บทที่ 355 บ้านถล่ม + บทที่ 356 เหลือสิ่งอื่นใดเล่านอกจากความเกลียดชัง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 355 บ้านถล่ม

ชิงเสวี่ยกัดฟันมองหนิงเมิ่งเหยา “คุณหนู ข้าละอยากตีท่านจริงๆ เลย”

“ชิงเสวี่ย เจ้าว่าอย่างไรนะ” เฉียวเทียนช่างที่หลบอยู่ข้างๆ เอ่ยแทรก สีหน้าเขาเย็นชา สายตาน่ากลัวเขม็งมองชิงเสวี่ย

สีหน้าชิงเสวี่ยเกร็งขึ้นมา ในใจนางร่ำไห้ อย่าได้ไปยั่วโมโหชายผู้อารักขาภรรยา ยิ่งในยามที่เขาจวนจะได้เป็นบิดาด้วยแล้ว

“ข้ามิได้ว่าอะไรเลยเจ้าค่ะ เกรงว่านายน้อยจะฟังผิดไป” ชิงเสวี่ยล่าถอยอย่างสงบนิ่งไปสองถึงสามก้าว จากนั้นก็หันไปอีกทางแล้วเดินจากไป

เมื่อนางไปแล้ว เฉียวเทียนช่างก็ดึงหนิงเมิ่งเหยาเข้ามากอด “เจ้าคิดพิเรนทร์อะไรอีกเล่า”

“ไม่มีเสียหน่อย ข้าเพียงคิดจะทำให้จวนแม่ทัพใหญ่มีชีวิตชีวาขึ้นมาเท่านั้นเอง”

เฉียวเทียนช่างเข้าใจ เขามองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าอยากจะจับคู่พวกเขาหรือ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้รึ”

“แน่นอน พอข้าเห็นว่าสองคนนั้นเข้ากันได้ดีเพียงใด คนคุ้นเคยสนิทสนมกันย่อมก็จะกลายเป็นชมชอบกัน” หนิงเมิ่งเหยาพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

นางเคยถามชิงซวงมาก่อนว่านางคิดว่าหนานอวี่น่าเบื่อหรือไม่

รู้หรือไม่ว่าชิงซวงพูดว่าอะไร นางบอกว่าหนานอวี่เป็นคนดีมาก และไม่ได้เย็นชาอย่างที่ผู้อื่นเห็น

นั่นพิสูจน์ว่าหนานอวี่ต่างออกไปยามอยู่ต่อหน้าชิงซวง วันนี้นางจึงอยากทดสอบดูว่าทั้งสองมีความรู้สึกให้กันหรือไม่ ถ้ามี นางจะตัดสินใจให้ทั้งสองเอง แต่ถ้าไม่มีนางก็จะปล่อยไป

เฉียวเทียนช่างเอื้อมมือไปหยิกแก้มหนิงเมิ่งเหยาเพื่อลงโทษ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร

หลังจากชิงเสวี่ยส่งคนไปวางแผนบางอย่าง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งบินเข้าไปในเรือนที่ชิงซวงและคนอื่นๆ พักอยู่

เสียงดังตูม แล้วเรือนทั้งหลังก็สั่น ไม่พียงเท่านั้น ตัวบ้านที่แข็งแกร่งกลับเริ่มส่อเค้าพังทลาย

เมื่อคานรับน้ำหนักตัวบ้านพังลง หนานอวี่รีบดึงชิงซวงไปทางตนแล้วกอดนางเอาไว้ก่อนจะถลันออกไปข้างนอกในพริบตา

เมื่อทั้งสองออกมา เขาสังเกตเห็นคนมากมายอยู่ข้างนอก เจ้านายและพี่สะใภ้ก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน พี่สะใภ้ของเขามองเขากับชิงซวงในอ้อมแขนด้วยแววตาแฝงความเจ้าเล่ห์

ตอนแรกชิงซวงไม่ทันมีเวลาได้ตั้งตัว เมื่อนางเห็นสายตาจำนวนมากมองมายังตน และตัวนางอยู่ในอ้อมแขนผู้อื่น นางก็สงบจิตใจไม่ลง

แก้มนางขึ้นสีแดงเรื่อ นางผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนของหนานอวี่ แต่เพราะตัวนางยังไม่สงบดี จึงพลั้งเหยียบชายกระโปรงตัวเองแล้วเกือบล้มลงกับพื้น

หนานอวี่ขมวดคิ้ว เขาเข้าไปคว้าแขนชิงซวงไว้อย่างว่องไวแล้วดึงนางกลับเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง

“ปล่อยข้า”

“เจ้าสงบใจลงก่อน” หนานอวี่ขมวดคิ้ว

ชิงซวงเงยหน้าขึ้นมองเขา

หนิงเมิ่งเหยากลั้นหัวเราะคิกคักไม่อยู่เมื่อเห็นทั้งสองมองตากันอย่างลึกซึ้ง จากนั้นนางก็พูดกับเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง ท่าทางจวนแม่ทัพใหญ่จะได้มีงานมงคลในไม่ช้า ให้คนเริ่มเตรียมตัวกันเสีย”

