ภายในห้อง สาวใช้สามคนเกือบหลุดหัวเราะออกมา
นายหญิงช่างมีไหวพริบดีเหลือเกิน แม้จะแสดงออกว่าได้มอบอำนาจทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทว่าเงินตราที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิตกลับอยู่ในมือของนาง
ห้องเก็บของเล็กเป็นสถานที่เก็บทรัพย์สินส่วนตัวของนายหญิง
อย่าว่าแต่เจียงหรูฉินเลย แม้กระทั่งท่านอ๋องเองก็ไม่มีอำนาจเข้ามาทวงถาม
ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นเพียงจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือแต่เพียงเท่านั้น
“พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้แกล้งพาซื่อไปหน่อยเลย ข้าหมายถึงกุญแจห้องเก็บของเล็กต่างหาก มอบให้ข้าเถิด ท่านจะได้มิต้องลำบาก”
เจียงหรูฉินเอ่ยเสียงเย็น เสียงหัวเราะจากพวกคนทางด้านหลังยิ่งดังขึ้น
ภายในห้อง หลินเมิ้งหยาเหยียดกายเอนตัวนอนบนตั่ง อ้าปากหาวเล็กน้อย
“ห้องเก็บของเล็ก? ที่นั่นล้วนเป็นที่เก็บสินเดิมของข้า ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนว่าข้าจะต้องมอบสินเดิมให้แก่เจ้าด้วย น้องหรูฉินอย่าคิดอะไรผิดแผกแบบที่คนเขาไม่ทำกันสิ”
เจียงหรูฉินพูดไม่ออก หากนางยังร่ำร้องขอกุญแจห้องเก็บของเล็ก นางอาจจะถูกคนทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะเอาได้
ทว่านางยังคงไม่อยากจะยอมรับ
“ในเมื่อแต่งเข้าจวนอวี้แล้ว สินเดิมก็ย่อมเป็นของจวนอวี้ จวนอวี้มีอำนาจในการดูแล”
“ฮึ อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเชิญท่านอ๋องมาพบข้าหน่อยเถิด หากท่านอ๋องไม่มา ไม่ว่าใครก็เอาไปมิได้”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเสียงเรียบไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป
คิดจะรวบสินเดิมของนางด้วย?
ฝันไปเถอะ!
“เจ้า…รอข้าก่อนเถอะ”
เจียงหรูฉินเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นางหมุนตัว วิ่งไปหาหลงเทียนอวี้ด้วยความขุ่นเคือง
“ไปแล้ว ไปแล้ว ไม่มีใครสักคนเดียว”
ป๋ายจื่อย่อตัวมองลอดผ่านช่องประตู ก่อนทำท่าดีใจกระโดดโลดเต้น
“ควรจะไปนานแล้ว คิดจริงๆ หรือว่าตนเองจะได้กลายเป็นนายหญิงของจวนนี้ ไม่ดูกำลังตัวเองเอาเสียเลย”
ป๋ายซ่าวส่งเสียงกลั้วหัวเราะ
“เอาล่ะ ป๋ายซ่าว เจ้าจงไปเปิดประตูห้องเก็บของเล็กแล้วจ่ายเงินเดือนเถิด”
หลินเมิ้งหยาไม่คิดอยากติดค้างเงินทองกับใครแม้แต่คนเดียว แม้เจียงหรูฉินจะผิด แต่นั่นก็เป็นเรื่องของนางเพียงคนเดียว มิเกี่ยวกับคนอื่น
พวกเขาล้วนทำงานตามคำสั่ง ยิ่งไปกว่านั้น แม้นางจะไม่มีอำนาจควบคุมจวนแห่งนี้แล้ว ทว่าคนรับใช้เหล่านั้นยังคงเคารพนับถือนาง
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อเงิน
“เจ้าค่ะ หนู่ปี้จะไปเดี๋ยวนี้”
อันที่จริงป๋ายซ่าวเตรียมเอาไว้เรียบร้อย หากมิใช่เพราะเจียงหรูฉินเข้ามาก่อความวุ่นวาย ป่านนี้นางคงแจกจ่ายเงินเดือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หลินเมิ้งหยานั่งบนตั่งเล็ก นานมากแล้วที่นางมิได้พักผ่อนเช่นนี้
อ่านหนังสือ สูดอากาศบริสุทธิ์ นี่ต่างหากที่ควรจะเป็นชีวิตที่พระชายาควรได้รับ
“พี่อ๋องอวี้ ดูพระชายาของท่านเถิด นางต้องการกลั่นแกล้งข้าจึงมิให้กุญแจห้องเก็บของเล็กกับข้า อีกอย่างท่านป้าเป็นคนให้ข้าดูแลจวนแห่งนี้ เรื่องนี้ข้าไม่ผิด!”
