ตอนที่ 23 พี่สาวคนรองเปลี่ยนไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 23 พี่สาวคนรองเปลี่ยนไป

หยุนเชวี่ยไม่เข้าใจความหมายของหยุนเยี่ยน แต่สำหรับบางคนแล้ว ยิ่งยอมแพ้และแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ ก็ยิ่งได้ใจไม่รู้จักหยุด

“พี่สาว ท่านจะมีเสื้อผ้าสวย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?” หยุนเชวี่ยเอื้อมมือไปจับเสื้อผ้าในอ่างพลิกไปพลิกมาด้วยความโกรธ

ทั้งหมดนี้เป็นเสื้อผ้าของหยุนชิ่วเอ๋อกับหยุนเยว่ พวกนางเห็นหยุนเยี่ยนเป็นสาวใช้หรืออย่างไร? รังแกกันเกินไปแล้ว!

“ข้าไม่ได้ใช้เจ้าไปซักให้สักหน่อย จะมาโวยวายอะไร?” สีหน้าของหยุนชิ่วเอ๋อบึ้งตึง ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าตาวัวควาย

หยุนเชวี่ยไม่สนใจ นางคว้าอ่างไม้ในมือของหยุนเยี่ยนโยนลงบนพื้น จากนั้นก็ลากพี่สาวเดินกลับเข้าบ้าน

“ปัง!” ประตูห้องทางฝั่งตะวันตกปิดกระแทกอย่างรุนแรง

หยุนชิ่วเอ๋อตกตะลึงพรึงเพริด ก่อนจะตะโกนด่าออกมา “นังเด็กสารเลว! ไร้มารยาท! เจ้ากล้าปีนเกลียวข้าหรือ!”

“ปัง ปัง ปัง!” ประตูถูกทุบจนสั่นสะเทือน

“เปิดประตู! นังเด็กเหลือขอ! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! ดูสิว่าข้าจะไม่กล้าหักขาเจ้าทิ้งหรือ!”

“ปัง ปัง ปัง!”

“เปิดประตูให้ข้า! หยุนเชวี่ย! หากเจ้าทำได้แค่ซ่อนตัว ก็อย่าเสนอหน้าออกมาอีกเลย!”

หยุนชิ่วเอ๋อตีโพยตีพายและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“เหตุใดเจ้าต้องไปทะเลาะกับนาง? เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น ไม่ได้ทำให้ข้าเหนื่อยขนาดนั้น…” หยุนเยี่ยนลนลานด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดนางก็เปลี่ยนใจ “ข้าจะออกไป เจ้ารีบหาที่ซ่อนให้ดี”

“พี่สาว ท่านกลัวอะไร? นางจะจับท่านกินได้หรือ?” หยุนเชวี่ยยื่นแขนออกมาขวางไว้ ก่อนจะเดินไปที่ประตูแล้วยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อาหญิง หากท่านสามารถแหกปากตะโกนได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปซักผ้าเองเถอะ”

“นังเด็กชั้นต่ำ! เจ้าพูดอีกทีสิ!”

“อาหญิง หูตึงแล้วหรือ?” หยุนเชวี่ยจงใจกล่าวเสียงสูงและหัวเราะด้วยความขบขัน “ข้าบอกว่า หากท่านไม่เหนื่อยก็ตะโกนต่อไป ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เสียเนื้อสักชิ้นอยู่แล้ว!”

หยุนชิ่วเอ๋อ…

“เชวี่ยเอ๋อ!” ใบหน้าของหยุนเยี่ยนซีดเผือด ก่อนรีบยื่นมือเย็นเฉียบของนางมาปิดปากน้องสาวเอาไว้ “หยุดพูดได้แล้ว!”

หยุนเชวี่ยยังคงดิ้นรน “พี่สาว ในเมื่อครอบครัวของเราแยกบ้านออกมาแล้ว เหตุใดหยุนชิ่วเอ๋อกับหยุนเยว่ถึงยังมาเรียกใช้ท่านอยู่ได้?”

หยุนเยี่ยน…

“ยิ่งท่านไม่พูด พวกนางก็จะยิ่งรังแกท่าน! เมื่อสามารถรังแกท่านได้ง่าย ๆ เรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันจบสิ้น ท่านอยากไปเป็นสาวใช้ให้พวกนางสองคนโดยที่ไม่ได้รับเงินหรือ?”

