เมื่อพูดถึงจุดนี้ ไช่ไช่ก็หยุดพักชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจและเริ่มพูดต่อ “เริ่มแรกทุกอาณาจักรก็มีโอกาสที่จะเป็น 4 อันดับแรกและได้แผ่นป้ายมาครองเท่าๆ กัน อนิจจา เมื่อเวลาผ่านไป มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 แห่งก็ตระหนักได้ว่าการเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์นั้นสำคัญเพียงใด ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกกระดากอายเกินกว่าจะใช้กลุ่มของตัวเองโดยตรง แต่พวกเขาก็เริ่มร่วมมือกับอาณาจักรในพื้นที่ของตน แม้กระทั่งช่วยดูแลจ้าวมณีสวรรค์รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเพื่อฝึกซ้อมสำหรับการประลองที่จะมาถึง ด้วยวิธีการดังกล่าว พวกเขาจึงได้ครอบครองแผ่นป้ายมณีสวรรค์สมดั่งปรารถนา ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือยอดเขาปีศาจทิศตะวันตก เนื่องจากทักษะธาตุปีศาจของพวกเขา พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวในเงามืดและไม่กล้าเข้าไปในเกาะมณีสวรรค์โดยตรง ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าในการประลองมณีสวรรค์ทุกครั้ง มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ก็ยึดครอง 3 อันดับแรกไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับอาณาจักรต่างๆ ก็เหลืออันดับสุดท้ายไว้ให้แย่งชิงกัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของอาณาจักรจ้งเทียนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อาณาจักรเฟยหลี่ของเราไม่เคยได้รับป้ายมณีสวรรค์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แม้ว่าเราจะพยายามหาซื้อในราคาสูงก็ยังไม่อาจทำได้สำเร็จ”
ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงพูดอย่างลังเลว่า “ท่านผู้อำนวยการ ท่านกำลังจะบอกให้ข้าเข้าร่วมการแข่งขันมณีสวรรค์ครั้งนี้หรือ?”
ไช่ไช่ขบริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 3 ชุด โดยธรรมชาติแล้วย่อมไม่สามารถเข้าร่วมในฐานะตัวจริงได้ แต่อย่างไรเจ้ายังสามารถเป็นตัวสำรองได้ ข้าเองมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนั้นเช่นกัน สมาชิกในกลุ่มของแต่ละอาณาจักรถูกจำกัดจำนวนไว้ที่ 8 คนโดยมีตัวจริง 5 คนและตัวสำรอง 3 คน แน่นอนว่าตัวจริงในกลุ่มหลักทั้ง 5 คนย่อมมาจากโรงเรียนเจ้ามณี ในขณะที่ตัวสำรอง 3 คนจะถูกคัดเลือกจากโรงเรียนทหารของพวกเรา เหตุผลที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การช่วยเหลือกลุ่มหลัก แต่เพื่อให้นักเรียนที่โดดเด่นของเราได้รับประสบการณ์อันมีค่า ตำแหน่งสมาชิกสำรองทั้ง 3 ที่นี้เป็นที่ต้องการอย่างมาก และในครั้งนี้เจ้าโชคดีมากที่ได้ผลประโยชน์ไป จริงๆ แล้วเป็นไปได้ยากมากที่เราจะสามารถเข้าไปในเกาะมณีสวรรค์ได้ แต่เพียงแค่ได้เป็นสักขีพยานและสัมผัสกับจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ สิ่งนี้จะช่วยเจ้าได้มากเกี่ยวกับการฝึกปราณอนาคต ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดีสำหรับเจ้าในการซ่อนตัว เมื่อถึงเวลาที่เจ้ากลับมา สถานะของเจ้าในฐานะผู้เข้าร่วมการประลองมณีสวรรค์ แม้จะเป็นตัวสำรอง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะปกป้องตัวเองจากคนอื่นๆ”
เมื่อมองไปที่ไช่ไช่ การแสดงออกของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจที่ตนไม่ให้ความเคารพท่านผู้อำนวยการคนนี้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอาจารย์ใหญ่ที่เพิ่งพบหน้ากันเพียง 2 ครั้งสั้นๆ จะให้ความช่วยเหลือเขามากมายและวางแผนทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของเขาเช่นนี้ เพื่อให้เขาสามารถเข้าร่วมการแข่งขันมณีสวรรค์ เพื่อเป็นสักขีพยานในการต่อสู้ในระดับยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาแค่ต้องไปเป็นตัวสำรองเท่านั้น อย่างไรก็แทบจะไม่ต้องต่อสู้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าด้วยเหตุผลนี้เขาจึงจะไม่เป็นอันตรายใดๆ โอกาสดังกล่าวมีค่าอย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนทหารเฟยหลี่ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ได้มอบโอกาสนี้ให้กับเขาซึ่งเป็นเพียงนักเรียนสามัญชั้นปีที่ 1
