“ไม่ ข้าไม่ปล่อย ท่านผู้อำนวยการ ท่านกำลังจะขับไสไล่ส่งข้าออกไปจากโรงเรียน ถ้าข้าปล่อย ท่านก็จะโยนข้าออกไปน่ะสิ” โจวเหว่ยชิงโอดครวญออกมาขณะที่ยืนหยัดอยู่ในท่าเดิมอย่างดื้อรั้น ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้าคนหน้าด้านนี้สูงเกินไป ด้วยความได้เปรียบเช่นนี้เอง เขาจึงสามารถกอดขาอีกฝ่ายได้นานขึ้นเพื่อหาเศษหาเลยต่อไป!
“ปล่อยข้าซะ! ข้าไม่ได้จะไล่เจ้าออกไปจริงๆ เสียหน่อย! เร็วเข้า ข้าจะไม่โยนเจ้าออกไป!” ถึงแม้ไช่ไช่จะมีท่าทีแกร่งกร้าวเหมือนเคย แต่เธอก็แทบจะต้องน้ำตาไหลพรากออกมา พละกำลังของเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้มีมากเกินไป ยิ่งเมื่อเขากระชับกอดที่ต้นขา แม้เธอก็ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่มือของเขาก็อยู่ที่บั้นท้ายของเธอแล้ว
“จริงหรือ?” โจวเหว่ยชิงเงยหน้าขึ้น มือของเขายังคงจับแน่นอยู่ที่เดิมขณะที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดหวัง
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าพูดเรื่องจริง ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” ทันใดนั้นใบหน้าของไช่ไช่พลันกลายเป็นสีแดงก่ำ
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือออก อย่างน้อยเขาก็กลัวว่าหากฝืนดึงดันจนเกินไป ไช่ไช่จะใช้พลังปราณของเธอทุบหัวเขาจนแบะ
โจวเหว่ยชิงปล่อยแขนออกและค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ เขาพูดด้วยท่าทีประจบสอพลอว่า“ขอบคุณ ขอบคุณขอรับท่านผู้อำนวยการ”
เมื่อเขาปล่อยมืออก ไช่ไช่ก็เซถอยหลังไปสองสามก้าว ขาของเธออ่อนแรงเล็กน้อยขณะที่เอนสะโพกพิงขอบโต๊ะเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองล้ม
“เจ้า…เจ้า…” ไช่ไช่ชี้นิ้วไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างพูดไม่ออก เธอรู้สึกอยากจะทุบตีเขาสักยก แต่ก็รู้ว่าเขาเพิ่งแสดงเจตจำนงของตัวเองว่าไม่อยากออกจากโรงเรียนแห่งนี้ไป เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงรู้สึกถึงความโกรธที่กำลังอัดแน่นอยู่เต็มกระเพาะและรอการระบาย ท่อนขาบริเวณที่เขาคว้าจับเมื่อสักครู่พลันเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้เธอโกรธมากที่สุดก็คือเจ้าคนไร้ยางอายนี่ถึงกับเลือดกำเดาไหลออกจากจมูกทั้งสองข้าง แม้แต่เสื้อคลุมของเธอก็ต้องพลอยเปื้อนเลือดไปด้วย
“จมูกของเจ้าเป็นอะไร?” ไช่ไช่เอ่ยถามอย่างเคืองขุ่น
โจวเหว่ยชิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไร้เดียงสาพลางพูดว่า “เมื่อกี้ข้าเผลอเอาหัวฟาดต้นขาของท่าน ตรงนั้นน่ะ” ในขณะที่พูด เขาก็ยังชี้ไปที่ขาของเธอ ราวกับกำลังจะขยับเข้าไปชี้ให้ดูใกล้ๆ เป็นการส่วนตัว
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้า!” ไช่ไช่หอบหายใจเข้าออกอย่างไม่มั่นคง เธอมุ่งหน้ากลับไปยังที่นั่งของตนเองเพื่อรักษาระยะห่างจากโจวเหว่ยชิงและป้องกันไม่ให้เขามองเห็นต้นขาของเธออีกครั้ง จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้
