ตอนที่ 218 เจรจาต่อรอง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

แววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบของหลิงหลานกวาดมองไปที่ทุกคนอีกครั้ง ความขุ่นเคืองที่เดิมทีอยู่ในใจบรรดานักเรียนใหม่ก็เหมือนกับถูกปลดปล่อยออกมา ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแผดเสียงตะโกนด้วยความโกรธขึ้งว่า “สู้! สู้! สู้!”

คำพูดของหลิงหลานได้จุดไฟโทสะของพวกเขาให้ลุกโชนแล้ว และก็ปลุกความทระนงในใจพวกเขาด้วยเช่นกัน ไม่มีใครสามารถใจเย็นยอมรับการดูถูกเหยียดหยามที่มาอย่างไร้เหตุผลได้หรอก เพียงแต่พวกเขารู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง ถึงยังไงพวกเขาอยู่ในอาณาเขตของฝ่ายตรงข้าม ความสามารถก็แตกต่างกันมาก เลยจำเป็นต้องอดทนไว้ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน ความกังวลใจของพวกเขาหายไปแล้ว หลิงหลานมอบโอกาสให้พวกเขากอบกู้เกียรติยศของตัวเองกลับมาอีกครั้ง พวกเขาไม่มีทางพลาดเด็ดขาด….

สู้! การไม่ยอมศิโรราบทั้งหมดของนักเรียนใหม่ได้เปลี่ยนเป็นคำนี้ พวกเขาร่วมกันตะโกนออกมา และก็ทำให้พวกลูกเรือที่อยู่ข้างๆ หน้าถอดสีเช่นกัน ต่อให้กัปตันที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ก็อดสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่ได้

เด็กหนุ่มที่อยู่ในหน้าจอคนนั้นรู้ดีว่าต้องใช้คำพูดแบบไหนถึงจะกระตุ้นความโกรธเคืองในใจเด็กคนอื่นๆ ได้ พวกนักเรียนที่เดิมทียังคงลังเลนิดหน่อยก็ไม่มีความเกรงกลัวอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มของหลิงหลานอย่างรวดเร็ว ดวงตาสองข้างจ้องมองลูกเรือรอบๆ บริเวณด้วยความระมัดระวัง ทำการป้องกันทั่วทั้งร่าง…

ภายในพื้นที่ต่างๆ ของยานบิน ขอเพียงมีนักเรียนทหารใหม่กับลูกเรืออยู่ บรรยากาศก็จะเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายรุนแรงมาก ราวกับว่าสถานการณ์พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

กัปตันที่ยืนอยู่ในห้องอาหารพลันนึกถึงฉีหลงที่จู่ๆ ก็หนีไปเมื่อสักครู่นี้ เขากระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใด ไอ้เด็กนั่นกับเด็กหนุ่มในคลิปต้องเป็นพวกเดียวกันแน่นอน เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด อดไม่ไหวกระทืบเท้าสบถออกมาว่า “บัดซบ ไอ้เด็กเวรพวกนี้ ฉันแม่งตกหลุมพรางจนได้”

กัปตันกระทืบเท้าทีหนึ่งฉับพลันก่อนจะหายออกไปจากห้องอาหารราวกับสายลมหอบหนึ่ง!

………..

ถึงแม้ว่าพวกฉีหลงสามคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองไวจนน่าทึ่ง หนีออกจากห้องอาหารทันที แต่กัปตันคือใคร เขาเคยต่อสู้กับฉีหลงมาก่อน จดจำกลิ่นอายของฉีหลงได้นานแล้ว ถึงแม้ว่าในยานบินมีกลิ่นอายของคนนับไม่ถ้วน แต่ว่าสำหรับเขาแล้ว การตามหาฉีหลงจากในนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายสุดขีด

ถึงแม้กัปตันจะมีนิสัยหยาบกระด้าง แต่ก็รู้ว่าหากต้องการไปที่ห้องกัปตันเพื่อเจรจากับเด็กหนุ่มเย็นชาคนนั้น เขาจำเป็นต้องมีไพ่ตายเล็กน้อย และฉีหลงก็คือหนึ่งในไพ่ตายที่มีค่ามากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเขาไม่อาจปล่อยฉีหลงไปโดยเด็ดขาด

กัปตันที่แสดงพลังออกมาทั้งหมดใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็ไล่ตามพวกฉีหลงสามคนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ทัน พวกฉีหลงเห็นใบหน้ากัปตันเต็มไปด้วยไฟโทสะดูดุดันอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด ก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว พวกเขาไม่นึกเลยว่าค่าความแค้นของกัปตันที่มีต่อพวกเขาจะสูงขนาดนี้….

แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ วินาทีถัดมา กัปตันก็พุ่งทะยานเข้ามาแล้วยื่นมือโจมตีใส่ฉีหลงทันที

ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋ที่วิ่งหนีตามหลังฉีหลงเห็นว่าฉีหลงตกอยู่ในอันตรายก็ชะงักเท้าหันกลับไปทันใด พวกเขาสองคนโจมตีใส่กัปตันพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า “หัวหน้า รีบไปหาลูกพี่เร็วเข้า!”

มีเพียงลูกพี่หลานเท่านั้นที่อาจจะต้านทานกัปตันไว้ได้ ในใจพวกเขาหลิงหลานคือคนที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้

“คิดได้ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!” กัปตันแค่นเสียงเย็น สองมือสะบัดใส่คนทั้งคู่ พลังแฝงสองสายโจมตีใส่ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋ทันที

ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋รู้สึกว่าตัวเองถูกพลังปราณมหาศาลสายหนึ่งซัดใส่จนกระเด็นลอยออกไปก่อนจะกระแทกเข้ากับกำแพงเหล็กของยานบินอย่างหนักหน่วง! เนื่องจากกัปตันโจมตีออกไปโดยที่แฝงความโกรธเอาไว้ พละกำลังของเขาจึงทรงพลังอยู่นิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองคนกระอักเลือดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย!

กัปตันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ฉีหลงที่เดิมทีหนีไปได้ระยะหนึ่งแล้วเห็นเซี่ยอี๋กับลั่วล่างถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไปและได้รับบาดเจ็บ เขาก็กัดฟันหันหลังกลับแล้วพุ่งเข้ามา สิ่งที่เข้ามาก็คือหมัดสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดทอดทิ้งเพื่อนหรอกนะ!

กัปตันเห็นฉีหลงตัดสินใจช่วยเพื่อน กลับมาโจมตี แววตาก็ฉายแววชื่นชมออกมาเล็กน้อย เขาตะโกนเสียงดังว่า “มาได้ดี!”

คราวนี้เขาไม่ได้สะกดกลั้นความสามารถไว้อีกแล้วและปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมด กำปั้นของฉีหลงเพิ่งจะเข้าใกล้กัปตัน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับจมสู่เลนตม ขยับเขยื้อนไม่ได้อยู่บ้าง…เขาคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก มันเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับลูกพี่หลานเลย!

สีหน้าของฉีหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามีประสบการณ์ต่อสู้กับหลิงหลานมาอย่างโชกโชนรู้ว่ากระบวนท่านี้ของเขาเสียแรงเปล่าแน่นอน เขาไม่ยอมแพ้รีบเปลี่ยนกระบวนท่าทันที ขาขวาตวัดใส่กัปตันอย่างหนักหน่วง นี่เป็นท่าไม้ตายเอาชีวิตรอดที่หลิงหลานสอนเขา มหาวินาศ!

มหาวินาศเป็นทักษะการเตะอย่างหนึ่งที่หลิงหลานศึกษาวิจัยออกมาจากพื้นฐานของหมัดหนึ่งนิ้ว มันมีความสามารถซ้อนทับพลังปราณได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้ฉีหลงซ้อนทับพลังได้สี่ชั้น ทำให้ฉีหลงกระโดดข้ามจากระดับพลังปราณขั้นต้นไปถึงระดับพลังปราณขั้นสูงได้ทันที ทักษะอันน่ากลัวที่ข้ามสองระดับขั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นท่าไม้ตายที่มีพลังทำลายล้างสูงสุดของฉีหลงในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม วิธีการเตะนี้ก็มีผลเสียตามมาด้วย นั่นก็คือพลังสะท้อนกลับรุนแรงมากเช่นกัน มันเป็นทักษะที่ทำลายศัตรูหนึ่งพัน ทำร้ายตัวเองแปดร้อย ปกติแล้วหลิงหลานห้ามฉีหลงใช้มัน นอกเสียจากคับขันถึงแก่ชีวิตแล้ว เพราะว่าหากใช้มากเกินไปก็จะทิ้งอันตรายแอบแฝงถาวรต่อร่างกายของฉีหลงได้

ในสมองของฉีหลงมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือต่อให้เขาโดนแรงสะท้อนมหาศาลจนบาดเจ็บหนัก แต่เขาก็ทำให้กัปตันบาดเจ็บสาหัสได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน ฉีหลงรู้ดีว่าเป้าหมายต่อไปของกัปตันคือลูกพี่หลานที่อยู่ในห้องกัปตันแน่นอน ถ้าหากเขาสามารถทำร้ายกัปตันจนบาดเจ็บสาหัสตรงนี้ได้ละก็ ลูกพี่หลานก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแรงเหนื่อยมากขนาดนั้นในการต่อสู้ถัดไป

ฉีหลงไม่มีทางลืมว่าร่างกายของหลิงหลานยังไม่แข็งแรงดี ดังนั้นต่อให้เขาต้องทุ่มสุดกำลังก็จะปกป้องลูกพี่หลานของเขาเอาไว้ให้ได้!

