บทที่ 63.1 ตราประทับที่ไม่อาจทำลายได้ (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “ทุกคนผ่อนคลายเถอะ ท่านผู้อำนวยการเรียกข้าไปฟังข่าวดี…” จากนั้นเขาก็บอกหมิงฮัวและเพื่อนร่วมชั้นของเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรต้องปกปิดอยู่แล้ว

หลังจากรับฟังเรื่องราวของเขา ผู้ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเด่นชัดสุดก็คือซ่างกวนปิงเอ๋อร์และหมิงฮัว ดวงตาของ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปล่งประกายขึ้น ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ เธอรู้ดีว่าการได้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อตนเองมากเพียงใด ส่วนหมิงฮัว สีหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

“ท่านผู้อำนวยการให้เจ้าเป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าร่วมการประลองมณีสวรรค์จริงหรือ!??”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?”

หมิงฮัวส่ายหัวและพูดว่า “ปกติแล้วโอกาสนี้สงวนไว้สำหรับนักเรียนชั้นปีที่ 4 ที่กำลังจะจบการศึกษาเท่านั้น ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทั้งเจ้าและซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะได้รับเกียรติจากโรงเรียนเช่นนี้ เจ้าพูดถูก นี่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ ในระหว่างการประลองมณีสวรรค์ เจ้าจะได้เห็นผู้มีความสามารถชั้นยอดทั้งหมดในโลกของจ้าวมณีระหว่างการต่อสู้ นั่นจะช่วยให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาและสัมผัสประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง”

โจวเหว่ยชิงถามอย่างสงสัย “นั่นหมายความว่าอาจารย์หมิงฮัวก็เคยโชคดีได้เข้าร่วมการประลองมาก่อนเช่นกันหรือ?”

หมิงฮัวเอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ใช่ ข้าเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนของเราในการประลองครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าทั้ง 2 คนสามารถปล่อยวางความคิดทั้งหมดและออกเดินทางได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องการเรียน เมื่อเจ้ากลับมาจะมีบทเรียนซ่อมเสริมพิเศษให้กับเจ้าทั้งคู่ เนื้อหาครอบคลุมบทเรียนที่พลาดไปทั้งหมด”

โจวเหว่ยชิงมองไปที่หมิงฮัวด้วยสายตาคลุมเครือ ดูเหมือนว่าวันนี้หมิงฮัวดูเงียบสงบผิดปกติและไม่ได้แสดงอาการเกลียดชังที่เธอเคยมีต่อเขาออกมาเหมือนเคย แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาก็จะถือว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตัวเอง

เมื่อหันไปหาเพื่อนร่วมห้อง โจวเหว่ยชิงก็กระแอมในลำคอและพูดว่า “คราวนี้ข้าน่าจะไปหลายเดือน แต่ทุกคนก็ไม่ต้องกังวลไป ข้าได้ตรวจสอบคำขอและรับทราบข้อมูลทั้งหมดของพวกเจ้าแล้ว สำหรับจ้าวมณียุทธ์ที่ต้องการม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้นยังเหลือเวลาอีก 3 วันก่อนที่ข้าจะจากไป ในช่วง 3 วันนี้ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้เพียงพอกับความต้องการของทุกคน ท้ายที่สุดแล้ว กว่าพวกเจ้าจะหลอมรวมม้วนคัมภีร์ทั้งหมดได้สำเร็จก็ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3เดือน และพวกเจ้าก็ควรจะทำให้เสร็จก่อนข้าจะกลับมา นอกจากนี้ อีกไม่นานโรงเรียนจะส่งอาจารย์ผู้ช่วยมาที่ชั้นเรียนของพวกเรา ข้าเป็นคนแนะนำเขามาเองและเขาก็เป็นพี่ชายของข้า ทั้งยังเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูง สำหรับม้วนคัมภีร์ที่ข้าไม่อาจทำให้เสร็จสิ้นทันเวลา เขาจะจัดการที่เหลือให้พวกเจ้าต่อเอง อย่างไรก็ตาม จงอย่าลืมสิ่งที่ข้าเคยพูดเอาไว้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเจ้าทุกคนในตอนนี้คือการฝึกปราณสวรรค์ ส่วนการหลอมรวมคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และการกักเก็บทักษะนั้นย่อมจะทำสำเร็จเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ในอนาคตพวกเจ้าอาจได้หลอมรวมกับชุดศาสตรามณียุทธ์ก็เป็นได้ ไม่ว่าอย่างไร ระดับพลังปรานสวรรค์ของพวกเจ้าก็ขึ้นอยู่กับการทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักของตนเองเท่านั้น”