“…” หยุนเยี่ยนเม้มปากแน่น “เชวี่ยเอ๋อ ก็แค่ทำงานมากขึ้น ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวไม่อยากสร้างปัญหา”

หยุนเชวี่ยเกลียดเหล็กที่ไม่เป็นเหล็กกล้า

“พี่สาว เราไม่ใช่ฝ่ายสร้างปัญหา ไม่จำเป็นต้องกลัว”

“หากท่านกลัวหยุนชิ่วเอ๋อ และยอมรับนิสัยร้ายกาจของนาง ต่อไปนางก็จะมารังแกข้า รังแกเสี่ยวอู่ ท่านอยากให้พวกเราทุกคนถูกนางรังแกหรือ?”

หยุนเยี่ยนเปลือกตากระตุก นางส่ายศีรษะรัว ๆ “หากท่านอาชิ่วเอ๋ออยากทุบตีหรือด่าทอก็ปล่อยให้นางทำร้ายข้าเพียงผู้เดียว”

“เสี่ยวอู่ มานี่” หยุนเชวี่ยเรียกเสี่ยวอู่ที่กำลังนอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียงให้เดินออกไปหา

นางจับมือของทั้งสามคนมาประสานกันไว้แน่น “พวกเราสามคนแข็งแกร่งกว่าหยุนชิ่วเอ๋อ วิ่งเร็วกว่าหยุนชิ่วเอ๋อ เหตุใดพวกเราถึงต้องกลัวนางด้วย?”

เหตุใดถึงต้องกลัว?

หยุนเยี่ยนไม่เคยตระหนักถึงปัญหานี้ นางเติบโตมากับการถูกทุบตีและด่าทอตั้งแต่ยังเยาว์วัย จนความกลัวเป็นเหมือนนิสัยที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ส่วนการต่อต้าน…

นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้และไม่กล้าต่อต้าน

มือเล็ก ๆ ของหยุนเชวี่ยนั้นทรงพลังมาก ดวงตากลมโตสีเข้มแสนสดใส จ้องมองหยุนเยี่ยนกับเสี่ยวอู่ด้วยแววตาเปล่งประกาย “พี่สาว เสี่ยวอู่ ตราบใดที่พวกเราร่วมมือกัน ก็ไม่มีใครมารังแกเราได้!”

หยุนชิ่วเอ๋อยังคงกรีดร้องและตะโกนสาปแช่งอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เคร้ง…’ ดังขึ้น จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีกต่อไป

หลังจากหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หน้าต่างห้องฝั่งตะวันตกก็เปิดแง้มออก หัวเล็ก ๆ ทั้งสามหัวค่อย ๆ โผล่ออกไป

จึงได้เห็นว่าเตาชั่วคราวที่ตั้งอยู่ข้างแปลงผักเล็ก ๆ ถูกโยนทิ้ง หม้อเหล็กขนาดใหญ่ถูกทุบจนเป็นรูและตกลงไปที่พื้น อาหารในหม้อถูกเทจนกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ

เนื่องจากแม่นางเหลียนเกรงว่าหยุนเชวี่ยจะกินอาหารมาจากในเมืองไม่อิ่ม นางจึงตั้งใจเก็บมื้อเที่ยงเอาไว้ให้

“เหตุใดถึงทำลายข้าวของเช่นนี้!” หยุนเยี่ยนทั้งโกรธทั้งทุกข์ใจ ดวงตากลมโตของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

เพิ่งจะแยกบ้านกันออกมา  ลำพังแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างยากลำบากอยู่แล้ว  คราวนี้ แม้แต่หม้อข้าวก็ยังถูกทุบไม่เหลือ!

นี่ไม่ใช่จงใจกลั่นแกล้งรังแกกันหรืออย่างไร?

หยุนเชวี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางกำหมัดแน่น จนข้อนิ้วมือปรากฏเป็นสีขาว ก่อนจะจ้องมองไปที่ประตูและหน้าต่างของห้องชั้นบนที่ปิดอยู่ ฉับพลันดวงตาของนางก็กลับมาสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนคลายหัวไหล่เครียดเกร็งลง ก่อนจะหันกลับมาช่วยหยุนเยี่ยนทำความสะอาดให้เรียบร้อย

“อย่าทิ้งผัก เอาไปล้างแล้วกินต่อได้”

“หม้อนี้…”

“ช่างเถิด อย่าปล่อยให้ท่านอาชิ่วเอ๋อคิดแค้น อีกไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องสร้างเรื่องยุ่งยากให้เจ้าแน่”

“หากท่านพ่อ ท่านแม่ถาม ก็อย่าดื้อรั้น”

หยุนเยี่ยนถอนหายใจ พร้อมกำชับน้องสาวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