พลังของฉีหลงที่จู่ๆ พุ่งทะยานขึ้นมาสองขั้นทำให้ดวงหน้าของกัปตันเผยร่องรอยความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ทว่าฉีหลงยังคำนวณผิดพลาดไป เนื่องจากความสามารถของกัปตันไม่ได้อยู่ในระดับที่เขาคิดไว้ กัปตันยังน่ากลัวกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก

จากนั้นก็เห็นพลังของกัปตันพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง แรงกดดันที่มาอย่างกะทันหันทำให้ร่างของฉีหลงชะงักอยู่กลางอากาศไปชั่วขณะ สองมือของกัปตันโบกสะบัด วาดภาพซ้อนเป็นชั้นๆ บางทีอาจจะแค่หนึ่งหรือสองวินาที หรือบางทีอาจจะเป็นแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ฉีหลงร่วงลงมาจากกลางอากาศฉับพลัน ทว่าเขายังไม่ทันตกลงสู่พื้นก็เห็นมือใหญ่คู่หนึ่งคว้าเขาขึ้นมา…

กัปตันพาดฉีหลงในมือไว้บนบ่าของตัวเองทันทีก่อนจะวิ่งตรงไปที่ห้องกัปตันของตัวเองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือห้องกัปตัน หรือว่าฝ่ายตรงข้ามควบคุมออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักได้จริงๆ? แล้วเพื่อนสนิทของเขา เสนาธิการยอดเยี่ยมของเขาจะประสบเคราะห์ร้ายเช่นเดียวกันหรือเปล่า? เมื่อคิดถึงตรงนี้กัปตันก็ใจร้อนดั่งไฟ ความเร็วในการวิ่งตรงไปยังห้องกัปตันเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋ที่ล้มไปกองกับพื้นเห็นกัปตันแบกฉีหลงแล้วหายวับไปในพริบตา ทั้งสองคนก็กระเสือกกระสนอย่างสุดชีวิต คลานขึ้นมาด้วยความเร็วสูงสุด ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตาม!”

ก็เหมือนกับฉีหลงที่ไม่ยอมทิ้งเพื่อน พวกเขาเองก็จะไม่ทิ้งเพื่อนเช่นกัน ต่อให้ไล่ตามไปแล้วอาจจะพ่ายแพ้ยับเยิน แต่มันก็ไม่ทำให้พวกเขาหัวหด

……….

กัปตันวิ่งตะบึงไปตลอดทาง เมื่อเขาพบว่าลูกเรือคุ้มกันความปลอดภัยลับๆ ที่เดิมทีจัดเตรียมไว้ในเส้นทางไม่มีโผล่มาเลยสักคน เขาก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้จะต้องถูกนักเรียนทหารใหม่จัดการไปแล้วแน่นอน ตอนนี้เขาหวังเพียงอย่างเดียวว่าผู้นำคนนั้นจะยั้งมือไว้ไมตรีได้ ไม่ได้ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ไม่ทำให้ยานบินลำนี้กลายเป็นทะเลเลือดได้หรือเปล่า…

กัปตันถลันเข้าไปในห้องกัปตันแล้วก็เห็นพันตรีเสนาธิการเพื่อนสนิทของเขามองตรงมาที่เขาด้วยรอยยิ้มขื่น กัปตันโล่งใจทันที ดูท่าแบบนี้สถานการณ์ยังไม่ได้ย่ำแย่จนแก้ไขไม่ได้ และตอนนี้ที่นั่งประจำของเขามีเด็กหนุ่มชุดดำนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาราวกับว่ากำลังรอคอยเขาอยู่

“กัปตัน ผมรอคุณอยู่นานแล้ว!” หลิงหลานเอ่ยอย่างเย็นชา เมื่อกัปตันเข้ามาสีหน้าก็เปลี่ยนไป ถึงมันจะกะทันหันและรวดเร็วสุดขีดแต่เธอก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน หลิงหลานใจกระตุก ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจ บางทีเธออาจจะไม่ต้องต่อสู้กับกัปตันคนนี้ก็ได้

หลิงหลานไม่ได้กลัวการต่อสู้ แต่ถ้าหากสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เธอก็ยินดีเหมือนกัน หลิงหลานเป็นผู้หญิง ไม่ชอบการต่อสู้ฆ่าฟันแบบนี้อยู่บ้างจริงๆ….เอ่อ ไม่เชื่อเหรอ? ก็ได้ ความจริงแล้วเธอกลัวความลำบากและความเหนื่อยล้า หากไม่ลงมือได้ เธอย่อมไม่คิดจะลงมือ

“มอบอำนาจควบคุมยานบินมา ฉันก็จะยกโทษให้พวกเธอ” กัปตันไม่สนใจหลิงหลานเลยและเอ่ยด้วยความไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

