บทที่ 20 พระพันปี
หนานกงเย่จะเป็นหรือตาย อันที่จริงแล้วฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจมากนัก
แต่ทุกครั้งที่นางได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับหนานกงเย่ ความกระสับกระส่ายในร่างกายของนางจะปะทุออกมา และนางจะรู้สึกไม่สบายใจ
นางมีความรู้สึกเช่นนี้โพล่งออกมาและรู้สึกไม่ดี
พ่อบ้านเตรียมเตียงนุ่ม ๆ ตามคำสั่งของฉีเฟยอวิ๋นมาวางไว้ในห้องบรรทมของท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อย นางจึงนอนบนเตียงนั้นสักพัก แต่ส่วนใหญ่นางจะยุ่ง ตัวยาชนิดนั้น ตัวยาชนิดนี้ พ่อบ้านที่ดูอยู่เห็นแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย
แต่เข้ากันได้ดีในช่วงนี้ พ่อบ้านรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนที่ไม่มีดีอะไรสักอย่าง เพียงแต่ว่าคนที่อยู่ในจวนไม่รู้
ฉีเฟยอวิ๋นยุ่งทั้งวัน และในที่สุดก็พร้อมที่จะใช้งาน
หลังจากกินอาหารเย็นนิดหน่อย ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปดูหนานกงเย่ เมื่อเห็นเขาไม่เป็นอะไรแล้ว นางจึงไปพักผ่อน
ต่อจากนั้นสองสามวันทุกอย่างก็เงียบสงบ และฉีเฟยอวิ๋นก็เฝ้าดูหนานกงเย่จนอาการค่อย ๆ ดีขึ้น
เพียงแต่การฟื้นตัวนั้นช้ามาก นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับการถูกลอบสังหารหลายครั้งติดต่อกัน และน่าจะเกี่ยวข้องกับการถูกวางยาพิษด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูบาดแผลของหนานกงเย่แล้วขมวดคิ้ว
“พระชายา บาดแผลของท่านอ๋องอีกนานแค่ไหนกว่าจะหาย?”
พ่อบ้านเป็นกังวลเล็กน้อย แผลก่อนหน้านี้หายอย่างรวดเร็วมาก แต่หลายวันที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ร่างกายของเขาน่าจะหายดีเร็วกว่าคนอื่นที่สองสามเดือนแล้วก็ยังไม่หาย แต่เขาพลาดช่วงพักฟื้นที่ดีที่สุด ต่อให้เป็นยาวิเศษก็ช่วยไม่ได้ อีกสิบวันหรือครึ่งเดือนข้างหน้าอาจจะทุกข์ใจบ้าง แต่ก็คงไม่ได้ช้าเกินไป”
ฉีเฟยอวิ๋นใจคอห่อเหี่ยวมากที่เลือดของตัวเองเสียเปล่า
ปากบอกว่าเขาพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษา แต่ไม่สามารถตัดใจที่จะให้เลือดเขาอีกได้ ในด้านหนึ่งเจ็บปวดและอีกด้านหนึ่งก็ให้อย่างเสียเปล่า และเขาเองก็ไม่เห็นคุณค่า
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วออกไปยืนข้างนอก ผ่อนคลายและสูดอากาศบริสุทธิ์ นางกำลังวางแผนที่จะกลับบ้าน ยาเหลือไม่มากและจะถือโอกาสกลับไปหาพ่อด้วย
ยังไม่ทันจะได้กลับก็มีคนมาที่จวนท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นแล้วรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
กงกงมาจากในวัง?
“พระชายาเย่รับราชโองการ” สวีกงกงตะโกนด้วยเสียงแตก ฉีเฟยอวิ๋นจึงคุกเข่าลง
“หม่อมฉันรับราชโองการ”
“ฝ่าบาททรงเสวยโหงวบี่จี้จนหมดสติ ฮวงเฮาให้ท่านรีบเร่งเข้าไปในวัง”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงและเงยหน้าขึ้นมอง:“น้ำโหงวบี่จี้ทำให้หมดสติ?”
สวีกงกงเก็บราชโองการด้วยสีหน้าเย็นชา:“พระชายาเย่ เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจมาก โหงวบี่จี้จะทำให้หมดสติได้อย่างไร ดื่มนี้ไปมากน้อยแค่ไหนกัน?