หม่าฉุนยิ้มแย้มและตะโกนออกมาจากด้านหลังห้องเรียน “หัวหน้าไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกขอรับ! ทำใจให้สบายแล้วไปลุยที่การประลองเถอะ! ยังไงพวกเราก็ไม่รีบร้อนอยู่แล้ว ข้ายินดีจะรอท่านสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ให้ข้า! หัวหน้า ข้าขอชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับ 9 ชิ้นนะขอรับ! ฮิๆ!”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะขณะที่เขาต่อว่าอีกฝ่าย “ช่างโลภมากเสียจริง! หากเจ้าสามารถเพิ่มระดับพลังปราณขึ้นไปจนมีมณี 9 ชุดได้ภายใน 4 ปีนี้ ข้าจะสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ 9 ชิ้นให้เจ้า!”

หม่าฉุนเผยให้เห็นใบหน้าแสนไร้ยางอายขณะร้องออกมาว่า “ใครบอกว่าหลังเรียนจบข้าจะติดตามท่านต่อไปไม่ได้! ให้ข้าเป็นผู้ติดตามของท่านไม่ได้หรือ? ข้าเชื่อว่าการติดตามหัวหน้าจะเป็นประโยชน์ต่อข้าอย่างยิ่ง คำขอเดียวของข้าคือท่านต้องมอบหญิงงามแสนเร่าร้อนให้ข้าบ้าง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นักเรียนทั้งห้องต่างก็หัวเราะออกมา ทว่าท่ามกลางเสียงหัวเราะเหล่านั้น แววตาของพวกเขาหลายคนก็ดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป อย่างน้อยคำพูดของหม่าฉุนก็จุดประกายบางสิ่งในตัวพวกเขาขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วมุกตลกฝืดของหม่าฉุน คำพูดเหล่านั้นของเขากลับก็ดังสะท้อนอยู่ภายในใจของนักเรียนทุกคนจริงๆ เห็นได้ชัดว่าการติดตามหัวหน้าโจวเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างแน่นอน แต่ทว่าพวกเขาจะมีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงได้หรือไม่?

ไม่กี่วันนี้หม่าฉุนได้กรุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ความทะนงตัวของเขาลดลงอย่างช้าๆเมื่อเผชิญหน้ากับความสำเร็จของโจวเหว่ยชิง นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเทิดทูนบูชาโจวเหว่ยชิงมากนัก แต่เขารู้สึกว่าการติดตามโจวเหว่ยชิงนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตนเองและไม่คิดว่านั่นจะเป็นผลเสียแต่อย่างใด แม้พวกเขาจะยังไม่ได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ แต่แค่คิดว่าจะได้รับพวกมันมาในอนาคต พวกเขาก็รู้สึกอิ่มเอมมากแล้ว

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บนั้นไม่มีปัญหา แต่เรื่องหญิงงามนั้นข้าไม่อาจช่วยเหลือใครได้ นั่นจะต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของเจ้าเอง การจีบผู้หญิงนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถ เสน่ห์และความดึงดูดใจโดยรวมของตัวเจ้าเอง ดูหัวหน้าห้องที่ยอดเยี่ยมของเจ้าเป็นตัวอย่างสิ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา สุภาพ สง่างาม และมีความสามารถที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสาวงามทุกคนจึงแห่กันมาหาเขา ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่แถวหน้าจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในเวลานี้เธอต้องการรักษาหน้าของผู้ชายตนเอง อย่างไรก็ตาม ภายในใจเธอกลับเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจที่จะให้เขาใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นกว่าเดิม

ถ้าโจวเหว่ยชิงรู้ว่าการโอ้อวดของเขาทำให้ตนเองต้องสูญเสียโอกาสทำเรื่องใกล้ชิดสนิทสนมที่รอคอยมานานกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่รักของเขา เขาอาจจะต้องกระหน่ำตบหน้าตัวเองเหมือนคนบ้า!