“ท่านผู้อำนวยการ ขอบคุณมากขอรับ” โจวเหว่ยชิงคำนับไช่ไช่ด้วยความจริงใจ
ในที่สุดริมฝีปากของไช่ไช่ก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ เธอกล่าวว่า “เป็นเรื่องดีที่เจ้าเข้าใจความพยายามของข้า คราวนี้สิ่งตัวสำรองทั้ง 3 คนที่เราจะส่งไปคือเจ้า คนรักตัวน้อยของเจ้า และเย่เป่าเปา อย่างไรทุกคนในโรงเรียนก็รู้เรื่องของเจ้าและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นจะปลอดภัยกว่าหากให้นางไปกับเจ้า เมื่อพวกเจ้ากลับมาแล้ว ทั้งคู่จะต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อตามชั้นเรียนให้ทัน จำไว้ว่าเย่เป่าเปาจะเป็นผู้นำกลุ่มเล็กๆ ของเจ้าเพราะเขามีอำนาจมากที่สุดในบรรดานักเรียนของเรา นอกจากนี้เจ้าควรควบคุมตัวเองให้ดี อย่าหาเรื่องปะทะกับสมาชิกหลักจากโรงเรียนเจ้ามณีและทำให้โรงเรียนของเราเสียหน้า เข้าใจหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ใช่คนที่ชอบก่อปัญหา ตราบใดที่ไม่มีใครมาก่อกวนข้าก่อน ข้าก็จะไม่มีเรื่องกับเขาเช่นกัน”
ไช่ไช่แค่นเสียงในลำคอและพูดว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระของเจ้าได้แล้ว คิดว่าข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าเลยหรือ? เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ทุกคนจะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันมณีสวรรค์หลังจากนี้อีก 3 วัน ส่วนในช่วง 3 วันต่อจากนี้ เจ้าทั้งคู่ควรอยู่แต่ในโรงเรียนและอย่าออกไปนอกพื้นที่โรงเรียนเชียวล่ะ อีก 3 วันพวกเจ้าจะถูกส่งไปยังโรงเรียนเจ้ามณี”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังจะจากไป จู่ๆ เขาก็นึกบางอย่างได้ เขาจึงหยุดเดินและพูดว่า “ท่านผู้อำนวยการ โรงเรียนของเราจะรับอาจารย์เพิ่มหรือไม่?”
“หืม?” ไช่ไช่มองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างสงสัย “เจ้าจะแนะนำอาจารย์ให้กับโรงเรียนของเรางั้นหรือ? คนผู้นั้นต้องมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านถึงจะมีโอกาสเข้าสอนในโรงเรียนของเราได้”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “แล้วอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงนับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านหรือไม่?”
ดวงตาของไช่ไช่ลุกวาวขณะที่เธอกล่าวว่า “เจ้าจะแนะนำเพื่อนอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงให้โรงเรียนของเราหรือ?”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “รุ่นพี่ของข้าเพิ่งจะมาถึงเมืองเฟยหลี่และจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก เนื่องจากช่วงนี้เขาไม่มีอะไรทำสักเท่าไหร่ หากโรงเรียนต้องการอาจารย์ เขาก็อาจสมัครเป็นอาจารย์ผู้ช่วยหรืออะไรก็ได้”
ไช่ไช่มองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างมีนัยยะ ความสง่างามและความงามอันสูงส่งของเธอทำให้เขาถึงกับตาพร่าเป็นครั้งที่ 2 ของวัน “เจ้าพยายามจะใช้บ๊วยตอบแทนลูกท้อหรือ? [1]”
โจวเหว่ยชิงเกาศีรษะและพูดว่า “อืม…ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก อย่างไรเมื่อข้าจากไปแล้ว ห้องเรียนเอกสามัญของข้าก็ต้องมีคนช่วยดูแล อาจารย์หมิงฮัวอาจจะทำคนเดียวไม่ไหว ถ้าห้องเรียนของข้ามีอาจารย์ผู้ช่วยได้อีกคนก็ไม่น่ามีปัญหา นอกจากนี้ ข้าสัญญากับเพื่อนร่วมชั้นของข้าว่าจะช่วยสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้พวกเขาด้วย”
ไช่ไช่หัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะๆ อย่างน้อยเจ้าก็ซื่อสัตย์กับข้า ได้ ข้ายอมรับเรื่องนี้ กลับไปขอเขาให้มารายงานตัวกับข้าโดยตรงเมื่อมาถึงที่โรงเรียนก็แล้วกัน”
“ต้องขอบคุณท่านผู้อำนวยการไช่ไช่มากที่ตอบรับคำขอของข้า” โจวเหว่ยชิงโค้งคำนับอย่างสุภาพอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานผู้อำนวยการไป เมื่อพูดคุยกับคนเฉลียวฉลาดอย่างไช่ไช่ การพูดความจริงทุกครั้งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามาก อย่างไรโจวเหว่ยชิงเองก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน เขารู้ว่าไช่ไช่สามารถอ่านการกระทำของเขาออก ดังนั้นแทนที่จะพยายามปกปิดสิ่งต่างๆ เขาจึงต้องบอกความจริงเพื่อทำให้อีกฝ่ายประทับใจแทน
