บทที่ 187: สุริยันแห่งทิศประจิมผู้ไร้พ่าย
อ๊ากกกกกก!!
จิตสำนึกภายในใจของฉินเย่กำลังจะเป็นบ้าขึ้นทุกขณะ เขาไม่สามารถต้านทานแรงกระตุ้นที่อยากจะฉีกคอของอาร์ทิสเป็นชิ้น ๆ ขณะที่ตะโกนเสียงดังว่า ‘ช่วยรักษาภาพลักษณ์ของข้าด้วย!!’
ท่านไปเอาพัดกระดาษทรงกลมนั่นมาจากไหนกัน?! นี่ท่านเตรียมมันไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในร่างของข้าแล้วใช่หรือไม่?! เหตุใดข้าถึงไม่สังเกตเห็น?!
“ออก! ไป! จาก! ร่าง! ของ! ข้า!” เขาตะโกนสุดเสียง แต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด “เอาคืนมา! เอาร่างของข้าคืนมา!! กลับไปอยู่ในร่างตุ๊กตายางโง่ ๆ ที่ท่านจากมาเดี๋ยวนี้!!!”
“เหตุใดจึงรีบนัก?” อาร์ทิสเอ่ยตอบเสียงเรียบ “การหาร่างมนุษย์ที่เข้ากันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อเจอแล้ว ทำไมข้าจะไม่ใช่มันให้ถึงที่สุด? เจ้าช่วยให้ข้าเฉิดฉายบนเวทีสักพักไม่ได้หรือ?”
“ท่านกล้าดีอย่างไรที่ใช้ร่างของข้าทำท่าทางตุ้งติ้งแบบนั้น?! ออกไปซะ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย! ให้ตายเถอะ ชื่อเสียงในการเป็นชายแท้ของข้าจะต้องมาพังทลายลงวันนี้ก็เพราะท่าน!”
น่าขายหน้าชะมัด!
มันเป็นหนึ่งในวินาทีที่น่าอับอายที่สุดที่จะตามหลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดไป ทุกครั้งที่มันผุดขึ้นมาเขาคงอยากจะฝังหน้าตัวเองลงในดินและตะโกนออกมาให้สุดเสียงเป็นแน่!
อาร์ทิสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่ม
ตั้งแต่ตอนที่ร่างเขาเข้าสู่สถานะยมทูต ท่าทางของเขาก็ดูเหมือนผู้หญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละย่างก้าวที่เขาเดินภายในวิหารดูราวกับกำลังเดินแบบ
“โอ๊ยยยยย! ตา…ตาข้า!” ฉินเย่โขกศีรษะของตัวเองกับกำแพงสติของตัวเอง และเริ่มทำท่าทีว่าจะฆ่าตัวตายทันที
นี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ
เขาดูถูกขีดจำกัดของอาร์ทิสเกินไปจริง ๆ! ไม่สิ…นางไม่มีขอบเขตเลยต่างหาก!
ตอนนี้เขามองร่างของตัวเองเดินเข้าไปหายมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมอย่างช้า ๆ ยกพัดทรงกลมขึ้นมาปิดปากของตัวเอง และหัวเราะอย่างตุ้งติ้ง “น่าสมเพชเสียจริง”
มือของยมทูตครึ่งแมงมุมสั่นเทา นางกระชับมือที่จับอาวุธของตัวเองแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวขณะที่สัญชาตญาณของตนบอกให้แทงอาวุธเข้าไปที่หัวใจของคนตรงหน้าเสีย แต่ในวินาทีต่อมา นางก็กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงและสะบัดความคิดนั้นออกไปโดยที่ไม่เอ่ยคำใดออกมา
ทันใดนั้นเอง เงาของฉินเย่ก็ขยายใหญ่ขึ้นราวกับคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ โอบล้อมร่างของนางเอาไว้ เสียงไฟริบหรี่ที่น่าขนลุกสะท้อนให้เห็นภาพของหญิงสาวที่มีทรงผมยุ่งเหยิงปรากฏตัวขึ้น ยมทูตครึ่งแมงมุมเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว กำมือทั้งสองข้างของตัวเองแน่น
อย่าขยับ…
ถ้าขยับ เราตายแน่…
ปีศาจ….ปีศาจเลือดเย็นที่แท้จริง อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ดูแข็งแกร่งเท่ากับตุลาการนรกก่อนหน้านี้ แต่ความชั่วร้ายและโหดเหี้ยมของนางนั้นมากกว่าเขาหลายเท่า!