ภายในห้องอ่านหนังสือ เจียงหรูฉินส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
เสียงดังน้อยกว่าตอนหิมะตกหรือพายุเข้าเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อร้องไห้นานเข้า แม้แต่น้ำตาสักหยดก็ไม่มีเหลือ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า”
หลงเทียนอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ไม่มองแม้แต่หน้าของญาติผู้น้อง
เรื่องคราวก่อนทำให้เขารังเกียจผู้หญิงคนนี้จับใจ
หากมิใช่เพราะตอนเด็กเคยมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ป่านนี้เขาคงไล่นางไปแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าหมู่เฟยจะปล่อยให้นางดูแลจวน
หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยายังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมมาฟ้องเขาแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงไปแย่งอำนาจคืนให้แก่นางแล้ว
ทว่าคนที่แล่นเข้ามาฟ้องเขากลับกลายเป็นเจียงหรูฉิน
“ท่านพี่ ข้าเพียงแต่ทำเพื่อท่าน ท่านลองตรองดูเถิด นับตั้งแต่วันที่นางเข้ามาดูแลจวน จวนแห่งนี้ต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายอันใดบ้าง ที่ท่านป้าทำเช่นนี้ก็เพื่อท่าน”
หลงเทียนอวี้รู้ดีที่สุด ที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นก็เพราะมีคนประสงค์ร้ายกับเขา
แท้ที่จริงคนที่เหนื่อยที่สุดคือหลินเมิ้งหยาต่างหาก
หัวคิ้วหลงเทียนอวี้ขมวดมุ่น เขาไม่อยากได้ยินคนอื่นพูดถึงนางในทางที่ไม่ดี
“นางบอกว่าของในห้องเก็บของเล็กเป็นสินเดิมของนาง ล้อเล่นอย่างนั้นหรือ นางคิดว่าสินเดิมมีใช่ทรัพย์สินของจวนอวี้หรืออย่างไร?”
เจียงหรูฉินคิดว่าที่ญาติผู้พี่ของตนเองคิ้วขมวดก็เพราะถูกนางพูดโน้มน้าวสำเร็จจึงรีบใส่ฟืนในกองไฟทันที
ในที่สุดหลงเทียนอวี้ก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะส่งสายตาเย็นชาไปที่นาง
“สินเดิมคือของของนาง ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”
เจียงหรูฉินโกรธจนหน้าขาวซีด เพราะอะไรกัน? เหตุใดแม้แต่ท่านพี่ก็อยู่ฝั่งเดียวกับหลินเมิ้งหยา
นางเทียบกับหลินเมิ้งหยาไม่ได้ตรงไหน เพราะเหตุใดทุกคนจึงเข้าข้างหลินเมิ้งหยากันไปหมด?
“ท่านพี่ถูกผู้หญิงคนนั้นทำให้ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วใช่หรือไม่? ข้าคือญาติผู้น้องของท่าน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ไม่ทันได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ คำพูดของเจียงหรูฉินเสมือนคำดูถูก
นัยน์ตาของหลงเทียนอวี้เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
เขาแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนโดยไม่คิดปิดบัง
“นางคือชายาของข้า ต่อจากนี้ไปเจ้าต้องเคารพนาง”
เจียงหรูฉินนิ่งอึ้ง ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตั้งแต่เด็กจนโต ท่านพี่ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
เหตุเพราะนางถูกท่านป้าพามาอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนางจึงมีความสนิทสนมกับเขาเล็กน้อย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านพี่จะปกป้องนังแพศยาคนนั้นต่อหน้านาง!
