บทที่ 233 พู่กัน

เขาบอกไม่ถูกว่าเป็นกลิ่นแบบไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้

ตัวเขาเกลียดกลิ่นของสตรีมาโดยตลอด แต่กับจางซิ่วเอ๋อนั้น นอกจากจะไม่รังเกียจกลิ่นบนตัวนางแล้วยังรู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นหอมน่าสูดดม

เนี่ยหย่วนเฉียวชะงักงันไปชั่วขณะ

มือของเขาและจางซิ่วเอ๋อต่างจับพู่กันไว้ แม้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้วางมือตัวเองลงไปบนมือของจางซิ่วเอ๋อโดยตรง แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสัมผัสระหว่างทั้งสองได้

หากแค่แตะกันเบา ๆ ครู่หนึ่งแล้วผละออก

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นอะไรไป จางซิ่วเอ๋อกลับไม่ปล่อยมือ เนี่ยหย่วนเฉียวที่จับพู่กันไว้แล้วก็ลืมดึงพู่กันออกไป

เถี่ยเสวียนยืนท่าม้าอยู่ไม่ไกล มองจากตำแหน่งของเขา ก็เห็นเงาของทั้งสองซ้อนเข้าด้วยกันพอดี

เถี่ยเสวียนกระแอมเบา ๆ เจ้านายตัวเองทำอะไรอยู่เนี่ย?

เจ้านายเคยพูดไม่ใช่หรือว่าตัวเองเกลียดสตรี โดยเฉพาะสตรีที่ฮูหยินเนี่ยยัดเยียดให้

แต่เขามองอย่างไรก็เห็นว่าเจ้านายตัวเองอยากชิดใกล้จางซิ่วเอ๋อ

จากนั้นจางซิ่วเอ๋อและเนี่ยหย่วนเฉียวจึงปล่อยมือพร้อมกัน พู่กันขนหมาป่าทำท่าจะหล่นใส่กระดาษ ทั้งสองยื่นมือไปคว้าพร้อมกันอีกครั้ง…..

เมื่อเป็นเช่นนี้ มือของเนี่ยหย่วนเฉียวจึงกำมือของจางซิ่วเอ๋อไว้

มือของจางซิ่วเอ๋อมิได้นุ่มลื่นแต่อย่างใด กลับกันออกจะหยาบอยู่เล็กน้อย

ความจริงนี่ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว สมัยที่จางซิ่วเอ๋อเพิ่งรับร่างกายนี้มา มือของเจ้าของร่างล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายทั้งเล็กและใหญ่

มือของเนี่ยหย่วนเฉียวเรียวยาวและเห็นเป็นข้อต่อชัดเจน ทั้งยังมีรอยสากบาง ๆ ดูก็รู้ว่าเกิดจากการจับดาบจับกระบี่มาหลายปี

จางซิ่วเอ๋อมีสีหน้ากระอักกระอ่วนนิดหน่อย นางกระแอมเบา ๆ และขยับมือตัวเอง

เนี่ยหย่วนเฉียวมีอาการไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก เขารู้สึกว่าการกระทำของตัวเองออกจะเกินเลยไปเล็กน้อย แต่ถ้าเขาชักมือกลับตอนนี้ก็จะดูเหมือนตัวเองมีความผิดในใจ กลับจะทำให้ดูมีพิรุธขึ้นมา

เนี่ยหย่วนเฉียวจึงชี้แนะวิธีจับพู่กันที่ถูกต้องให้จางซิ่วเอ๋อเสียเดี๋ยวนั้น

“ต้องแบบนี้…..” เนี่ยหย่วนเฉียวแตะนิ้วของจางซิ่วเอ๋อ ให้จางซิ่วเอ๋อจับพู่กันได้ถูกต้องได้แล้วเขาถึงปล่อยมือ

จางซิ่วเอ๋อแอบชำเลืองเนี่ยหย่วนเฉียว คนยุคโบราณถือเรื่องชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ใช่หรือ? ตัวเองเป็นคนยุคปัจจุบัน โดนแตะมือแบบนี้แม้จะรู้สึกแปลก ๆ และกระอักกระอ่วน แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกอย่างอื่น

แต่คนยุคโบราณ…..จะยังคงท่าทางสงบนิ่งแบบนี้ได้เสียเมื่อใด?