“!!!” ยมทูตนอกอาณาเขตตนอื่น ๆ อ้าปากค้าง พวกเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะของวิญญาณร้ายและยมทูต แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวกับการปรากฏตัวขึ้นหญิงสาวผู้นี้ ขณะที่พวกเขาสั่นเทา ทั้งหมดก็เห็นว่าดวงตาสีแดงก่ำคู่หนึ่งลืมขึ้นจากในเงาดำที่โอบล้อมผนังวิหารเอาไว้ ดวงตาสีแดงก่ำที่เหมือนกับสีเลือด!
เหมือนกับขุมนรกสระเลือด [1]
นี่คือ…ยมบาลระดับสูงของยมโลกอย่างแท้จริง!
ร่างของฉินเย่เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายด้วยท่าทีที่งามสง่าราวกับสตรีชั้นสูง ท่วงท่าและความสุขุมล้วนบ่งบอกถึงสถานะในอดีตของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี นางเดินผ่านยมทูตสาวครึ่งแมงมุมโดยไม่มีแม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่ายและเดินไปหายมทูตตนอื่น ๆ ราวกับยมทูตผู้มารับดวงวิญญาณก่อนจะเชยคางอีกฝ่ายขึ้นด้วยพัดกระดาษ “เจ้าคิดว่าข้า…งดงามหรือไม่?” [2]
ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นดูเหมือนจะมาพร้อมกับสายลมนรกที่เย็นยะเยือกที่พัดเข้ามาในวิหาร ส่งผลให้ดวงไฟทั้งหมดวูบไหวอย่างน่ากลัว และยิ่งขับเน้นความลึกลับน่ากลัวของพระพุทธรูปที่แตกหักมากขึ้นกว่าเดิม จากนั้น ดวงตาสีแดงก่ำบนกำแพงก็หันมามองทางยมทูตทั้งหมด
บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้ท่าทางที่แสดงของมาของฉินเย่ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
ยมทูตนอกอาณาเขตตัวสั่นเทา ผิดปกติ…ใช่แล้ว ท่าทางของฉินเย่ในตอนนี้ผิดปกติเป็นอย่างมาก แต่เมื่อบวกกับสภาพแวดล้อมที่น่าขนลุกและบรรยากาศที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ความกลัวที่ไร้ขอบเขตเข้าครอบงำพวกเขาทันที!
ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่การที่ไม่สามารถตายได้นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
“ว่าอย่างไร?…” ร่างของฉินเย่หักข้อนิ้วของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเชยคางยมทูตตรงหน้าขึ้น เสียงที่เอ่ยออกมาของนางทำให้ทั่วทั้งวิหารสั่นสะเทือน “ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ”
“อ๊ากกกก!!” ความหวาดกลัวภายในใจของยมทูตตนนั้นพุ่งเกินขีดจำกัดในที่สุด รอยยิ้มจริงใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ต่างกับรอยแยกของนรกเลยสักนิด ด้วยเสียงกรีดร้องที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขากำเคียวของตัวเองแน่นและพุ่งเข้าหาอาร์ทิส
ฆ่าเขาซะ…
เขาไม่ใช่มนุษย์…นี่หรือคือยมบาลระดับสูงของยมโลกสินะ? น่ากลัวเกินไป….
ฟึ่บ…
ฉินเย่ไม่แม้แต่จะหลบ ทว่าเคียวกลับหยุดนิ่งไปเมื่อมันอยู่ห่างจากร่างเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น แต่มันไม่สามารถฟันไปมากกว่านี้ได้ สีหน้าของฉินเย่ยังคงเรียบนิ่ง ขณะที่นางพึมพำออกมาเบา ๆ “พวกชั้นต่ำ”
สิ้นสุดเสียงเอ่ย ยมทูตที่ถือเคียวก็กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว ในขณะที่เงาบนผนังก็ร่ายรำอย่างน่าขนลุก ยมทูตตนอื่น ๆ มองภาพของยมทูตที่ถูกบดและขยำเป็นชิ้น ๆ ด้วยความกลัว เสียงกระดูกที่ถูกบดดังขึ้นให้ได้ยินอย่างน่าสะพรึง นอกจากนี้ยังมีเสียงของเลือดที่หยดลงมาเบา ๆ ควบคู่ไปด้วย และในท้ายที่สุด พร้อมกับเสียงระเบิดดังปังเบา ๆ ร่างเดิมของยมทูตคนนั้นก็กลายเป็นเพียงกลุ่มพลังหยินที่กระจายตัวไปในอากาศ
อ๊ากกกก….เสียงของเขายังคงดังให้ได้ยินอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในพื้นที่ว่างรอบตัวยมทูตทั้งหมด
“อึก….” เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากของยมทูตญี่ปุ่น และไหลลงมาตามแก้ม พวกเขาหวาดกลัวจนไม่สามารถรวบรวมพลังหยินภายในร่างกายของตัวเองได้ และเช่นเดียวกันกับยมทูตที่สวมหน้ากากขาว พวกเขาก้าวถอยหลังไปชิดมุมวิหารด้วยร่างกายที่สั่นเทา
เปลวไฟนรกสีเขียวหยกส่องให้เกิดเงาที่ทอดยาวออกไป วินาทีแห่งความอับอายของฉินเย่กลายเป็นฝันร้ายที่สิ้นหวังของพวกเขา
ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและความต้องการของตนเอง นักฆ่าผู้เลือดเย็น คนคนนี้…ในอดีต ได้สังหารยมทูตมานับไม่ถ้วน! มือของเด็กหนุ่มตรงหน้าแปดเปื้อนไปด้วยเลือด เขาไม่สนใจสักนิด…ว่าอีกฝ่ายจะอยู่หรือตาย!