ความอิจฉาเข้าครอบงำสติสัมปชัญญะของนางจนหมดสิ้น
เพราะเหตุใด? เพราะเหตุใดท่านพี่ที่นางเฝ้าโหยหาจึงมีใจให้แก่หญิงอื่น?
“หรือท่านมิรู้ว่านางมีชะตากินสามีกินพ่อของตนเอง? สักวันหนึ่งท่านจะถูกนางทำร้ายจนตาย!”
เจียงหรูฉินไร้สติโดยสิ้นเชิง นางตวาดใส่หลงเทียนอวี้เสียงดังลั่น
สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาทำให้ความโกรธเกรี้ยวของนางมอดลง
นางเพิ่งเห็นว่าสายตาของท่านพี่ฉายแววแห่งความเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน
“ต่อจากนี้ไป อย่าให้ข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก”
ความเกลียดชังเพิ่มพูนขึ้นในหัวใจ เมื่อก่อนเจียงหรูฉินเคยเป็นเด็กสาวร่าเริงแจ่มใส หาใช่เด็กสาวมิรู้ความเช่นนี้
แม้ตอนนั้นเขาจะยังไม่ชอบนาง ทว่าเขาเห็นนางเป็นดั่งน้องสาวคนหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้แสนน่ารักคนนั้นจะเติบโตมาเป็นคนแบบนี้
น่าผิดหวังเหลือเกิน
เจียงหรูฉินชะงักอยู่กับที่ ท่านพี่ไม่เคยจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชาอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้มาก่อน
เมื่อก่อนสายตาของเขามักเจือไว้ด้วยความอบอุ่นเล็กน้อย
เพราะเหตุใดสายตาของเขาจึงเย็นชามากถึงเพียงนี้?
“ออกไปเถิด ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”
หลงเทียนอวี้เพิกเฉยต่อเจียงหรูฉิน เขายังมีงานให้ต้องจัดการอีกมากและและยังไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
เจียงหรูฉินมิได้มีท่าทางโอหังเหมือนเมื่อครู่
นางทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านพี่อ๋องอวี้เห็นนางอยู่ในสายตา
ทว่าตอนนี้นางจะยังเข้าไปแย่งชิงอะไรได้อีกอย่างนั้นหรือ?
สุดท้ายจึงเดินไปยังตำหนักหยาเสวียนโดยไม่รู้ตัว
จริงสิ นางยังมีท่านป้าคอยสนับสนุนอยู่
ขอเพียงนางทำให้ท่านป้าใจอ่อนได้ เช่นนั้นตำแหน่งชายาอวี้จะต้องตกเป็นของนาง!
“นายหญิง เงินเดือนของเดือนนี้ได้แจกจ่ายหมดแล้วเจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวจัดการงานทุกอย่างอย่างมีขั้นมีตอน ดังนั้นงานที่นางทำจึงเป็นระบบระเบียบ
นี่เองที่เป็นเหตุผลให้หลินเมิ้งหยามอบหมายอำนาจในการดูแลจวนให้แก่นาง
“อืม พวกเจ้าออกไปก่อน หากไม่มีเรื่องอะไร อย่าได้ออกจากตำหนักและอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”
หลินเมิ้งหยากำชับ สาวใช้จึงออกไป
“เจ้าเด็กน้อย นี่หาใช่วิธีการจัดการของเจ้าไม่! เจ้ากลัวผู้หญิงไร้สมองคนนั้นหรือ?”
ชิงหูปรากฏตัวขึ้นมาจากทางด้านหลังพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย
“กลัว? ข้าเคยกลัวใครด้วยหรือ จริงสิ เจ้าไปไหนมา?”
หลินเมิ้งหยามองดูผู้ชายตรงหน้า ปกติเขามักสวมใส่ชุดธรรมดา
ทว่าวันนี้กลับสวมชุดสีขาว อีกทั้งยังแต่งตัวเป็นทางการ
“ไปดูตัวหรือ?”