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่พ่อบ้าน:“ยังมียาอยู่บ้าง ทำตามวิธีของข้าและค่อยทาให้เขา คราวนี้ไม่ว่าใครจะมาก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างใน ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและขยับตัวไม่ได้ เจ้าต้องมีวิธีอย่างแน่นอน”
พ่อบ้านเข้าใจในทันทีว่าถ้าครั้งก่อนเป็นเพราะพระชายาตวน งั้นครั้งนี้ที่พระชายาเย่จะต้องเข้าไปในวัง จำเป็นต้องระแวดระวังพระชายาตวน
แม้ว่าพ่อบ้านจะไม่เข้าใจว่าทำไม
พระชายาตวนเคยเป็นพระคู่หมั้นของท่านอ๋อง จะเป็นคนที่เข้ามาทำร้ายท่านอ๋องได้อย่างไร
แต่ในวันนั้นมีเพียงพระชายาตวนที่เป็นคนนอกแล้วเข้ามา แม้ว่าจะแค่เข้ามาพูดคุย แต่หลังจากที่นางจากไป ท่านอ๋องก็เริ่มบาดเจ็บสาหัส พระชายาย่อมไม่รู้ว่าใครมาที่นี่ แต่กลับถามเรื่องถุงหอมนั่น ซึ่งในวันนั้นตัวของพระชายาตวนก็หอมและคนทั้งจวนก็รู้
ฉีเฟยอวิ๋นบอกอย่างชัดเจนว่านางเข้าไปในวังด้วยความเป็นกังวล ตอนที่ขึ้นไปบนรถม้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เปิดม่านและชำเลืองมอง:“อย่าลืมเปลี่ยนยานะ”
เป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานที่แพทย์ควรยึดถือ ฉีเฟยอวิ๋นถูกพาตัวไป
แม้ว่าตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด แต่ยังคงนึกถึงหนานกงเย่
เมื่อรถม้าไปถึงพระราชวัง ฉีเฟยอวิ๋นก็ลงจากรถม้าและตรงไปที่ประตูวัง นางถูกค้นตัวหนึ่งรอบและตามสวีกงกงเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นสงสัยมาตลอดทางว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ดื่มน้ำแล้วจะหมดสติได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงความสามารถของฮองเฮา ถ้าฮองเฮาพบอะไรบางอย่างจริง ๆ และจะสังหารจักรพรรดิอวี้ตี้ก็เป็นไปได้
เมื่อมาถึงด้านนอกพระที่นั่งบำรุงฤทัย ฉีเฟยอวิ๋นก็รอให้สวีกงกงข้าไปรายงาน ไม่นานสวีกงกงก็ออกมาเรียกฉีเฟยอวิ๋นไปเข้าเฝ้า
ฉีเฟยอวิ๋นตามเข้าไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย ตอนที่เดินผ่านประตูห้องบรรทมของจักรพรรดิอวี้ตี้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างใน
และเสียงนั่นเป็นของฮองเฮา ฉีเฟยอวิ๋นแทบจะไม่ต้องมองเลย
“ฉีเฟยอวิ๋นคำนับฝ่าบาท คำนับฮองเฮา”
ฉีเฟยอวิ๋นคุกเข่าลงและก้มศีรษะ
เสียงของหญิงอายุหกสิบเศษดังมาจากเบื้องบน:“เงยหน้าขึ้น”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง พระพันปี?
ความทรงจำของฉีเฟยอวิ๋นผุดขึ้นราวกับน้ำที่พุ่งเข้ามาในเรือ ใบหน้าของพระพันปีวนเวียนอยู่ในหัวของนาง เจ้าของร่างเดิมเคยเจอนางตอนที่ยังเด็กมาก
แต่ฉีเฟยอวิ๋นคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก และดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะกลัวนาง!
ฉีเฟยอวิ๋นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นางเห็นหญิงชราผมขาวที่อายุหกสิบเศษ
บุคคลผู้ดูสง่างาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตา สวมเสื้อคลุมลายหงส์สีแดง แขนกว้าง บนเสื้อคลุมมีนกหลายร้อยตัวหันหน้าเข้าหาหงส์ นางดูมีสูงส่ง แม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่ออร่าของนางยังดูน่าเกรงขาม บนศีรษะของนางก็สวมมงกุฎของจักรพรรดินี และยืนยันความคิดของฉีเฟยอวิ๋นได้ว่านางคือพระพันปี ซึ่งเป็นพระมารดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
ฉีเฟยอวิ๋นรีบก้มศีรษะลง:“หม่อมฉันคำนับพระพันปี”
“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้ารู้ความผิดหรือไม่ ใครให้เจ้ากล้าบังอาจจ่ายยาให้ฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์?เจ้าแบกรับไหวหรือ?” พระพันปีกล่าวอย่างเย็นชาและจริงจัง
ฉีเฟยอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใจเย็น:“กราบทูลพระพันปี คือฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงบอกหม่อมฉันว่านอนไม่หลับ และต้องการให้หม่อมฉันจ่ายยาให้ หม่อมฉันคิดว่าน้ำโหงวบี่จี้สามารถช่วยให้นอนหลับได้ และไม่เป็นอันตรายต่อผู้คน”
“งั้นเจ้าหมายความว่าข้าโทษเจ้างั้นหรือ?” พระพันปีลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ไม่พูดไร้สาระและออกคำสั่งว่า:“ทหาร เอาตัวไปประหาร!”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น:“พระพันปีเพคะ ให้หม่อมฉันได้ตรวจดูฝ่าบาท แม้จะตายก็ต้องตายให้กระจ่างแจ้ง”
ฉีเฟยอวิ๋นมั่นใจว่าเรื่องนี้จะมีต้องเป็นอุบายของใครบางคน
เพียงแต่นางยังไม่รู้ว่าคนที่ต้องการทำร้ายคือนางหรือองค์จักรพรรดิอวี้ตี้
ถ้าต้องการทำร้ายองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ แน่นอนว่านางจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ ไม่มีสมองและไม่มีความทะเยอทะยานเป็นได้เพียงพระชายาเย่ที่บ้าผู้ชาย ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จ่ายยาให้ฝ่าบาทแแล้วจะทำให้คนตาย แม้ว่าจะตกตะลึง แต่ก็ทำได้เพียงเสียดายเท่านั้น
แต่ถ้าต้องการทำร้ายนาง จุดประสงค์ของคนที่อยู่เบื้องหลังคืออะไร?