มันเหมือนกับแมวที่เล่นกับหนู
ฉินเย่หมุนตัวกลับและเดินไปหายมทูตสวมหน้ากากขาว นางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ยมทูตหน้ากากขาวตัวสั่นเทา เพียงจ้องตากันไม่กี่วินาที แข้งขาของเขาอ่อนแรงลงจนทรุดลงกันพื้น
แม้จะเป็นยมทูต แต่ความกลัวเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหักห้ามใจกันได้
เขามองเห็นความโกรธเกรี้ยวของยมโลกที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดมาเป็นเวลานับพันปีจากแววตาของฉินเย่ เขามองเห็นความโศกเศร้าของเหล่ายมทูตนอกอาณาเขตจำนวนมากที่กำลังร้องโหยหวนและกรีดร้องอย่างน่าสังเวชอยู่ในขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์
แกร็ก!
อาร์ทิสในร่างฉินเย่เหยียบหน้าของยมทูตหน้ากากขาวด้วยรองเท้าบูททหาร นางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอ่ยถาม “ผู้ใดกันที่ทำให้เจ้ากล้าก้าวเข้ามาในแผ่นดินจีนอย่างหน้าด้าน ๆ เช่นนี้?!”
พรึ่บ! แสงไฟครึ่งหนึ่งภายในวิหารดับลงทันที
“อื้อ…อ๊ากกกกก!!” ยมทูตที่ถูกเหยียบอยู่ร้องออกมาอย่างโกรธแค้น แรงเหยียบของนางรุนแรงจนส่วนหัวของเขาแทบจะหลุดจากลำคอ
“เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใดถึงกล้ามาแย่งชิงวิญญาณของพวกเรา?”
แกร็กกก….! การเหยียบที่ทรงพลังซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นบนพื้น กระจายตัวออกไปราวกับใยแมงมุม พื้นที่พวกนางยืนอยู่จมลงกว่าเดิมครึ่งเมตร และกลุ่มก้อนพลังหยินก็แพร่กระจายไปในอากาศพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช
ฉินเย่ย่นคิ้วเข้าหากันอย่างรังเกียจและปิดจมูกของตน จากนั้นจึงปัดมือกับกางเกงของตนโดยไม่ทิ้งท่าทางสูงส่งเอ่ยว่า “น่ารังเกียจ”
“อ๊ากกกก!!!” จิตสำนึกภายในใจของฉินเย่กรีดร้อง ฉินเย่ตัวจริงยกมือขึ้นทึ่งผมของตัวเองทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ข้าไม่ได้ยิน! ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!
ข้ามองไม่เห็น! มองไม่เห็นอะไรแม้แต่อย่างเดียว!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้จะต้องถูกลบไปจากสมอง ไม่ให้เหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว! แม้เพียงนิดเดียวก็ไม่ได้!
“เจ้าช่วยเงียบสักครู่ได้หรือไม่?” อาร์ทิสตะโกนใส่อีกฝ่าย นางกำลังไม่พอใจมาก “ข้าควบคุมร่างหรือเจ้าควบคุมร่างมันแตกต่างกันอย่างไร? การสร้างความประทับใจให้เพื่อนต่างชาติของเราเป็นเรื่องสำคัญกว่าไม่ใช่หรือ?”
