หลังจากอาบน้ำเสร็จ เจียงป่าวชิงก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ตัวเองซื้อมาก่อนหน้านี้ นางปล่อยผมนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างหงอย ๆ เดิมทีนางอยากม้วนผม ทว่ามองดูใบหน้าของตัวเองในกระจก เจียงป่าวชิงก็ไม่ขยับตัวอยู่สักพัก
ก็เห็นอยู่ว่าคนในกระจกเป็นสาวน้อยรูปลักษณ์ที่คุ้นเคย แต่ความสับสนและความเศร้าโศกบนใบหน้ากลับทำให้เจียงป่าวชิงรู้สึกไม่คุ้นเคยตัวเองซะอย่างนั้น
เจียงหยุนชานเคาะประตูอยู่ด้านนอก “ป่าวชิงยังไม่เสร็จอีกรึ ? ข้าอุ่นน้ำขิงให้เจ้าสามรอบแล้วนะ ?”
เจียงป่าวชิงดึงสติกลับมาราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน นางรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เจียงหยุนชานทันที
ข้างนอกฝนยังตกอยู่และอากาศก็หนาวมาก ทันทีที่เปิดประตู เจียงหยุนชานก็ถือน้ำขิงเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเหน็บหนาว เขาส่งน้ำขิงให้น้องสาวตัวเองซึ่งรับมาดื่มจนหมดในครั้งเดียว
เจียงหยุนชานพยักหน้า เขามองดูฝนที่เทลงมาด้านนอก ตอนนี้มีลมพัดแรงแล้ว และมันส่งเสียงหวิวราวกับกำลังคร่ำครวญอย่างไรอย่างนั้น
“อากาศนี่นะ บทจะหนาวก็หนาวซะงั้น” เจียงหยุนชานพูดขึ้น “ว่าแต่ป่าวชิง เจ้าเอาเสื้อผ้าไปส่งให้ฟ๋านฟ๋านแล้วหรือ ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า
เจียงหยุนชานพูดขึ้นอีกครั้ง “เจ้าเองก็เพิ่มเสื้อผ้าหนา ๆ ให้ข้าแล้ว ทำไมข้าเห็นว่าชุดที่เจ้าใส่ยังบางอยู่เลยล่ะ ? ทำให้ตัวเองด้วยสิ”
เจียงป่าวชิงก้มหน้าพูดขึ้นยิ้ม ๆ “อันที่จริง ภายในห้องก็ไม่ถือว่าร้อนอะไรมาก เพิ่งได้รับความหนาวมาเมื่อสักครู่ ถ้าใส่อุ่นเกินไปมันจะเป็นหวัดเอาได้”
เจียงหยุนชานไม่เข้าใจหลักการทางด้านโรคภัยสักเท่าไหร่ เขาเห็นเจียงป่าวชิงพูดแบบนี้ก็พยักหน้าเอาตามนั้น เขาแค่บอกนางว่าถ้าจะออกไปข้างนอกก็ควรใส่ให้อุ่นกว่านี้หน่อยเท่านั้นเอง
เจียงป่าวชิงตอบรับอย่างคล้อยตาม นางดูใจลอยมาก
เจียงหยุนชานนึกอะไรบางอย่างได้จึงพูดขึ้น “จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนตอนนี้มีแขกมาหาคุณชายกงนะ”
เจียงป่าวชิงรู้สึกเจ็บปวดในใจเป็นระยะ ‘นั่นเป็นแขกที่ไหนล่ะ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรักต่างหาก’
เจียงป่าวชิงพยายามทำให้ตัวเองดูผิดปกติน้อยลง แต่ตอนนี้ความคิดของนางกลับล่องลอยไปไกลแล้ว “งั้นรึ ?”
เจียงหยุนชานรู้ว่าน้องสาวมักจะไปทำกายภาพบำบัดให้คุณชายกงบ่อย ๆ “เมื่อสักครู่คุณชายกงมาดูเจ้า แขกคนนั้นก็ตามมาด้วยเช่นกัน เหมือนว่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกันพอสมควร” เขามีเจตนาเตือนเจียงป่าวชิง แต่ไม่เสียมารยาทต่อหน้าแขก
เจียงป่าวชิงก้มหน้า น้ำเสียงของนางล่องลอยอยู่เล็กน้อย “พวกเขามาทำไม ?” นางเอ่ยถาม
มาประกาศให้รู้ว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่ที่ชอบพอกัน ส่วนนางก็แค่มือที่สามอย่างนั้นรึ ?