จางซิ่วเอ๋อลองใช้พู่กันเขียนคำว่า ‘จาง’ ดู

ขี้เหร่มาก พอจะดูออกได้ด้วยความยากลำบากว่านางเขียนอะไร เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋อหงุดหงิดเล็กน้อย

นางรู้สึกได้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวคอยมองตนจากด้านข้างอยู่ตลอด ก็พลันมีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา เงยหน้าและบอก “เจ้าให้กระดาษกับพู่กันกับข้าเป็นการเสียของเปล่า ข้าเขียนหนังสือขี้เหร่ขนาดนี้ สิ้นเปลืองของดีชัด ๆ”

เนี่ยหย่วนเฉียวกลับเอ่ยขึ้น “ไม่มีผู้ใดเขียนหนังสือสวยมาตั้งแต่เกิด เจ้าฉลาดมากแล้ว ขอเพียงขยันฝึกหน่อย ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก”

พอได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยการให้กำลังใจจากเนี่ยหย่วนเฉียว จางซิ่วเอ๋อก็ตอบเบา ๆ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

ถึงแม้นางเองก็มั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้ายทารุณ ตอนรู้จักตัวอักษรน้อยยังดี พอรู้จักมากแล้วก็ง่ายต่อการเขียนผิด ไม่ใช่เพราะเหตุอื่น เพราะนางมีชีวิตด้วยการใช้อักษรตัวย่อมานาน บัดนี้ต้องเปลี่ยนมาใช้อักษรโบราณ จึงสับสนไปพักหนึ่ง อดเกิดเหตุการณ์เขียนผิดไม่ได้

อีกอย่างยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องตัวอักษรที่เขียนว่าสวยหรือไม่……จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าขนาดมือของตนยังจับพู่กันได้ไม่มั่นคงเลย ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะฝึกสำเร็จ

ตอนเช้ามีหมู่เมฆทอแสง จางซิ่วเอ๋อจึงรอให้ฝนตกอยู่ทั้งวัน แต่จะหมดวันแล้วยังไม่เห็นมีเม็ดฝนตกลงแม้เพียงครึ่งหยด

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ทำความสะอาดลอบจับปลาและตั้งใจจะนำไปวางไว้ในแม่น้ำ

วันนี้จางชุนเถาขึ้นเขาด้วยและเหนื่อยมาทั้งวัน จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าจะไม่ให้จางชุนเถาตามตัวเองไป

จางซิ่วเอ๋อผูกลอบจับปลาเรียบร้อยและแบกขึ้นหลังพร้อมออกเดินทาง

คิดไม่ถึงว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะเดินออกมา เขาไม่พูดอะไรกับจางซิ่วเอ๋อสักคำ ยกลอดจับปลาขึ้นและกล่าว “จะไปไหน ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

จางซิ่วเอ๋อเริ่มชินชากับพฤติกรรมมีน้ำใจเกินเหตุของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว

นางรู้ว่าตนเองปฏิเสธเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้ มิฉะนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวคงได้พูดอะไรที่เป็นการ ‘จี้ให้ตอบแทนบุญคุณ’ ออกมาอีก

อย่างไรเสียเรื่องจะลงลอบจับปลาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเนี่ยหย่วนเฉียว

ต่อให้เนี่ยหย่วนเฉียวรู้ก็ไม่ใช้วิธีเดียวกันไปจับปลาขายเอาเงินหรอก จางซิ่วเอ๋อจึงบอกไปตามตรง “ไปที่ริมแม่น้ำ”