หลังจากได้ยินคำถามของหลินเมิ้งหยา ชิงหูถลึงตาใส่นางทันที
ส่องกระจกมองตนเอง ก่อนจะส่งเสียงน่าสงสาร
“เจ้าดูข้าสิ หล่อเสียจนฟ้าถล่มดินทลายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
หลินเมิ้งหยาจ้องดูคนหลงตัวเองอย่างหมดคำพูด เขาไม่กลัวตนเองจะอาเจียนอาหารค่ำออกมาหรืออย่างไร?
“หากยังพูดจาน่ารังเกียจ ข้าจะโยนเจ้าออกไป”
คำขู่นี่ช่างมีรสชาติยิ่งนัก
ชิงหูรีบฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ อ้อมขึ้นมายืนต่อหน้าหลินเมิ้งหยา ดวงตาเปล่งประกาย
“ข้าไปหาคนมีพรสวรรค์แทนเจ้า ไม่มีใครจำข้าได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสนับสนุนให้ข้าเป็นหนึ่งในสามคุณชายด้วยล่ะ”
หลินเมิ้งหยารู้สึกปวดหัวทันที นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้านี่จะต้องไปทำเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มสามสหาย
รู้สึกไร้เรี่ยวแรง มองดูชายตรงหน้าพลางเอ่ยถาม
“เจ้าหักแขนหักขาพวกเขาแล้วหรือไม่?”
หากเป็นเช่นนั้น นางจะจับเขาไปโบยเสียให้เข็ด
ชิงหูหัวเราะคิกคักพลางส่ายหน้า
“ตอนแรกก็ไม่ แต่ต่อมาเจอคนน่าสนใจ ก็เลย…”
“ข้าจะฆ่าเจ้า….”
มือทั้งสองข้างบีบเข้าที่คอของชิงหู ออกแรงเขย่าจนศีรษะของชิงหูสั่นคลอน
“โอ๊ย…เจ้าเด็กน้อย เบาๆ หน่อย”
มองดูชายตรงหน้า นางรู้สึกหมดคำพูด
หรือเขาจะไม่รู้ว่าความอันตรายอยู่ตรงไหน?
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าวางใจเถิด คนพวกนั้นแข็งแรงผิดมนุษย์ อีกไม่กี่วันก็กลับมากระโดดโลดเต้นได้แล้ว ไม่มีทางทำให้งานของเจ้ามีปัญหา”
หลินเมิ้งหยารู้อยู่แล้วว่าชิงหูแกล้งนางเล่น
ชักมือกลับ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ชิงหู หากพิษในตัวเจ้าสามารถถอนออกไปได้ แต่เจ้าต้องสูญเสียวิทยายุทธ์ไป เจ้าจะลองดูหรือไม่?”
ชิงหูชะงัก ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่ต้องคิด
“ไม่ หากข้าสูญเสียวิทยายุทธ์ไป ใครจะปกป้องเจ้าเล่า? ให้ข้าทนมองดูเจ้าถูกรังแก สู้ฆ่าข้าให้ตายเสียยังดีกว่า”
เขาเอ่ยออกมาจากใจจริง การได้ดูแลเจ้าเด็กน้อยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเขา
“แต่…หากเจ้าตาย ข้าจะเสียใจ”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง แม้ชิงหูจะยังคงแสดงท่าทางปกติ
แต่หลินเมิ้งหยารู้ดี ร่างกายของเขาเริ่มสึกหรอแล้ว
ตอนนี้ยังสามารถกระโดดโลดเต้นได้เพราะมีวิทยายุทธ์แก่กล้า
แต่หากยังไม่ถอนพิษออกไป ชิงหูจะถูกพิษแทรกซึมจนตาย
ช่วงนี้การทดลองของท่านอาจารย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น
บางทีพิษในกายของชิงหูอาจจะสามารถถอนออกได้ แต่สิ่งที่ต้องเสียไปคือวิทยายุทธ์ของเขา
“เจ้าเด็กน้อย กำลังคิดเรื่องเลวร้ายอันใดอยู่?”