กัปตันเชื่อว่าต่อให้ฝ่ายตรงข้ามควบคุมยานบินได้ชั่วคราว ก็ยังอาศัยความสามารถเขาช่วงชิงกลับมาได้ ยิ่งไปว่านั้นบนยานบินลำนี้ยังมีพี่น้องของเขาอยู่ เขาไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบ

แน่นอนว่าเขามีความมั่นใจแบบนี้เป็นเพราะว่าออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของยานบินเขาไม่ใช่ตัวตนที่เป็นโปรแกรมเหล่านั้น เขาไม่เชื่อว่าหลิงหลานควบคุมยานบินลำนี้ไว้ได้จริงๆ

“คุณใช้อะไรมาต่อรองกับผมล่ะ?” หลิงหลานชี้ไปยังฉีหลงที่ถูกกัปตันแบกไว้บนบ่าและเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เขาเหรอ?”

เวลานี้ฉีหลงหน้าแดงก่ำ เขาไม่นึกเลยว่าตัวเองจะไร้ประโยชน์ขนาดนี้ ถูกกัปตันเอาชนะในกระบวนท่าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังกลายเป็นเบี้ยที่อีกฝ่ายเอามาเจรจาต่อรองกับลูกพี่ด้วย

“หรือว่าเขามีคุณสมบัติไม่พอ?” กัปตันเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน “เพื่อนร่วมรบระดับพลังปราณ เธอก็เสียสละได้ลงคอเหรอ?”

หลิงหลานแตะออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเบาๆ ภายในหน้าจอของห้องกัปตันก็ปรากฏบรรดาลูกเรือที่ถูกขังไว้ในห้องลับ “งั้นคนพวกนี้ล่ะ? คุณก็ทิ้งพวกเขาได้ลงคอเหรอครับ?”

กัปตันเห็นดังนั้นก็กัดฟันตัวเองจนเกือบหัก เป็นอย่างที่คาดคิดไว้จริงๆ เจ้าหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของเขาถูกฝ่ายตรงข้ามจับไว้หมดแล้ว เขาเอ่ยถามอย่างแข็งกระด้างว่า “พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”

“ก็เหมือนกับเพื่อนของผมบนบ่าคุณ ยังอยู่ดีมาก!” หลิงหลานเอ่ยสบายๆ ว่า “อยากจะต่อรองกับผม คนที่อยู่บนบ่าคุณยังไม่พอหรอกนะครับ”

ตอนนี้เองในที่สุดลั่วล่างกับเซี่ยอี๋ก็มาถึงพลางหอบหายใจหนักๆ ความสามารถของกัปตันเหนือกว่าพวกเขามากเกินไป ต่อให้พวกเขาไล่ตามอย่างสุดชีวิตก็ยังทิ้งห่างอยู่นานมาก เมื่อพวกเขาเข้ามาที่ห้องกัปตันก็เห็นทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกันอยู่….

กัปตันหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่พวกเขาสองคนและกล่าวว่า “งั้นบวกกับพวกเขาสองคนล่ะ?”

คำพูดที่กล่าวออกมานี้ทำให้ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋หน้าถอดสี ไม่นึกเลยว่าการเข้ามาของพวกเขาจะเพิ่มเบี้ยที่อีกฝ่ายเอามาเจรจาต่อรองกับลูกพี่ เวลานี้พวกเขารู้สึกเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นของตัวเองอยู่บ้าง ความจริงแล้วพวกเขาควรระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินการเคลื่อนไหวต่อไป

เมื่อเห็นความเสียใจแค้นเคืองในแววตาของคนทั้งสอง หลิงหลานก็อดไม่ไหวลอบหัวเราะในใจไม่หยุด อันที่จริงหลิงหลานรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาไม่ได้ทอดทิ้งเพื่อน ไล่ตามมาโดยที่ไม่กลัวตาย อย่างไรก็ตามวิธีการของพวกเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญแต่ขาดสติปัญญาอยู่บ้าง ให้พวกเขาล้มเหลวหน่อยก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มุทะลุแบบนี้ตลอดเวลาจนก่อให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นในอนาคต

หลิงหลานถอนหายใจเบาๆ “เบี้ยต่อรองของคุณเพิ่มขึ้นแล้วจริงๆ นี่ดันสร้างปัญหาให้ผมแล้ว”

คำพูดที่กล่าวออกมาทำให้ความรู้สึกผิดและแค้นเคืองในแววตาของลั่วล่างกับเซี่ยอี๋รุนแรงมากขึ้น พวกเขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นหลิงหลานกวาดมองเข้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบ แววตาที่เฉียบคมนี้ทำให้พวกเขารีบปิดปากสนิททันที รอคอยการเจรจาต่อรองของหลิงหลานกับกัปตันด้วยความอดทน