เซียวเหลียงก็ได้ยินเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป “เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนได้ยินยวี่หลัวกำลังถกเถียงกับผู้อื่นอยู่!”
ซ่งฉางชิงมองเซียวเหลียงแวบหนึ่ง ก่อนสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปทางประตูด้านหลัง
เมื่อเข้าใกล้ เสียงที่คุ้นเคยนั่นจึงแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ซ่งฉางชิงเพ่งมองไปทางประตูด้านหลังอย่างไม่ละสายตา คนทั่วไปเห็นเช่นนั้นเพียงคิดว่าเขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ไม่เร็วไม่ช้า มีเพียงตัวเขาที่รู้ ว่าตอนที่ได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว เขาแทบอยากมีขาเพิ่มอีกสองข้างเพื่อวิ่งไปหา
ในที่สุดก็ถึงประตูด้านหลัง เพียงเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ด้านนอก กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่ออธิบายอะไรกับลูกจ้างคนหนึ่งอยู่
เซียวเหลียงเห็นว่าคนที่กำลังถกเถียงกับผู้อื่นเป็นเซี่ยยวี่หลัวจริง จึงรีบวิ่งไปหา “ยวี่หลัว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงถกเถียงกับผู้อื่นได้? ”
ลูกจ้างเห็นเถ้าแก่มา จึงรีบเดินขึ้นหน้าพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “เถ้าแก่ แม่นางผู้นี้บอกว่าจะวางแป้งไว้ในห้องครัวไม่ได้ แต่พวกเราวางมาหลายปีแล้ว ไม่เคยเกิดเรื่องมาก่อน ผู้น้อยกำลังอธิบายให้นางฟังขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นซ่งฉางชิงมา ในที่สุดจิตใจที่วิตกกังวลก็ผ่อนคลายลง “ท่านซ่ง แป้งยี่สิบกระสอบที่ท่านซื้อ จะวางไว้ในห้องครัวไม่ได้จริงๆ ”
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพราะอะไร? ”
“อาจระเบิดได้! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทีจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
เซียวเหลียงที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวด้วยท่าทีสงสัย “ยวี่หลัว เรื่องที่เจ้ากล่าวมาข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าเพียงแต่เคยได้ยินว่าดินประสิวและกำมะถันจะก่อให้เกิดการระเบิดได้ แป้งนี่ทำมาจากข้าวสาลี เป็นอาหารที่เรากินตามปกติ จะระเบิดได้อย่างไร? ”
“หากผงแป้งที่ลอยในอากาศมีความหนาแน่นสูงเกินไป เมื่อโดนเปลวไฟ ก็จะเกิดการระเบิด” เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องสารประกอบคาร์โบไฮเดรตและระเบิดฝุ่นกับคนเหล่านี้อย่างไร นางได้แต่กล่าวอ้างถึงหลักการที่เข้าใจง่ายที่สุด “หากวางแป้งกองรวมกันในห้องครัวมากเกินไป ถ้าแป้งเหล่านี้โดนเปลวไฟ ก็จะเกิดการระเบิด นอกจากนั้น พลานุภาพจะรุนแรงมากด้วย! ”
ซ่งฉางชิงมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง
เวลานี้นางจริงจังมาก จริงจังจนทำให้ผู้อื่นจำต้องเชื่อคำพูดของนาง
ซ่งฉางชิง “เช่นนั้นตามความเห็นของฮูหยินเซียว ต้องวางแป้งไว้ตรงไหนถึงจะปลอดภัย? ”
เซี่ยยวี่หลัวหันมองซ่งฉางชิง รู้สึกผิดคาดเล็กน้อย นี่ท่านซ่งเชื่อคำพูดของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ท่านซ่งเชื่อข้าเช่นนั้นหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความตกใจ
ในยุคสมัยนี้ ความคิดเช่นนี้ของนางถือว่าเหลือเชื่อเกินไป นางกำลังคิดว่าควรจะทำการทดลองในพื้นที่โล่งหรือไม่ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าแป้งระเบิดอันตรายเพียงใด ถึงจะมีคนยอมเชื่อ แต่ท่านซ่งกลับเชื่อนางภายหลังได้ฟังคำอธิบายของนางเท่านั้น
“เชื่อ! ” ซ่งฉางชิงมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าเรียบสงบ พร้อมกล่าวคำว่าเชื่ออย่างนิ่งขรึม
คำว่าเชื่อที่แสนเรียบง่าย แฝงเร้นด้วยความเชื่อม้่นที่ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ อีก
เซี่ยยวี่หลัวจึงรู้สึกเบาใจลง
เซี่ยยวี่หลัวรีบกล่าว “ท่านซ่ง ขอเพียงท่านมีห้องเย็นและร่ม ถ้าจะให้ดีควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเท เช่นนี้นอกจากจะรับประกันได้ว่าความเข้มข้นของผงแป้งในอากาศจะไม่หนาแน่นเกินไป ทั้งยังรับประกันได้ว่าแป้งจะไม่ขึ้นรา นอกจากนั้น ตอนวางกระสอบแป้งซ้อนกัน ทางที่ดีควรวางซ้อนเป็นกองใหญ่ เช่นนี้แป้งจะอับชื้นได้ยาก”