“เอาล่ะ ตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็กลับมาแล้ว เรามาเริ่มบทเรียนกันเถอะ” หมิงฮัวโบกมือให้โจวเหว่ยชิงนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาก่อนจะเริ่มบทเรียนในวันนี้

โจวเหว่ยชิงกลับไปนั่งเก้าอี้และทรุดตัวลงเกยหน้าไว้บนโต๊ะเรียนทันทีโดยไม่ได้ฟังที่หมิงฮัวกำลังสอนแม้แต่คำเดียว ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที คนพาลผู้นี้ก็งีบหลับไปเสียแล้ว

เนื่องจากไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน เวลานี้เขาจึงรู้สึกอ่อนเพลียเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียเลือด (กำเดา) ในตอนเช้า ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากคิดได้ว่าเขาจะต้องจากไปภายใน 3 วันและต้องสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เพิ่มในเวลากลางคืน เขาจึงต้องการพักผ่อนเล็กน้อยก่อนที่จะต้องรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะงีบหลับในชั้นเรียนอย่างเปิดเผย

เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งของเขาอยู่ด้านหลังสุดของชั้นเรียนทำให้ตอนแรกหมิงฮัวไม่รู้ว่าเขากำลังนอนหลับอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงกรนดังมาจากด้านหลังห้อง สีหน้าของเธอก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที

หมิงฮัวมองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ผู้กำลังพูดแทรกขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ถูก “เขาไม่ได้นอนทั้งคืน ร่างกายของเขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป…”

หมิงฮัวรู้สึกเขินอายจนแก้มขึ้นสีแดงก่ำ เธอเอ่ยออกมาเบาๆ “เจ้าสองคนต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆ นั้นดูแปลกประหลาดมาก ไม่นานเธอก็ตระหนักได้ว่าหมิงฮัวหมายถึงเรื่องอะไร เธอหน้าแดงและรีบเอ่ยประท้วง “อาจารย์ ท่านพูดอะไรน่ะ! เรา…เราไม่ได้…เมื่อวานนี้เขาไปที่ศูนย์การค้าเพื่อซื้อวัตถุดิบบางอย่างสำหรับสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ และ บังเอิญไปค้นพบบางสิ่งเข้า…นั่นคือสาเหตุที่เขาไม่ได้นอน”

โจวเหว่ยชิงไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์น่าอับอายของซ่างกวนปิงเอ๋อร์แม้แต่น้อย การนอนหลับของเขาครั้งนี้ดำเนินไปจนหมดคาบเรียน จากนั้นเขาก็ถูกปลุกด้วยเสียงตะโกนว่า “ถึงเวลากินข้าว!” ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์

หลังจากนอนหลับในคาบเช้า เขาก็กลับไปหลับอีกครั้งในคาบบ่าย สำหรับคนเช่นโจวเหว่ยชิง หมิงฮัวเพียงแค่เตือนว่าอย่ากรนระหว่างคาบเรียนของอาจารย์ท่านอื่นเท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เขานอนหลับได้ดี หม่าฉุนตัวยักษ์สลับที่กับนักเรียนคนที่นั่งหน้าโจวเหว่ยชิงและใช้กล้ามเนื้อขนาดใหญ่ของตนบังเขาเอาไว้จนมิด ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ถูกรบกวนตลอดทั้งวัน

เมื่อถึงเวลาที่โจวเหว่ยชิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เวลาเรียนคาบบ่ายก็หมดลงพอดี เขาบิดตัวด้วยความเกียจคร้าน ถอนหายใจออกมาอย่างอิ่มเอมก่อนออกจากห้องไปพร้อมกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์

“หม่าฉุน โข่วรุ่ย มานี่หน่อย” โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่ประตูห้องเรียนและเรียกพวกเขาออกมา

หม่าฉุนและโข่วรุ่ยมุ่งหน้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “อีก 3 วันต่อจากนี้ เจ้าและสมาชิกคนอื่นๆ ในห้องหอพักเดิมของข้าไปพักร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆได้หรือไม่? 2-3 วันนี้ข้าต้องอยู่ภายในเขตโรงเรียนและข้าก็ต้องอาศัยความเงียบสงบในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้กับเพื่อนร่วมห้องที่เหลือ ในห้องจึงต้องเงียบมากๆ”