โจวเหว่ยชิงลอบยิ้มอย่างลับๆ ท่านผู้อำนวยการไช่ไช่คนนี้ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายที่ยั่วยวนยิ่งกว่าหมิงฮัวเสียอีก! เขาพลันคิดกับตัวเอง ถ้าจะอธิบายว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นดอกไม้งามที่ใกล้เบ่งบาน หมิงฮัวก็คือเป็นดอกไม้ที่เพิ่งจะแย้มบาน ส่วนไช่ไช่นั้นต้องเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่งแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ความงามของเธอเพิ่งแตะจุดสูงสุด…คล้ายผลไม้ที่สุกงอมเต็มที่ สัมผัสเมื่อสักครู่นี้ยังทำให้เขานึกถึงเซียวหรูเซ่อขึ้นมา หลังจากไม่ได้พบกันนานกว่า 2 ปี เขาก็คิดว่าเธอคงจะกำลังบานสะพรั่งเช่นกัน
หลังจากตื่นตกใจได้ไม่นาน ไช่ไช่ก็สงบสติอารมณ์ลงได้ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนที่เธอมีต่อโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ก็ได้ระเหยหายไปในอากาศแล้ว เธอกล่าวอย่างเย็นชาว่า “โจวเหว่ยชิง โรงเรียนไม่ได้จะขับไล่เจ้าออกไป เราแค่จะส่งเจ้าไปปฏิบัติภารกิจนอกโรงเรียนเพื่อตัวเจ้าเองเท่านั้น ระยะเวลาในการทำภารกิจคือ 3 เดือน หลังจากที่เจ้ากลับมา เจ้าก็จะเป็นนักเรียนของเราอยู่”
“ภารกิจ? ภารกิจอะไรหรือขอรับ?” โจวเหว่ยชิงถามอย่างสงสัยขณะที่เขามองเธอด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
ไช่ไช่กล่าวว่า “นี่คือภารกิจที่เป็นเกียรติสูงสุด หากเจ้าสามารถเข้าร่วมภารกิจนี้ได้ อย่าพูดถึงตระกูลขุนนาง 10 กว่าตระกูลที่เจ้าเคยทำให้พวกเขาไม่พอใจ แม้ว่าเจ้าจะทำให้เสด็จพ่อของข้าบันดาลโทสะ ข้าก็ยังสามารถช่วยเหลือเจ้าได้! เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 หรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวขณะที่เขาพูดว่า “ไม่ขอรับ มันคืออะไรหรือ?”
ไช่ไช่อธิบายว่า “มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 นั้นเป็นดินแดนที่แข็งแกร่งที่สุด 5 อันดับแรกในแผ่นดินนี้ ประกอบด้วยยอดหุบเขาทิศตะวันออกหุบเขาหลงใหล ยอดเขานรกทิศใต้เขาอเวจีสีเลือด ยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกนิกายปีศาจสวรรค์ และยอดเขาทิศเหนือภูเขาหิมะสวรรค์ ส่วนดินแดนสุดท้ายคือ ยอดปราสาทราชวังตอนกลางวังสวรรค์ไพศาล ดินแดนทั้ง 5 นี้ประกอบขึ้นเป็น 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์และแต่ละกลุ่มก็มีจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดในทวีปสังกัดอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญกว่านั้นคือจ้าวมณีสวรรค์แต่ละคนล้วนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตัวเอง ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือภูเขาหิมะสวรรค์และวังสวรรค์ไพศาล พลังของภูเขาหิมะสวรรค์นั้นเป็นที่ประจักษ์ที่สุดเนื่องจากพวกเขาเคยต่อสู้กับนิกายปีศาจสวรรค์ หุบเขาหลงใหลและเขาอเวจีสีเลือดด้วยตัวเอง ทว่าก็ยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำของตนเอาไว้ได้เสมอมา อย่างไรก็ตาม มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ละที่ก็แยกกันปกครองตัวเอง พวกเขาไม่ค่อยข้องเกี่ยวกันมากนัก สำหรับวังสวรรค์ไพศาลนั้นยังคงรักษาความเป็นกลางมาโดยตลอดและมักจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของผู้อื่นด้วย วังสวรรค์ไพศาลตั้งอยู่ในอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปอย่างอาณาจักรจ้งเทียน บนเกาะลอยฟ้าเหนืออาณาจักรที่เรียกว่าเกาะมณีสวรรค์ ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะการดำรงอยู่ของวังสวรรค์ไพศาลนั่นเองที่ควบคุมไม่ให้ภูเขาหิมะสวรรค์สนับสนุนอาณาจักรวั่นโซ่วจนก่อสงครามยึดครองแผ่นดินทั้งโลก”