นางตายแล้ว จักรพรรดิอวี้ตี้จะฟื้นคืนขึ้นมาเหรอ?
ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ไม่สามารถตายแบบนี้ได้
ที่จวนของท่านแม่ทัพยังมีคนรอนางอยู่ นางตายก็ไม่เป็นไร แต่คนที่อยู่เบื้องหลังความยุ่งเหยิงนี้ล่ะ
“เจ้ายังจะกล้าเข้าเฝ้าฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นคนที่เจ้าสามารถเข้าเฝ้าได้งั้นหรือ? ลากตัวออกไปประหาร!”
น้ำเสียงของพระพันปีหนักแน่นมาก และไม่ให้โอกาสฉีเฟยอวิ๋นได้หายใจเลย มีทหารหลายคนเข้ามาข้างหลังฉีเฟยอวิ๋น นางถูกดึงให้ลุกขึ้นยืน
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมอง:“พระพันปีจะประหารหม่อมฉันจริง ๆ หรือเพคะ?”
จากสถานการณ์ในตอนนี้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถอ่อนแอได้อีกต่อไป
สายตาที่พระพันปีมองฉีเฟยอวิ๋นสุขุมราวกับน้ำแข็ง:“เจ้าบังอาจถามข้าหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกท้อแท้:“พระพันปี ตอนนี้ฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้ แม้ว่าจะต้องถูกตัดสินว่ามีความผิด หม่อมฉันขอถามพระพันปีว่าหม่อมฉันมีความผิดอะไร?”
“เจ้าทำร้ายฝ่าบาท ยังไม่มีความผิดอีกหรือ?” พระพันปีกล่าวอย่างเย็นชา
“ทำร้ายหรือไม่ แค่ดูก็รู้แล้ว หม่อมฉันยอมตายได้ แต่ไม่สามารถตายอย่างไม่กระจ่างแจ้งได้ ถ้าเรื่องนี้มีคนยืมมือพระพันปีเพื่อที่จะขุดรากถอนโคนหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ยอม และเกรงว่าท่านพ่อของหม่อมฉันก็จะไม่ยอมเช่นกัน”
“เจ้ากล้าบังอาจเอาพ่อของเจ้ามาข่มขู่ข้าหรือ?”
“หม่อมฉันไม่กล้าเพคะ หม่อมฉันแค่คิดว่าพระวรกายของฝ่าบาทสำคัญที่สุด ในเมื่อพระพันปีบอกว่าหม่อมฉันทำร้ายฝ่าบาท แล้วหม่อมฉันก็ต้องทำร้ายฝ่าบาทริง ๆ หรือเพคะ หากพระพันปีประหารหม่อมฉันแล้ว องค์หญิงจักรพรรดิ แล้าฝาบาทเพียงแค่หลับแล้วฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นพระพันปีจะอธิบายอย่างไรเพคะ?”
“อธิบาย?”
พระพันปีจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่แยแส ราวกับว่าเดิมทีแล้วก็ไม่ก็ไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นในสายตา และนี่คือสิ่งที่นางกลัว
ฉีเฟยอวิ๋นก็กดดันเช่นกัน ถ้าให้บอกว่าในแผ่นดินนี้ใครน่ากลัวที่สุด เชื่อว่าต้องเป็นคนนี้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกำลังเป็นกังวลว่าตัวเองพูดไม่เหมาะสม พระพันปีก็กล่าวว่า:“ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย แต่……ข้าจะให้เจ้าตายอย่างกระจ่างแจ้ง และทำให้แม่ทัพฉีเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ!”
ฮองเฮาสะดุ้งเล็กน้อย และไม่เข้าใจ พระพันปีบอกใบ้ให้ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นไป
**********************