“แต่สิ่งเดียวที่ท่านมอบให้พวกเขาก็คือความทรงจำอันน่าสยดสยองต่างหาก! คืนมันกลับมาให้ข้า…ข้าขอร้อง! คืนร่างมาให้ข้าสักที! แล้วข้าจะเหวี่ยงกระบี่ด้วยตัวเอง ตกลงหรือไม่? ท่านเข้าถึงบทบาทมากจนแทบกู่ไม่กลับแล้ว!”
อาร์ทิสเพียงถามกลับว่า “ตอนนี้เจ้ามีแต้มกุศลอยู่เท่าไหร่?”
“หนึ่งพันสี่—…..บ้าไปแล้ว ข้าไม่อยากได้แต้มกุศลเพิ่มอีกแล้ว! นี่ท่านต้องการจะทำให้วันนี้เป็นฝันร้ายที่ร้ายที่สุดของข้าหรืออย่างไร?!!”
อาร์ทิสแย้มยิ้มราวกับนักฆ่าที่เลือดเย็น “มีสิ่งใดให้ต้องกลัว? ยิ่งน่ากลัวมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งสลักความยิ่งใหญ่และอำนาจของยมโลกของจีนลึกลงไปในกระดูกของพวกมันได้มากเท่านั้น…และนอกจากนี้ ข้าก็เคยทำสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้มากมาก่อน ช่างน่าเสียดายที่ตอนนี้ข้าไม่มีอุปกรณ์มากพอ…”
นี่ท่านเป็นปีศาจหรืออย่างไร?!
ฉินเย่จ้องตาอาร์ทิสด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ห้าวินาที”
“หากท่านไม่คืนร่างให้ข้าภายในห้าวินาที เราได้เห็นดีกันแน่! ข้าจะหนีเข้าไปในป่าและบวชเป็นฤๅษีเสียเลย! ข้าจะไม่สนใจด้วยว่ายมโลกจะรุ่งโรจน์หรือล่มสลาย!!”
“ชิ… พวกผู้ชาย…”
“ห้า!!” มันสามารถพูดได้ว่าความโกรธภายในใจของเขากำลังจะเข้าใกล้คำว่าเสียสติเต็มที
“… รอสักครู่… ให้ข้าได้สัมผัสกับประสบการณ์นั้นอีกครั้ง…”
“สี่!!”
“ก็ได้ ก็ได้…ข้าขอเวลาครู่หนึ่ง!” อาร์ทิสเริ่มไปพอใจ
“สาม!!”
อาร์ทิสโบกมือ ทันใดนั้น ยมทูตนอกอาณาเขตที่เหลืออยู่สองตนก็กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน แขนขาของพวกเขาบิดเบี้ยว และล้มลงกับพื้น จากนั้นพลังหยินโดยรอบก็หลั่งไหลเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของเขาก่อนจะปะทุอีกครั้ง ตอนนี้ ฉินเย่เข้าสู่สถานะยมทูตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ยมทูต….ยมทูตแห่งยมโลก…” ยมทูตญี่ปุ่นกัดฟันแน่นและหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
“แผ่นดินจีน… ยังมียมทูตอยู่…”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ฉินเย่ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาจับกระบี่ปีศาจในมือแน่นและฟันไปที่ยมทูตญี่ปุ่นราวกับเสือที่หิวกระหายเนื้อ
ผู้ใดที่ได้เห็นภาพที่น่ากลัวก่อนหน้านี้จะต้องตาย!
ฉึก! ร่างของยมทูตญี่ปุ่นถูกผ่าออกเป็นสองซี่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ได้ตายในทันที เขามองไปที่ฉินเย่อย่างโกรธแค้นและแย้มยิ้มชั่วร้ายออกมาด้วยลมหายใจสุดท้าย “รอก่อนเถอะ…ท่านอิซานามิจะต้องมาล้างแค้นให้ข้าแน่….”