“เดี๋ยวก่อนนะขอรับ ท่านผู้อำนวยการพูดว่าอะไรนะ? เกาะลอยฟ้า?!” โจวเหว่ยชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ก็เหมือนกับที่ข้าพูดไปนั่นแหละ ความจริงแล้วเกาะนี้ก็ไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศหรอก มันคือภูเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง เพียงแต่เป็นภูเขาที่แปลกประหลาดมาก มันมีความสูงเกือบ 5,000 เมตรแตะยอดก้อนเมฆและมีพื้นที่กว้างขวางมาก ทว่าพื้นที่ตรงกลางกลับว่างเปล่าคล้ายจานไร้ก้นรอง ภูเขาทั้งลูกมี “เสา” 16 ต้นหรือก็คือยอดเขาต่างๆที่กระจายตัวอยู่ทั่วแผ่นดินคอยรองรับน้ำหนักเอาไว้ นั่นจึงทำให้ดูเหมือนว่ามันกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเกาะและเรียกว่าเกาะมณีสวรรค์”
“ชื่อของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ถูกแต่ละดินแดนขนานนามขึ้นมาเอง จริงๆ แล้วพวกเขาก็เป็นกลุ่มจ้าวมณีสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด 5 อันดับแรกของแผ่นดินนั่นแหละ เพียงแต่ว่าดินแดนแต่ละที่นั้นมีกลุ่มจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งอาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้กลุ่มของพวกเขาจึงมีสถานะสูงส่งกว่าคนอื่นๆ ในทวีปทั้งหมด”
โจวเหว่ยชิงเอ่ยถามอย่างสงสัย “มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ไม่ต่อสู้กับอาณาจักรอื่นๆ หรือ?”
ไช่ไช่ส่งแค่นเสียงอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? อย่างไรพลังของแต่ละคนก็มีขีดจำกัด แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 12 ชุดก็ไม่อาจต่อกรกับกองทัพทั้งอาณาจักรด้วยตัวคนเดียวได้ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีกองกำลังจำนวนมหาศาลเหมือนอาณาจักรต่างๆ แต่พวกเขาก็ไม่เคยขาดจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลัง สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเทียมฟ้าเช่นนั้น แต่ละคนสามารถก่อหายนะร้ายแรงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การสังหารแม่ทัพท่ามกลางกองทหารนับหมื่นนายได้ด้วยตัวคนเดียว ด้วยเหตุนี้แม้แต่บรรดาราชวงศ์ในอาณาจักรต่างๆ ก็ไม่อยากจะมีปัญหากับ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรอก อย่างไรก็ดี มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรที่พวกเขาใช้เป็นฐานที่มั่นเช่นกัน ในยามจำเป็น พวกเขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกปักษ์รักษาอาณาจักรนั้นด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคืออาณาจักรวั่นโซ่ว เห็นได้ชัดจากการที่ภูเขาหิมะสวรรค์เป็นที่รู้จักกันในนามภูเขาสวรรค์แห่งอาณาจักรวั่นโซ่ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมักจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของจักรพรรดิวั่นโซ่วด้วย เนื่องจากภูเขาหิมะสวรรค์เป็นศัตรูของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ส่วนวังสวรรค์ไพศาลก็ทำตัวเป็นคนกลาง ทั้งหมดนี้จึงทำให้มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 สามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้ด้วยความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้เอง”