“ย่อมได้”

คู่สามีภรรยาเดินออกไปด้วยกันหลังพูดจบ ชิงเสวี่ยและคนอื่นก็ไปด้วยเช่นกัน ทิ้งให้สองคนนั้นสับสน

“คุณหนูบอกว่าจะมีงานมงคล นางหมายถึงอะไร”

“ข้าก็ไม่รู้ ไปถามนางกันเถอะ” หนานอวี่ย่นหัวคิ้ว เขาสังหรณ์ว่าพี่สะใภ้กำลังพูดถึงพวกตน แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

“ตกลง”

เมื่อทั้งสองกลับไปยังเรือนใหญ่ พวกเขารีบไปพบหนิงเมิ่งเหยา แล้วเห็นนางมองมาด้วยสายตาแปลกๆ หรือจะเรียกให้ถูกคือนางมองมือที่กุมอยู่ของพวกเขา

ชิงซวงแก้มแดงขึ้นมาทันใด

“หนานอวี่ เจ้าชอบชิงซวงหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาถามตามตรง ไม่มีอ้อมค้อม

หนานอวี่อึ้งไป แต่ก็ตอบ “ขอรับ”

ชิงซวงที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำตอบ

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น สายตานางย้ายไปที่หน้าชิงซวง ดูจากสีหน้าของเด็กสาว ท่าทางนางเองก็ไม่ได้รังเกียจหนานอวี่

“ชิงซวง เทียนช่างกับข้าวางแผนงานแต่งงานให้เจ้า เจ้าคงไม่คัดค้านใช่หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองชิงซวงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทุกคนรวมถึงหนานอวี่ รวมเป็นสายตากว่าสิบคู่มองยังชิงซวง นางรู้สึกอึดอัดกับสายตาพวกเขา

แม้ว่าหนานอวี่จะไม่ได้กล่าวอะไร แต่เขาเองก็รู้สึกประหม่า กลัวว่าชิงซวงจะปฏิเสธตน

“คุณหนู ท่านช่วยตัดสินใจให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ” ชิงซวงไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร จึงเอ่ยได้เพียงเท่านี้

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงซวง หนิงเมิ่งหยาก็พอใจยิ่งนัก “เขียนจดหมายไปหาท่านปู่ห้า แล้วเชิญท่านมาที่นี่”

บทที่ 356 เหลือสิ่งอื่นใดเล่านอกจากความเกลียดชัง

ชิงซวงผงกศีรษะ “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“ข้าจะเชิญท่านปู่ห้ามา นอกจากพาเขามาร่วมงานแต่งงานของเจ้าแล้ว ข้ายังหวังว่าเขาจะช่วยดูอาการพวกทหารบาดเจ็บให้ข้าได้” หนิงเมิ่งเหยาบอกชิงซวงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันมานี้

ชิงซวงผงกศีรษะหลังได้ฟังทั้งหมด “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะส่งจดหมายไปหาอาจารย์ของข้าเอง”

“ดี ส่วนหนานอวี่ ให้หนานชีกลับมาด้วยล่ะ อย่างไรเขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเจ้า” หนิงเมิ่งเหยาหันไปหาหนานอวี่ ถ้าน้องชายคนเดียวของเขาไม่ได้มาร่วมงาน เขาก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

หนานอวี่อึ้งไป เขาเผลอหันไปมองเฉียวเทียนช่าง จะให้เสี่ยวชีมาได้จริงๆ หรือ

“เรียกเขามาเถอะ” เฉียวเทียนช่างรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสองพี่น้องเมื่อครั้งยังเล็ก ดังนั้นคงจะดีถ้าเขาได้มีความสุข

ชีวิตไม่ได้มีเพียงการล้างแค้น ในอดีต เขาห่วงหนานอวี่ที่เอาแต่จดจ่อกับการล้างแค้นจนไม่สนสิ่งอื่นใด เช่นนั้นแล้วเขาจะทำอะไรต่อหลังจากได้ล้างแค้นเล่า

เมื่อเขารู้ว่าชิงซวงสนิทสนมกับหนานอวี่และทั้งสองเข้ากันได้ดี เขาก็เกิดความคิดเหล่านี้ขึ้นมา แต่เขารู้จักหนานอวี่ และคิดว่าเขาคงจะตัดสินใจเรื่องนี้ในภายหลัง ไม่คิดว่าหนานอวี่จะผงกศีรษะเห็นด้วยเพราะแผนเล่นซนของเหยาเหยา เขารู้สึกผิดคาดยิ่งนัก

ก่อนจะรู้จักกับชิงซวง หนานอวี่มีแต่ความเกลียดชัง หมกมุ่นอยู่แต่กับการล้างแค้น แต่หลังจากมาที่นี่แล้วได้เห็นเจ้านายกับพี่สะใภ้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายใจทุกวัน เขาอดคิดถึงบุพการีมิได้ เขาจำได้ดีว่าทั้งสองเคยขอให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่าได้คิดล้างแค้น

ใจเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ต่อมา ชิงซวงตามกวนใจเขาเพราะนางสงสัยเกี่ยวกับหนอนกู่ จึงอยากค้นคว้าหาความรู้ ในช่วงแรกเขาไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมนาง ในแต่ละวัน เมื่อนางมาหา เขาก็จะตอบคำถามของนาง

เขาไม่รู้ว่าตนสนใจชิงซวงตั้งแต่เมื่อไร ตอนบ้านถล่มลงมา หัวใจเขาไม่มีเรื่องล้างแค้นอยู่เลย เขาคิดแต่เพียงจะช่วยเด็กสาวนางนี้ให้ได้

เมื่อหนิงเมิ่งเหยาถามเขา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่คิด

เขาจะล้างแค้น แต่ก็จะไม่ยอมปล่อยมือจากชิงซวงด้วย

เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นแววตายินดีปรีดาของหนานอวี่ เขาก็เดินไปยืนข้างๆ แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าเบาๆ “ชีวิตของคนเรามีอะไรมากกว่าการล้างแค้น รักษาชีวิตตอนนี้ของเจ้าเอาไว้ให้ดีเสีย”

“นายท่าน ข้ารู้ขอรับ” เจ้านายของเขาเมื่อในอดีตเป็นคนเย็นชายิ่งนัก และทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากได้พบกับพี่สะใภ้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองทำให้เขาอิจฉาอย่างมาก

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็เบาใจ” หนานชียังดีกว่า เพราะความเกลียดชังของหนานอวี่นั้นสุมแน่นในใจเกินไป เขาอาจเจอภัยย้อนกลับมาเล่นงานได้ถ้าไม่ระวัง

หนิงเมิ่งเหยามองหนานอวี่ “แค้นต้องชำระ แต่ถ้าใจเจ้ามีแต่ความแค้น เจ้าจะทำอะไรหลังจากได้ล้างแค้นหรือ”

หนานอวี่ตอบไม่ถูก ถูกต้องที่สุด การล้างแค้นฝังแน่นในกระดูกเขา แต่เมื่อหมดสิ้นความเกลียดชังแล้ว เขาจะทำอะไรได้อีก

เขาหันไปมองชิงซวงโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เข้าใจในที่สุด เขาอาจจะไม่เหลือความคิดอยากมีชีวิตอีกต่อไปหากไม่เหลือความโกรธแค้น แต่บัดนี้ได้ต่างออกไปแล้ว เมื่อไม่มีความเกลียดชัง เขาก็ยังมีชิงซวงและเสี่ยวชี

เมื่อเห็นสายตาที่หนานอวี่มองยังชิงซวง หนิงเมิ่งเหยาก็รู้ว่าหนานอวี่เข้าใจตัวเองแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เริ่มเตรียมงานแต่งของเจ้ากันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้มพลางเอ่ย

“ขอบคุณ ท่านพี่สะใภ้” หนานอวี่กล่าวขอบคุณจากใจจริง

หนิงเมิ่งเหยาปิดปากหาว นางชักง่วงนอนเสียแล้ว

“ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขเหมือนที่เรามี” หนิงเมิ่งเหยายิ้มให้แล้วกล่าวเช่นนั้น

นางคิดจะสร้างบ้านหลังจากกลับไปหมู่บ้านไป๋ซาน แล้วทุกคนจะอาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อชิงเสวี่ยและคนอื่นๆ พบคู่ของตัวเอง ทุกคนก็ย่อมมีบุตรของตัวอง คงจะเป็นความรู้สึกที่วิเศษไปเลยมิใช่หรือ

เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วมองหนิงเมิ่งเหยา รอยยิ้มเขาไปถึงในดวงตา “ถ้าเจ้าง่วงแล้ว ก็ไปพักเถอะ”

“ตกลง”

ชิงจู๋ลากชิงซวงไปทางอื่น นางตั้งใจจะคุยเรื่องชุดแต่งงาน

เมื่อชิงซวงโดนลากตัวไป หนานอวี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่ห้องของตัวเอง และส่งจดหมายไปหาเสี่ยวเซียวที่อยู่ไกลออกไปถึงเหมียวเจียง

“นี่สำหรับเจ้า”  ชิงจู๋ส่งกล่องให้ชิงซวง

ชิงซวงรับมาเปิด ข้างในมีเครื่องเพชรชิ้นงามอยู่

“นี่คือ”

“นี่น่ะรึ สิ่งนี้ข้าทำไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ละคนจะมีหนึ่งชิ้น ข้าตั้งใจจะมอบให้พวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าแต่งงาน” พวกนางเป็นพี่น้องกัน นางย่อมอวยพรจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่ออีกฝ่ายพบกับความสุข