มือที่สาม เจียงป่าวชิงเกลียดคำนี้จริง ๆ
เจียงหยุนชานครุ่นคิดสักครู่ “คุณชายกงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่บอกว่าเจ้าเปียกฝน ให้เจ้าพักผ่อนมาก ๆ วันนี้ไม่ต้องไปทำกายภาพบำบัดให้เขาก็ได้”
เจียงป่าวชิงกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา เป็นอย่างที่นางคิดไว้จริง ๆ ด้วย ในเมื่อคนรักมาแล้ว ‘มือที่สาม’ อย่างนางก็คงต้องหลีกทางให้สินะ
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ”
เจียงหยุนชานกำชับอีกเล็กน้อย เขาเห็นสีหน้าของเจียงป่าวชิงแลดูเหนื่อยล้าก็คิดว่านางคงจะเหนื่อย เขาเป็นห่วงสุขภาพของนางจึงให้นางพักผ่อนก่อน แล้วเขาค่อยนำอาหารเย็นมาให้นางที่ในห้อง
เจียงป่าวชิงพยักหน้า
เจียงหยุนชานออกไปแล้ว เมื่อออกจากห้อง เขาก็พลิกตัวปิดประตูอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าลมจะรั่วและทำให้เจียงป่าวชิงป่วยไข้
เจียงป่าวชิงรักษาท่าทางตอนที่เจียงหยุนชานยังอยู่ และนางก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับไปไหน
……
ช่างชือจื่อกลับมาจากที่บ้านกงจี้ นางเข้าไปในห้องที่กงจี้จัดเตรียมไว้ให้นาง แต่อารมณ์ของนางกลับยากที่จะสงบลงได้ชั่วขณะหนึ่ง
ที่นางออกมาครั้งนี้เพราะแอบหนีออกมา
พี่ชายกงเป็นความเจ็บปวดในใจของท่านย่ามาโดยตลอด นางบังเอิญเห็นท่านย่าอ่านจดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราวด้วย นางจึงฉวยโอกาสตอนที่ท่านย่าอารมณ์ดีสืบหาอยู่นานถึงจะทราบข่าวได้นิดหน่อย ที่แท้ก็เป็นเรื่องขาของพี่ชายกงที่ทุเลาลงแล้ว ถึงแม้จะยังไม่สามารถฟื้นกลับคืนเหมือนปกติ แต่ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี
ช่างชือจื่อจึงถือโอกาสสืบที่อยู่ของกงจี้ด้วยเลย เพราะแบบนี้เอง นางถึงแอบพาสาวใช้หนีมาที่นี่ได้
เวลานี้ในใจของช่างชือจื่อเต้นเร็วและแรงมาก นางทั้งรู้สึกประหม่าและรู้สึกหวานชื่นในใจ
จริง ๆ แล้วนางมีความหวาดกลัวอยู่ในใจเล็กน้อย ตั้งแต่พี่ชายกงเดินไม่ได้ เขาก็ไม่ใช่พี่ชายใจดีคนที่เล่นกับนางเมื่อตอนที่นางยังเด็กอีกต่อไป แต่นางไม่คิดว่ากงจี้รู้เรื่องที่นางจะมาที่นี่ล่วงหน้า แล้วเขายังรอนางอยู่ที่ประตูทางเข้าอีกด้วย นี่ทำให้นางตกตะลึงจนถึงกับโถมตัวเข้าไปในอ้อมอกของกงจี้อย่างลืมตัวแบบนั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ช่างชือจื่อรู้สึกแก้มร้อนฉ่า นางอดไม่ได้ที่จะปิดหน้าและพูดพึมพำกับหลิงเฟิ่งผู้เป็นสาวใช้ “หลิงเฟิ่ง เจ้าว่าพี่ชายเองก็คิดกับข้าแบบนั้นใช้หรือไม่…?”