หลังจากออกจากห้องผู้อำนวยการ โจวเหว่ยชิงหายก็สูดหายใจเข้าลึก แววตาคาดหวังปรากฏขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาเพียงแค่กำลังให้ความสนใจการประลองมณีสวรรค์มากเกินไปเท่านั้น
จู่ๆ เขาก็นึกคำถามที่อยากจะถามไช่ไช่เพิ่มเติม เขาจึงรีบหันกลับไปผลักประตูเพื่อเข้าไปข้างในอีกครั้ง ชัวพริบตานั้นเขาเพิ่งจะคิดคำถามขึ้นมาได้จึงไม่ได้เคาะประตูขออนุญาตใดๆ จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้าไปในห้องทันที
ทันทีที่เขาโผล่เข้ามาในห้อง โจวเหว่ยชิงก็ต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ด้านไช่ไช่เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
ในขณะนั้นท่านผู้อำนวยการไช่ไช่สวมเพียงกางเกงในซึ่งปกปิดได้เฉพาะส่วนลับของเธอเท่านั้น ผิวขาวราวกับหิมะและสัดส่วนยั่วยวนของเธอเปิดเผยต่อหน้าโจวเหว่ยชิงเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะต้นขาที่โจวเหว่ยชิงแนบกอดเอาไว้ก่อนหน้านี้กำลังขึ้นริ้วสีแดงอ่อนๆ อย่างน่ารักน่าชัง
*พรูด* เลือดกำเดา 2 สายไหลออกมาจากรูจมูกของโจวเหว่ยชิงทันที คราวนี้เขาไม่สามารถแก้ตัวใดๆ ได้ แม้กระทั่งน้ำลายก็ยังไหลออกมาด้วย
“ออกไป!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของไช่ไช่ดังขึ้น ไม่นานโจวเหว่ยชิงก็วิ่งแจ้นออกจากห้องนั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เหตุผลทั้งหมดก็เริ่มจากการที่ไช่ไช่เป็นคนพิถีพิถันมากเกินไป ก่อนหน้านี้เสื้อคลุมของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของโจวเหว่ยชิง ดังนั้นทันทีที่เขาจากไป เธอก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องรีบผลัดเปลี่ยนเป็นชุดใหม่อย่างรวดเร็ว ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วโจวเหว่ยชิงจะกลับเข้ามาข้างในห้องอีกครั้งโดยไม่เคาะประตูให้สัญญาณ ต่อมาจึงต้องเกิดฉากน่าอับอายเช่นนี้ขึ้น
ขณะที่โจวเหว่ยชิงผลุนผลันออกไปจากห้อง เขาก็ไม่ได้วิ่งไปไหนไกล แต่กลับตะโกนเข้ามาจากนอกประตู “ท่านผู้อำนวยการ ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”
“ไอ้คนสารเลว กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้!” ในชั้นนี้มีห้องทำงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากไช่ไช่สวมเสื้อคลุมใหม่เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว เธอก็ได้ยินเขาตะโกนเข้ามาจากด้านนอก นั่นทำให้เธอโกรธมากจนเกือบจะเป็นลม ทว่าเธอก็ยังเดินออกไปเรียกเขากลับเข้ามา
เมื่อโจวเหว่ยชิงกลับเข้าไปในห้องทำงานของท่านผู้อำนวยการอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ในความรู้สึกของเขา เธอดูเหมือนภูเขาไฟที่กำลังเดือดและใกล้จะปะทุเต็มที่
ตอนนี้ไช่ไช่สวมชุดคลุมใหม่ที่ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอกลับดูน่าเกลียดมาก แม้แต่ผมของเธอก็ยังยุ่งเหยิงเล็กน้อย นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอรีบร้อนขนาดไหน
“เจ้าเด็กเหลือขอ! ไม่รู้จักวิธีเคาะประตูหรือไง?” ไช่ไช่กำหมัดแน่น ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้สึกอยากทุบตีใครมากขนาดนี้มาก่อน
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ท่านผู้อำนวยการ ข้าผิดไปแล้ว จู่ๆ ข้าก็นึกคำถามสำคัญที่จะถามท่านขึ้นมาได้ ข้าจึงบังเอิญโผล่เข้ามาโดยไม่ทันได้คิดให้ดีก่อน…คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า…”
“หุบปาก! ถ้าเจ้ากล้าพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา!” ไช่ไช่ร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว แม้แต่ความสง่างามและความสุขุมของเธอก็ยังถูกโจวเหว่ยชิงทำลายลงจนได้ ตอนนี้เธอจึงหายใจออกอย่างยากลำบากเพราะความโกรธ
“พูดมา เจ้าอยากถามอะไร? ถามมาเร็วๆ แล้วรีบไปให้พ้น” ในที่สุดไช่ไช่ก็สงบสติอารมณ์ลงได้ เมื่อมองไปยังท่าทางที่ไร้เดียงสาของโจวเหว่ยชิง ในที่สุดเธอก็ระงับความโกรธของตนเอง ด้วยสถานะของเธอ เธอจะทุบตีโจวเหว่ยชิงเช่นนั้นได้อย่างไร?