“อืม” หยุนเชวี่ยพยักหน้าโดยไม่โต้แย้ง นางก้มหน้าลงและมีท่าทีผิดแปลกไป

เมื่อเห็นอาการเช่นนี้หยุนเยี่ยนก็ให้รู้สึกร้อนรนทนไม่ได้ นางเดินเข้าไปลูบผมหน้าม้าของน้องสาว พร้อมกล่าวปลอบโยน “ไม่เป็น พี่สาวไม่ตำหนิเจ้าหรอก”

“…”

“พี่สาวจะไปช่วยท่านพ่อท่านแม่เก็บผักที่สวน เจ้ากับเสี่ยวอู่กลับเข้าบ้านแล้วปิดประตู…” หยุนเยี่ยนครุ่นคิดอย่างกังวล “หรือบางที เราควรไปด้วยกัน”

“พี่สาว ข้าจะพาเสี่ยวอู่ไปเก็บฟืน”

“ได้ ระวังตัวด้วย และอย่าขึ้นไปบนภูเขา”

ทั้งสองเดินตามเส้นทางขึ้นไปบนภูเขา ระหว่างทางก็แวะเก็บหญ้าสมุนไพรไปด้วย

หยุนเชวี่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “คราวนี้บ้านเราไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว”

“…”

“เสี่ยวอู่ เจ้ารู้หรือไม่? หากสุนัขมันกัดเจ้า ยิ่งวิ่งหนี มันก็จะยิ่งดุ”

“…”

“เพื่อที่จะไม่ให้สุนัขกล้าเห่าใส่เจ้า เจ้าต้องดุร้ายกว่ามัน ทางที่ดีที่สุดคือทำให้มันวิ่งหนีหางจุกตูดดีกว่าให้มันมองเห็นเจ้าในภายหลัง”

มือของเสี่ยวอู่ที่กำลังขุดดินหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขาแหงนศีรษะขึ้นมองหยุนเชวี่ยด้วยแววตานิ่งสงบราวกับบ่อน้ำลึก

หยุนเชวี่ยกับเขามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันนางก็ยิ้มออกมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “บังเอิญว่าพี่สาวมีไม้ตีหมาอยู่พอดี วันนี้ข้าจะสอนวิธีการให้แก่เจ้า จำเอาไว้ว่าเจ้าต้องไร้มนุษยธรรม…”

“…” เสี่ยวอู่ถึงกับมุมปากกระตุก

เขากำลังคิดว่าพี่สาวคนรองเปลี่ยนไป นางเคยเป็นคนที่ดื้อรั้น ตอนนี้ไม่เพียงดื้อรั้น แต่ยังโหดร้ายด้วย นอกจากนั้นยังเก็บงำความแค้นฝังใจ และกล้าที่จะแก้แค้น…

“อย่าเอาแต่มองข้า พูดอะไรด้วยสิ” หยุนเชวี่ยเลิกคิ้วขึ้นและตีหน้าผากของเขา “เจ้ากล้าที่จะเรียนรู้หรือไม่?”

เสี่ยวอู่พยักหน้าอย่างหนักแน่นโดยแทบไม่ต้องคิด “กล้า”

เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในบรรดาสามคนพี่น้อง ถือดีอะไรที่จะไม่กล้า! เขาไม่อยากถูกเรียกว่า ‘เด็กเมื่อวานซืน’ อีกต่อไป

จากนี้ต่อไป เด็กน้อยที่เฉลียวฉลาด เคร่งขรึมและมีความสามารถ จะไม่มีวันหวนกลับไปสู่เส้นทางที่ผิดพลาด

ในถ้ำด้านหลังภูเขา

ชายหนุ่มพยุงตัวเองด้วยมือข้างเดียวเพื่อเอนหลังพิงผนังถ้ำ ใบหน้าและริมฝีปากของเขายังคงซีดเซียว แต่จิตวิญญาณแห่งความพ่ายแพ้นั้นได้หายไป

เมื่อเห็นหยุนเชวี่ยและเสี่ยวอู่แหวกเถาวัลย์เข้ามาในถ้ำ เขาก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

เด็กหญิงตัวน้อยกำลังจัดผ้าโพกหัวของนางให้เข้าที่ ในมือถือตระหวายใบเล็ก นางยังคงแต่งตัวเหมือนเมื่อวาน แต่วิธีการทักทายของนางนั้นพิเศษมาก “ฮิๆ นี่ท่านยังไม่ตายหรือ?”

“นรกไม่กล้าเปิดรับข้า จึงยังไม่ตาย” เด็กหนุ่มกระตุกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้ม

ถึงแม้ท่าทางที่แสดงออกมาจะดูดุร้าย แต่ใบหน้าของเขาก็ยังหล่อเหลา จนทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้