สาวใช้หลิงเฟิ่งที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นยิ้ม ๆ “คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยดูอยู่ด้านข้าง คุณชายดูเหมือนจะมีคุณหนูอยู่ในใจนะเจ้าคะ คุณหนูดูสิ พอคุณชายรู้ว่าคุณหนูจะมาที่นี่ เขาก็มายืนรอคุณหนูอยู่ที่ประตูทางเข้า แต่เขากลับไม่ได้จัดเตรียมที่พักให้คุณหนูล่วงหน้า นั่นก็เพราะเขาอยากอยู่กับคุณหนูนาน ๆ ยังไงล่ะเจ้าคะ”
ช่างชือจื่อคิดตามที่สาวใช้พูด นางก็รู้สึกว่าหลิงเฟิ่งพูดถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง หัวใจของนางเต้นแรงและเร็วมากยิ่งขึ้น
ทว่าตอนนี้หลิงเฟิ่งกลับมีความลังเลอยู่เล็กน้อย “เพียงแต่ว่า…”
ช่างชือจื่อมองหลิงเฟิ่ง “อะไร ? เจ้าพูดมาสิเร็ว ๆ เลย เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดคนที่พูดแค่ครึ่งเดียวที่สุด”
หลิงเฟิ่งลังเล ผ่านไปสักครู่นางถึงจะพูดขึ้น “คุณหนู คุณหนูจำขอทานคนที่เจอกันที่หน้าประตูทางเข้าได้ไหมเจ้าคะ ?”
ช่างชือจื่อนึกถึงหญิงที่เหมือนขอทานคนนั้น ตอนที่พี่ชายกงเห็นขอทานนั่น เขาก็ผิดปกติไปอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขาสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้ เขายังนั่งไม่ติด สองขาของเขาก็สั่นคลอนเล็กน้อยและยังไปเยี่ยมขอทานคนนั้นด้วยตัวเองอีก… นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วทรงใบหลิวนั้น “ทำไมล่ะ ?”
หลิงเฟิ่งพูดอึกอัก “ไม่รู้ว่าข้าน้อยมองพลาดไปหรือเปล่า แรกเริ่มข้าน้อยคิดว่านางเป็นขอทานจึงไม่ได้จับตาดูอะไร แต่ต่อมาข้าน้อยเห็นท่าทีที่นางมีต่อคุณชาย แล้วพอมองดูเสื้อผ้าของนางอย่างละเอียดก็พบว่าถึงแม้นางจะอยู่ในสภาพจนตรอกขนานหนัก แต่เสื้อผ้าชุดนั้น วัสดุที่ใช้ตัดเย็บมัน…” หลิงเฟิ่งอึกอัก “ดะ… ดูเหมือนผ้าสองฤดูที่คนที่บ้านส่งมาให้คุณชายก่อนหน้านี้เลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าของช่างชือจื่อเคร่งขรึมขึ้นทันที “เจ้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม ?”
หลิงเฟิ่งไม่ค่อยแน่ใจ “ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ตอนนั้นอยู่ห่างกันเกินไป ประกอบกับขอทานนั่นเนื้อตัวเปียกปอน ไม่แน่อาจเป็นข้าน้อยเองที่มองพลาดไปก็ได้เจ้าค่ะ”
ช่างชือจื่อรู้สึกโล่งอก “เจ้าต้องมองพลาดไปแน่ ๆ ผ้าสองฤดูหายากมาก ที่บ้านเองก็ได้มาแค่สี่ผืนเท่านั้น เก็บไว้ที่ท่านย่าหนึ่งผืน ส่งมาให้พี่ชายกงหนึ่งผืน อีกผืนให้ท่านป้าใหญ่ของพ่อบ้าน ส่วนผืนสุดท้ายก็ให้กับพี่ใหญ่ที่แต่งงานเข้าไปในวังที่จังหวัดเป่ยหวายเพื่อเป็นสินสอดทองหมั้น แล้วขอทานคนนั้นจะมีผ้าสองฤดูอีกได้ยังไง ?”
หลิงเฟิ่งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ใช่แล้วเจ้าค่ะ คิด ๆ ดูแล้วข้าน้อยคงจะมองผิดไปจริง ๆ”
ทันใดนั้นเอง ช่างชือจื่อกลับนึกอะไรบางอย่างได้อีก คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแน่น “แต่ขอทานคนนั้นเป็นใครล่ะ พี่ชายกงไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้มาโดยตลอด ทำไมเขาถึงให้ขอทานกับพี่ชายของนางพักอยู่ที่บ้านของเขาได้ ?”
เมื่อคิดเช่นนี้ ช่างชือจื่อก็นั่งไม่ติดที่ “หลิงเฟิ่ง เจ้าเห็นชัดไหมว่าขอทานคนนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร ? พี่ชายของขอทานนั่นหล่อเหล่าเอาการ คิด ๆ ดูแล้วรูปลักษณ์ของขอทานคนนั้นก็คงจะไม่แย่เช่นกัน นี่หรือว่า…”