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า“ ข้า…ข้าแค่อยากจะถามว่าถ้าพวกเราติด 4 อันดับแรกในการประลองครั้งนี้ พวกเราจะสามารถใช้ป้ายมณีสวรรค์ที่รับมาได้หรือไม่?”
“ฮึ่ม พวกเจ้ามีเพียงไม่กี่คน คิดว่าจะได้ป้ายมณีสวรรค์มาจริงๆ? ฝันกลางวันอยู่หรือไร! ทว่าหากเจ้าทำได้จริงๆ ข้าก็จะอนุญาตให้เจ้าใช้ส่วนของตนเองได้”
“ขอบคุณท่านผู้อำนวยการ ข้าจะออกไปจริงๆ แล้ว” หากต้องเผชิญหน้ากับภูเขาไฟที่อาจปะทุได้ทุกเมื่อ วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือคือรีบหนีไปโดยเร็ว โจวเหว่ยชิงได้คำตอบที่เขาต้องการแล้ว เขาจึงรีบวิ่งแจ้นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปยังประตูที่ปิดลง ไช่ไช่ก็รู้สึกถึงระดับความโกรธของตนได้อย่างถนัดนี่ จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาติด 4 อันดับแรกและได้รับป้ายมณีสวรรค์จริงๆ? เธอรู้ว่าป้ายเหล่านี้มีความสำคัญต่ออาณาจักรมากเพียงใด ทว่าไม่นานคิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอก็คลายลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ป้ายมณีสวรรค์มาครอง แม้ว่าอาณาจักรจะมีนักเรียนที่มีความสามารถสูงส่งและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากโรงเรียนเจ้ามณี แต่พวกเขาก็ยังห่างไกลจากความสามารถของผู้ที่มาจาก 4 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะติด 4 อันดับแรก ส่วนโจวเหว่ยชิงและตัวสำรองคนอื่นๆ ก็คงออกไปต่อสู้ไม่ได้เช่นกัน ไอ้เจ้าเด็กสารเลวนั่น กล้าดียังไงมาสัมผัสตัวข้า กระทั่งใช้สายตาโลมเลีย ข้า!
ขณะที่คิดมาถึงจุดนี้ ไช่ไช่ก็หน้าแดงเถือก เธอสะบัดมือฟาดฟันอากาศอย่างหนักราวกับว่านั่นคือโจวเหว่ยชิง
เมื่อโจวเหว่ยชิงกลับมาที่ชั้นเรียน เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าคาบเรียนแรกยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับจำได้ว่าบทเรียนนี้มีหมิงฮัวเป็นผู้สอน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้หมิงฮัวก็ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตนเองด้านหลังแท่นพูดและนักเรียนทุกคนต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เอ๊ะ? วันนี้พวกเราไม่มีการเรียนการสอนหรือ?” โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
หมิงฮัวเหลือบมองเขาและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่กลับมา พวกเขาจะมีสมาธิเรียนได้อย่างไร? แล้วเรื่องของเจ้าล่ะเป็นอย่างไร?”
………………………………………………………..
[1] 投桃报李 ใช้บ๊วยตอบแทนลูกท้อ หมายความว่าทำความดีหวังผลตอบแทน, แลกเปลี่ยนผลประโยชน์