำไปใช้ในการเพิ่มเลเวลให้กับมัน

หลังจากที่วิวัฒนาการหงอคงแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

****

สายพันธุ์ : ราชาวานรเทพศิลา

ระดับ : สวรรค์ขั้นต้น

เลเวล : 51 (ราชันย์)

สกิล : 1. ร่างคิงคอง เพิ่มการป้องกัน กระสุนเจาะเกราะก็ไม่อาจจะทลายการป้องกันของมันได้

พลังธรรมชาติ มันทรงพลังมากจนอาจจะยกภูเขาได้

เนตรอัคคี มีความสามารถมองทะลุความจริงได้และยังสามารถมองดูร่องรอยในอดีตภายใน 30 นาทีได้

ไต่เมฆา สามารถกระโดดขึ้นไปบนเมฆที่สูงกว่า 800 เมตรได้

อาณาเขตราชาศิลา มันเกิดขึ้นมาจากหิน จึงมีความสอดคล้องกับธาตุหิน มันสามารถควบคุมหินที่หนักไม่เกิน 250 กิโลกรัมในระยะ 500 เมตรได้

****

การวิวัฒนาการนี้ทำให้สกิลทั้งสี่พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก แถมยังมีสกิลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง ทำให้มันสมกับเป็นลิงศิลามากขึ้น

หงอคงก่อนหน้านี้ไม่อาจจะป้องกันกระสุนเจาะเกราะได้ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องกลัวกระสุนเจาะเกราะอีกต่อไป

พลังธรรมชาติที่แต่เดิมยกได้แค่รถเกราะนั้น ตอนนี้กลับยกของหนักกว่าสองหมื่นกิโลกรัมได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก

ส่วนเนตรอัคคีนั้น…การมองร่องรอยในอดีตได้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่มีเวลาแค่ 10 นาที แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 30 นาทีแล้ว

สำหรับสกิลที่สี่ มันได้พัฒนาจากเดิมที่ไต่เมฆาได้แค่ 200 เมตรแต่กลับสามารถขึ้นไปถึง 1,000 เมตรได้ในอึดใจเดียว นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหวังเย่าถึงกล้าใช้เฮลิคอปเตอร์เดินทาง

สำหรับสกิลสุดท้ายแล้ว หงอคงสามารถควบคุมหินรอบตัวได้ มันทำให้หงอคงมีวิธีโจมตีระยะไกลเพิ่มขึ้นมา

เมื่อรวมกับผลทองที่หวังเย่าให้กับมันแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

เมื่อหงอคงแข็งแกร่งขึ้น  หวังเย่าก็อยากที่จะทดสอบสกิลของมัน ตอนนี้จระเข้เกราะทองนั้นถือว่าเป็นคู่ซ้อมที่ดี

หลังจากเรียกอสูรทั้งสามออกมา หวังเย่าก็ออกคำสั่งทันที เขานั่งอยู่บนหลังการ์ฟิลด์โดยไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ส่วนตือโป๊ยก่ายนั้นได้ใช้ความสามารถในการกลืนแสงทำให้คนอื่น ๆ มองไม่เห็นมัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโหมดเงาและเข้าไปอยู่ในเงาของหวังเย่าและคอยดูอยู่เงียบ ๆ

สำหรับตือโป๊ยก่ายแล้ว เขาไม่กล้าเผยตัวตนมันออกมาให้คนอื่นเห็น สกิลของมันแปลกประหลาดเกินไปและปรับใช้ได้หลายสถานการณ์ หากให้คนอื่นรู้ถึงตัวตนของมัน มันอาจจะเสียบทบาทสกิลของมันได้

“หงอคง แกจัดการกับไอ้ตัวใหญ่นั่นซะ”  หวังเย่าหัวเราะออกมา

หงอคงคำรามออกมา

ผลทอง 3 ผลได้ลอยขึ้น แต่ละผลนั้นหนักกว่า 4000 กิโลกรัม มันได้ใช้สกิลเนตรอัคคีออกมาก่อนจะมีแสงสีทองส่องประกายออกไปครอบคลุมตัวของจระเข้เอาไว้

แต่มันก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

จระเข้เกราะทองไม่ได้เข้าโจมตีทันที มันกลับมองไปที่หงอคงด้วยสายตาที่เย็นชา แต่เมื่อมันเห็นลิงที่สูงกว่า 30 เมตร คำรามใส่มัน มันก็ราวกับถูกหาเรื่องจึงพุ่งเข้าใส่ทันที

ตัวของมันทั้งใหญ่และหนักแต่ความเร็วนั้นไม่ได้น้อยเลย มันราวกับเนินเขาเดินได้

หวังเย่าถอยกลับมา ถึงเขาจะนั่งอยู่บนหลังของการ์ฟิลด์ แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน

เมื่อหงอคงเห็นว่าจระเข้พุ่งเข้ามาในระยะ 200 เมตร มันก็ได้ใช้อาณาเขตราชาศิลาทันที เพราะที่นี่เป็นหุบเขาสูง หน้าผาทั้งสองข้างมีแต่หิน มันจึงมีหินอยู่เป็นจำนวนมาก สภาพแวดล้อมที่นี่เอื้อประโยชน์ให้กับหงอคงอย่างมาก

หินโดยรอบถูกควบคุมโดยพลังลึกลับและลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่จระเข้เกราะทอง

หากเป็นสัตว์อสูรทั่วไปเจอการโจมตีแบบนี้ งั้นพวกมันคงตกอยู่ในสภาพน่าอนาถไปแล้ว มันอาจจะกลายเป็นเศษเนื้อไปทันที

แต่จระเข้เกราะทองมีร่างกายที่แข็ง หินพวกนี้ทำลายการป้องกันของมันไม่ได้

สีหน้าของหวังเย่าบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย มันสมกับเป็นเกราะทองจริง ๆ

จ้าวเมิ่งซี, หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ พากันแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา ต่อหน้าการป้องกันของจระเข้นี่แล้ว หินหลายร้อยก้อนก็ยังไม่อาจจะทำอะไรมันได้ โชคดีที่หวังเย่าไม่คิดจะให้พวกเขาไปจัดการกับสัตว์ประหลาดแบบนี้

ตอนนี้พวกทหารรับจ้างใจกล้าหลายคนก็พากันใจหายวูบทันที พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะสู้กับจระเข้เกราะทองนี่แล้ว เพราะพวกเขาไม่มีทางทำลายการป้องกันของมันได้เลย

หงอคงเห็นแบบนั้นก็ยังแสดงท่าทีเฉยเมยออกมา มันเองก็มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง มันจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

ตอนนั้นจระเข้เกราะทองได้ทำการกระทืบพื้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นไหวจนทำให้หินหลายร้อยก้อนที่พุ่งเข้ามากระเด็นออกไป

จากนั้นมันก็คลานเข้ามา ห่างจากหงอคงแค่ 100 เมตร

จระเข้เกราะทองคำรามออกมา มันใช้เท้าของมันกระทืบลงกับพื้นก่อนจะมีเสียงสั่นไหวอันรุนแรงออกมา เสียงนี้ราวกับเกิดขึ้นมาจากใต้ดิน

หวังเย่าคิดถึงสกิลคลื่นพลิกปฐพีและรีบตะโกนบอกกับทุกคน  “ ถอยออกไป ! ”