ซ่งฉางชิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวกับลูกจ้างที่เมื่อครู่นี้ขวางเซี่ยยวี่หลัวไว้ไม่ให้นางเข้าไปด้านใน “เจ้าไปบอกซ่งฝู ให้เขาหาห้องที่ร่มเย็นและอากาศถ่ายเท เปลี่ยนสถานที่เก็บแป้ง”
เถ้าแก่ออกคำสั่งแล้ว คราวนี้ลูกจ้างจึงมั่นใจ รีบขานรับ ก่อนวิ่งไปหาซ่งฝู เซียวเหลียงก็รีบตามไปด้วย
เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ขอเพียงไม่เก็บในห้องครัวก็พอ
ภพก่อนนางเคยเห็นข่าวมามาก มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เก็บแป้งไว้ในห้องครัว ภายในห้องครัวมีเปลวไฟ หากใช้แป้งข้างเปลวไฟ เช่นนั้นก็จะเกิดการระเบิดง่ายมาก ผลของการระเบิดนั้นโหดร้ายยิ่งนัก
ซ่งฉางชิงเห็นนางผ่อนลมหายใจยาว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าน่าขัน
นี่เป็นเรื่องของคนอื่น กลับทำให้นางวิตกกังวลถึงเพียงนี้
ช่างน่าสนใจเสียจริง
เวลานี้ที่ประตูด้านหลังเหลือเพียงเซี่ยยวี่หลัวและซ่งฉางชิงสองคนเท่านั้น
“เถ้าแก่ซ่ง เรื่องก่อนหน้านี้ต้องขอบคุณท่านมาก” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความขอบคุณจากใจจริง
นางหมายถึงเรื่องในศาลบรรพชน
ซ่งฉางชิงเม้มริมฝีปากเบาๆ กล่าวอย่างเรียบสงบ “ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าเป็นผู้ร่วมงานของข้า จะให้เจ้าถูกใส่ร้ายปรักปรำไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ต้นเหตุมาจากข้า หากไม่ใช่เพราะข้ายืนกรานจะให้เจ้าเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบ ก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มขมพร้อมกล่าว “ตอนนั้นข้าเองก็กังวลมากเกินไป กังวลไปกังวลมา กลับทำให้เกิดเรื่องขึ้น เพียงแต่ข้าวของที่ท่านให้ท่านซ่งน้อยส่งไปในวันนั้น ค่อนข้างมีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ก็รู้สึกละอาย”
“เมื่อเป็นของที่มอบให้ฮูหยินเซียวแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรับกลับ ฮูหยินเซียวโปรดรับไว้ ถือเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แทนคำขอโทษและขอบคุณจากข้า” ซ่งฉางชิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบสงบ แต่ดวงหน้ากลับไม่มีความเข้มงวดขึงขังเหมือนปกติ เผยให้เห็นความอบอุ่นอ่อนโยนอย่างชัดเจน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเขายืนกรานเช่นนี้ ก็ได้แต่ปล่อยไป “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอรับไว้ ระยะนี้ข้ากำลังค้นคว้าอาหารสูตรใหม่อยู่พอดี หากทำสำเร็จ ค่อยมาบอกให้ท่านซ่ง”
คิ้วงามของนางโก่งโค้ง ระหว่างที่เอื้อนเอ่ยวาจาไม่มีความรู้สึกละอายเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนกล่าวถึงสูตรอาหาร สีหน้าก็ดูเบิกบานและอิ่มเอมใจ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเบิกบานใจตาม
ซ่งฉางชิงเห็นดวงตาคู่นั้น นัยน์ตาอ่อนโยนฉายประกายอบอุ่นเบาบาง เขาไม่ชอบยิ้ม ยามนี้กลับเม้มริมฝีปากเผยรอยยิ้มเบาบาง “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากฮูหยินเซียว”
เซี่ยยวี่หลัวก็เผยรอยยิ้ม ในสายตาของอีกฝ่าย รอยยิ้มนั่นประหนึ่งหมู่มวลดาราทอประกายแสงระยิบระยับ สาดส่องจนหัวใจอันมืดบอดสว่างขึ้น
ในที่สุดก็ขนย้ายแป้งเสร็จแล้ว เซียวเหลียงวิ่งเหยาะๆ ออกมา เช็ดคราบเหงื่อบนใบหน้า “ต้องขออภัยจริงๆ ทำให้พวกท่านรอนานแล้ว”
แป้งก่อให้เกิดฝุ่นแป้งจำนวนมาก เซียวเหลียงแบกแป้งเพียงไม่กี่กระสอบ บนกายก็เต็มไปด้วยรอยแป้งสีขาว เขาใช้ผ้าขนหนูผืนหนึ่งตบบนกาย แป้งบนกายจึงฟุ้งกระจาย ลอยไปบนศีรษะและบนตัวคนที่อยู่ใกล้เคียง
ซ่งฉางชิงเห็นฝุ่นแป้งจำนวนมากลอยไปทางเซี่ยยวี่หลัว เขาขยับตัวไปสองก้าว ขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว ใช้มือปัดฝุ่นแป้งเหล่านั้นออกเบาๆ
นี่ก็สายมากแล้ว ซ่งฉางชิงฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ หันมองเซียวเหลียง กล่าวอย่างเรียบสงบ “เถ้าแก่เซียว นี่ก็สายมากแล้ว ถ้าอย่างไรวันนี้ก็ดื่มด้วยกันก่อน? ”
กินข้าวกับซ่งฉางชิง?
ถือว่าเถ้าแก่ซ่งให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง!
ต้องรู้ว่า ตัวเถ้าแก่ซ่งเองเปิดภัตตาคาร แต่ไม่เคยจะให้เกียรติใครถึงขั้นไปนั่งกินอาหารและดื่มสุราด้วยเลย วันนี้เขากลับเชื้อเชิญตนเองไปดื่มสุรา ดวงตะวันต้องขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่