จู่ๆ สายตาของโจวเหว่ยชิงก็เผยแววสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา เขาอุทานออกมาว่า “ท่านผู้อำนวยการ เพราะท่านได้อธิบายเกี่ยวกับ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าฟังอย่างละเอียด…ดังนั้นเป็นไปได้ไหมว่าภารกิจที่ท่านกล่าวถึงมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพวกเขา? ข้า…ข้าเป็นแค่จ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 3 ดวง เป็นเพียงมดปลวกตัวจ้อยเท่านั้น ข้าจะให้ความช่วยเหลือในภารกิจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร…”
ไช่ไช่กล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าคิดเกินตัวไปแล้ว! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะสั่นคลอน 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้? ก็อย่างที่เจ้าคาดเดานั่นแหละ ภารกิจของเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 และเหตุผลที่ข้าเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาก็เพื่อให้เจ้ามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ เจ้าจะได้ไม่ทำให้โรงเรียนของเราเสียหน้ามากนัก”
ถึงตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นของโจวเหว่ยชิงก็ได้ถูกจุดประกายขึ้นมาแล้ว จากน้ำเสียงของไช่ไช่ เขาก็เดาได้แล้วว่าภารกิจไม่น่าจะยากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม หากสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง มันก็น่าจะมีความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังพวกนั้น ภารกิจเช่นนี้จะยังรับมือง่ายๆ ได้อยู่หรือ?”
“ท่านผู้อำนวยการ ภารกิจนี้คืออะไรกันแน่? โปรดเปิดเผยรายละเอียดให้ข้าฟังสักเล็กน้อยเถอะ อย่างน้อยก็ให้ข้ามีโอกาสได้เตรียมใจบ้าง”
ไช่ไช่กล่าวว่า “ท่ามกลางมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 แม้ว่าภูเขาหิมะสวรรค์จะดูเหมือนมีอำนาจทัดเทียมกับวังสวรรค์ไพศาล แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นเป็นรองอีกฝ่ายอยู่ นั่นเป็นเพราะเกาะมณีสวรรค์ไม่ได้มีแค่วังสวรรค์ไพศาลเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่จ้าวมณีสวรรค์ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะไปให้ได้อีกด้วย บนเกาะมณีสวรรค์มีวัตถุดิบและสมบัติล้ำค่ามากมาย ยกตัวอย่างเช่นสินแร่และสมุนไพรต่างๆ หลายชนิดเป็นวัตถุดิบระดับสูงสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เช่นเจ้า อาจกล่าวได้ว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทุกคนจะต้องวาดฝันว่าตนจะได้ไปที่เกาะมณีสวรรค์สักครั้ง ที่นั่นเป็นเพียงที่แห่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาสามารถก้าวหน้าขึ้นได้…
ดวงตาของโจวเหว่ยชิงสว่างวาบขึ้นทันที เขารีบเอ่ยว่า “นั่นหมายความว่าวังสวรรค์ไพศาลรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงๆ บางคนเข้าไปดูแลใช่หรือไม่?”