หลังจากมาถึงริมแม่น้ำ เนี่ยหย่วนเฉียวก็เห็นจางซิ่วเอ๋อดึงขากางเกงขึ้นอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะเดินไปลงลอบจับปลาในน้ำ สีหน้าของเขาขรึมลงเล็กน้อย ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก

นัยน์ตาของเขาฉายแววสลด รำพึงในใจ จางซิ่วเอ๋อเป็นสตรี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมากพอแล้ว หากมากพิธีและกฎเกณฑ์เหมือนพวกคุณหนูที่แทบไม่ก้าวออกจากบ้าน นางคงอดตายไปนานแล้ว

จางซิ่วเอ๋อแค่เผยขาท่อนล่างนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งในยุคปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก

นางไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปโดยไม่คิดอะไรจะทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวคิดมากขนาดนี้ และยังรู้สึกผิดโทษตัวเองอีกด้วย

เนี่ยหย่วนเฉียวยืนถามอยู่ด้านข้าง “เอาของแบบนี้มาลงน้ำเพื่อจับปลาเหรอ?”

เขายังไม่เคยเห็นอุปกรณ์ที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ใช่แล้ว เจ้าอย่ามองแค่ว่าสิ่งนี้ทำจากไม้ไผ่ธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร ความจริงแล้วใช้จับปลาดีมากเลย”

เนี่ยหย่วนเฉียวแอบจำวิธีลงลอบจับปลาของจางซิ่วเอ๋อไว้ ก่อนจะเอ่ย “รีบขึ้นมาเร็ว”

สายตาจางซิ่วเอ๋อแสดงความงุนงงเล็กน้อย นางจะขึ้นไปหรือไม่ขึ้นไปเกี่ยวอะไรกับเนี่ยหย่วนเฉียว?

เนี่ยหย่วนเฉียวชะงักนิดหน่อยและอธิบาย “น้ำมันเย็นน่ะ”

เห็นเวลาจางซิ่วเอ๋อต่อสู้กับพวกสุดโต่งตระกูลจางนั้นพลังรบเต็มเปี่ยม แต่เวลาเผชิญกับคนที่ดีกับนางจนเกินเหตุอย่างเนี่ยหย่วนเฉียว อย่างนางเรียกได้ว่าเละ!

นางอยากให้เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ต้องเป็นห่วงทำดีกับตัวเองแบบนี้ และเคยบอกเนี่ยหย่วนเฉียวอ้อม ๆ

แต่ดูเหมือนเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ใส่ใจกับสิ่งที่นางบอกเลยสักนิด กลับทำดีกับนางด้วยวิธีที่เถรตรงมาก

เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋ออึดอัด แต่ก็เปลี่ยนสถานการณ์ไปไม่ได้

หลังจากจางซิ่วเอ๋อขึ้นมาแล้วก็ไปยืนอยู่บนหินเขียวก้อนหนึ่ง และตั้งใจให้ลมเป่าเท้าที่เปียกของตัวเองจนแห้ง

สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวทอดไปที่เท้าของจางซิ่วเอ๋อ และเบนสายตาออกไปในพริบตาเดียว มีริ้วแดงอย่างส่อพิรุธปรากฏขึ้นบนแก้มเขา เขาพูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ทีหลังเจ้าอย่าทำตัวตามสบายเช่นนี้ต่อหน้าชายอื่นอีกนะ”

เขาไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับจางซิ่วเอ๋อหรอก แต่ใครจะรู้เล่าว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร?

หากมีคนอื่นเห็นภาพนี้ จะมีคำพูดที่ไม่ดีกับจางซิ่วเอ๋อแพร่ออกไปหรือเปล่า

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เรือเฉียวเอ๋อแล่นแรงมาก นาทีนี้ไม่ต้องใช้ไม้พายแล้ว ติดเครื่องยนต์ไปเลยค่ะ ระวังตกน้ำกันนะคะ

ไหหม่า(海馬)