แต่คำตอบที่เขาได้รับกลับเป็นประกายแสง จากใบมีดที่ฟันลงมาราวกับสายลมที่รุนแรง
ฟึ่บ…เมื่อแสงนั้นหายไป แสงสีดำก็เปล่งประกายออกมาจากอกของฉินเย่ และบันทึกนรกก็ลอยออกมา จากนั้นบรรทัดข้อความก็ปรากฏขึ้นที่หน้าแรกราวกับมีใครบางคนกำลังเขียนมันอยู่
ชื่อ: ฉินเย่ (ชื่อเล่น – โก่วต้าน)
สถานที่เกิด: หมู่บ้านเนินเขาหลิวเอ๋อ แม่น้ำกาจือ เมืองถังอัน นครฉิงกวง
สมาชิกในครอบครัว: ปู่ (เสียชีวิต) บิดา-มารดา (เสียชีวิต)
เกิด: 1 ตุลาคม 1938
อาชีพ: นักล่าวิญญาณ – แต้มสะสมปัจจุบัน: 1,800 แต้มกุศล จำนวนแต้มที่ต้องใช้สำหรับการเลื่อนขึ้นสู่ขั้นยมทูตขาวดำ: 1,800/2,000 แต้มกุศล
ฉินเย่ไม่สนใจมัน
เขายังคงกระหน่ำแทงไปที่ร่างตรงหน้าต่อไปเป็นเวลาหลายสิบวินาทีก่อนจะหยุดลง อ้าปากหอบ ยมทูตที่อยู่ภายใต้กระบี่ของเขากลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่กระจายตัวไปในอากาศ รอยแทงจำนวนมากปรากฏขึ้นบนพื้น เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาและหลับตาลง
รู้สึกดีชะมัด!
เขารู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร หลังจากระบายความโกรธของตัวเองผ่านการแทงและฟันอย่างไม่หยุดหย่อน ใจของเขาก็สงบลงเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็หันไปหายมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุม
ครืดดดดด…ฉินเย่ลากกระบี่ปีศาจของตนไปตามพื้นขณะที่เดินไปหาอีกฝ่ายอย่างน่ากลัว “บอกสถานการณ์เกี่ยวกับยมโลกของเจ้ามา และข้าอาจจะปล่อยให้เจ้าได้ตายเร็วขึ้น”
ยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มตรงหน้า ความตายของนางมารอถึงหน้าประตูแล้ว แต่นางกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง “เป็นเช่นนี้นี่เอง….”
“การยึดครองร่าง…ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับยมโลกของจีนสินะ…”
“ทั้ง ๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของยมทูตนอกอาณาเขต แต่ยมโลกกลับส่งนักล่าวิญญาณที่ถูกครอบครองร่างโดยวิญญาณของขั้นตุลาการนรก….ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ….อ่อนหัด!”
ทันใดนั้น เสียงของอาร์ทิสก็กระซิบเบา ๆ เข้ามาในหูของเขาอย่างเย็นชา “หักแขนขาของนางและกักขังนางไว้ในยมโลกแห่งใหม่เสีย”
ทว่ามันกลับสายเกินไป
ก่อนที่นางจะเอ่ยจบ ยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมก็อ้าปากกว้าง และลิ้นของนางพุ่งออกมาราวกับแส้ ด้วยเสียงที่น่าขนลุก ลิ้นของนางโค้งกลับเข้ามาและพุ่งเข้าที่หน้าอกของนางเอง
“อึก…!!!!” ความเจ็บปวดจากการแทงหัวใจของตัวเองนั้นยากเกินจะทน ทันใดนั้นพลังหยินที่รุนแรงก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และร่างของนางก็ค่อย ๆ แห้งเหือดไป รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “รอก่อนเถอะ….รอก่อนเถอะ!!!”
“สักวัน พวกเราจะมาเหยียบย้ำยมโลกของจีนอีกครั้ง! เจ้าจงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขเสียให้พอเถอะ! ฮ่า ๆๆๆๆ….”
ศีรษะของนางถูกทำให้หลุดออกจากร่างก่อนที่นางจะเอ่ยจบ
กระบี่ปีศาจที่ฟันออกไปนั้นเหมือนกับสายฟ้าที่แหวกผ่านอากาศ สีหน้าที่บ้าคลั่งของนางยังคงค้างอยู่เช่นนั้น และหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของนางก็ระเบิดเป็นกลุ่มพลังหยินและสลายไปเช่นเดียวกันกับยมทูตตนอื่นๆ
“รอเจ้าทำสำเร็จ ข้าก็คงกลายเป็นจ้าวนรกผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้วล่ะ” ฉินเย่เอ่ยเสียงเรียบ
ฟึ่บ…บันทึกนรกลอยออกมาอีกครั้งและเริ่มแก้ไขข้อมูลในบันทึก จำนวนแต้มกุศลสะสมล่าสุดถูกลบออกไปและเปลี่ยนเป็น 2,200/2,000 แต้มกุศล
จำนวนแต้มที่ต้องใช้สำหรับการเลื่อนขึ้นสู่ขั้นยมทูตขาวดำ – บรรลุ!
[1] หนึ่งในขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18
[2] ผู้แปลจะใช้คำเรียกฉินเย่ว่า ‘นาง’ ขณะที่อาร์ทิสยังควบคุมร่างของเขาอยู่