ดวงตาของไช่ไช่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง “ไม่ใช่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงๆ บางคน…ในความเป็นจริงอาจกล่าวได้ว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์กว่าครึ่งหนึ่งในทวีปอยู่ภายใต้การดูแลของวังสวรรค์ไพศาล”
“นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สถานะของวังสวรรค์ไพศาลอยู่เหนือกว่าดินแดนอื่นๆ การเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์มีเพียง 3 วิธีเท่านั้น อันดับแรกคือต้องเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้นำผู้ติดตามเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ได้หนึ่งคน เมื่อพวกเขาเข้าร่วมกับวังสวรรค์ไพศาลก็จะได้รับการดูแลที่ดีเป็นอย่างยิ่ง สามารถใช้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับวัตถุดิบต่างๆ ที่มีอยู่บนเกาะมณีสวรรค์ได้ เนื่องจากการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงนั้นเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเหล่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ในการพัฒนาตนเองและเพิ่มระดับให้สูงขึ้น แค่นี้เจ้าก็จินตนาการได้แล้วว่าจะมีกี่คนที่ถูกดึงดูดให้เข้าร่วมด้วยเงื่อนไขที่ดีเลิศถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น วังสวรรค์ไพศาลยังใจกว้างมาก เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่จำกัดเสรีภาพของเหล่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ ทุกคนสามารถจากไปได้ทุกเมื่อที่ตนต้องการ ด้วยเหตุนี้ ในโลกของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ วังสวรรค์ไพศาลจึงเป็นเหมือนผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา สามารถกล่าวได้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่ๆ บรรดาอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทั้งหลายให้การยอมรับมากที่สุด เหตุผลนี้เพียงข้อเดียวก็สามารถบังคับให้ 4 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยุดคุกคามวังสวรรค์ไพศาล เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับใช้เฟ้นหาปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์และม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงๆ ได้อย่างง่ายดาย”
“สำหรับภารกิจที่เจ้าจะต้องทำนั้น จริงๆ แล้วมันก็เกี่ยวข้องกับวิธีอื่นที่ใช้สำหรับเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ นอกจากวิธีแรกที่ข้าพูดถึงก็ยังเหลืออีก 2 วิธี หนึ่งในนั้นคือการได้รับใบอนุญาตแบบพิเศษเพื่อให้เข้าไปข้างในได้ นี่เป็นสิ่งที่หายากมากและโดยปกติแล้วมีไว้สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุดหรือผู้ที่มีระดับสูงขึ้นไปกว่านั้น ส่วนวิธีสุดท้ายเป็นวิธีเดียวที่จ้าวมณีสวรรค์ระดับต่ำหรือแม้แต่จ้าวมณีใช้เพื่อเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์! นั่นคือการประลองมณีสวรรค์ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างสงสัย “การประลองมณีสวรรค์?”
ไช่ไช่พยักหน้าและกล่าวว่า “การประลองมณีสวรรค์ถูกจัดขึ้นครั้งแรกเพื่อมอบโอกาสให้อาณาจักรต่างๆ นำคนของพวกเขาเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ มีข้อกำหนดเพียง 2 ประการสำหรับผู้เข้าร่วมการประลอง ประการแรกคือผู้เข้าร่วมทุกคนจะต้องมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ประการที่สองคือผู้เข้าร่วมจะต้องเป็นนักเรียนในบรรดาโรงเรียนของอาณาจักรนั้นๆ และนั่นก็ยังรวมถึงอาณาจักรวั่นโซ่วด้วย ทั่วทั้งทวีปมีอาณาจักรไม่กี่สิบแห่ง แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงก็มีเพียงไม่กี่แห่งเช่นกัน เกาะมณีสวรรค์จะให้รางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขัน 4 อันดับแรก โดยผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะได้รับแผ่นป้ายชิ้นหนึ่ง ด้วยแผ่นป้ายนั้น ผู้ถือครองจะสามารถเข้าไปในเกาะมณีสวรรค์ได้ 3 ครั้ง ทว่าการแข่งขันรอบรองชนะเลิศก็จะจัดขึ้นที่เกาะมณีสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นผู้เข้ารอบแต่ละกลุ่มที่มาจาก 4 อาณาจักรก็จะได้เข้าร่วมการแข่งขันในเกาะมณีสวรรค์ด้วย ทว่าการเข้าไปในเกาะครั้งนี้จะไม่นับรวมกับจำนวนที่อนุญาติในแผ่นป้ายทั้ง 3 ครั้ง ที่สำคัญกว่านั้นคือแผ่นป้ายมณีสวรรค์นี้ไม่ได้ผูกติดอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ใครก็ตามที่ครอบครองแผ่นป้ายนี้ย่อมสามารถเข้าไปในเกาะเกาะมณีสวรรค์ได้ทั้งหมด”