บทที่ 232 ไม่อาจปฏิเสธ

“หนิงอัน ขอบคุณในความหวังดีของเจ้านะ แต่ของชิ้นนี้ข้ารับไว้ไม่ได้” จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธ

เถี่ยเสวียนที่อยู่ด้านหลังถึงกับตาโต อะไรนะ? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้านายตัวเองให้ของกับคนอื่น แต่สุดท้ายล่ะ…..กลับถูกปฏิเสธ…..ถูกปฏิเสธ……

เถี่ยเสวียนบ่นพึมพำในใจ ไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อคิดอะไรอยู่ แม้ว่าวิธีการให้ของของเจ้านายตัวเองนั้นออกจะเถรตรงไปหน่อย แต่ก็ให้ด้วยความจริงใจอันท่วมท้นนะ!

พู่กัน กระดาษ และจานฝนหมึกนี้เขาก็ลงแรงให้เช่นกัน! แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกลับปฏิเสธที่จะรับไว้ เถี่ยเสวียนจึงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองก็มีเลือดไหลเหมือนกัน!

พวกเขาอดนอนหนึ่งคืนเต็ม ไปทนเหนื่อยทนลำบากอยู่ในภูเขาก็เพื่อสิ่งนี้ แต่จางซิ่วเอ๋อกลับปฏิเสธ!

ตอนแรกเถี่ยเสวียนไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นสายตาที่มองจางซิ่วเอ๋อก็เริ่มเปลี่ยนไป

เขาอดยอมรับในใจไม่ได้ว่าตนเองชื่นชมจางซิ่วเอ๋อมากขึ้นเรื่อย ๆ

นางมักจะรู้ขอบเขตของเรื่องต่าง ๆ และมีการไตร่ตรองของตนเองเสมอ

เนี่ยหย่วนเฉียวขมวดคิ้ว “รับไว้เถอะ”

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ทำไมเจ้าต้องให้ของกับข้า? ข้าบอกแล้วนี่ว่าเจ้าไม่ติดค้างหนี้บุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าแล้ว เจ้าให้หมูป่ากับข้าแล้วนี่?”

สีหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวหม่นหมองลง ฟังคราแรกเหมือนจะบอกว่าในใจของจางซิ่วเอ๋อแล้วชีวิตของเขามีค่าเท่ากับหมูป่าหนึ่งตัว

ก่อนหน้านี้เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ยอมหยิบของออกมาให้ กระทั่งเถี่ยเสวียนพูดเขาถึงเอาออกมา ความจริงแล้วเป็นเพราะเขากลัวว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่รับ จึงอยากหาโอกาสให้ของกับจางซิ่วเอ๋อตอนที่นางปฏิเสธไม่ได้

บัดนี้เขาได้เตรียมพร้อมแล้ว

เขาเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “เมื่อวานนี้ข้าช่วยเจ้าไว้ใช่หรือไม่?”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “พูดถึงเรื่องเมื่อวาน ข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วย” ความหมายก็คือนางต่างหากที่ต้องให้ของขวัญตอบแทนเนี่ยหย่วนเฉียว ไม่ใช่เนี่ยหย่วนเฉียวเอาของมาให้นาง

สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวฉายรอยยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “เจ้าบอกว่าจะขอบคุณข้า ตอนนี้ก็มีโอกาสให้ขอบคุณข้าแล้ว”

เขากล่าวต่อ “เจ้ารับของสิ่งนี้ไว้ ก็ถือว่าขอบคุณข้าแล้ว”

จางซิ่วเอ๋อฟังแล้วชะงักอยู่ที่เดิม ไม่อาจทำความเข้าใจได้ไปชั่วครู่

ตรรกะของเนี่ยหย่วนเฉียวนี่ประหลาดจริง ๆ! มาให้นางรับของขวัญของเขาไว้เพื่อเป็นการขอบคุณ……

ประโยคนี้ฟังแล้วทั้งเวียนหัวทั้งไม่ถูกหลักเหตุและผล

แต่เนี่ยหย่วนเฉียวพูดด้วยท่าทางจริงจังอย่างยิ่ง น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความแน่วแน่

จนจางซิ่วเอ๋อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

เถี่ยเสวียนที่อยู่อีกด้านเห็นแล้วก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียในเวลานี้ เจ้านายเอ๋ย ทำแบบนี้มันไม่ชัดไปหน่อยเหรอ?

เขานึกว่าเจ้านายตัวเองจะอ้างเหตุผลสุดแสนสมบูรณ์แบบได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะ ‘บังคับให้ตอบแทนบุญคุณ’

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักนิสัยของเจ้านายตัวเอง การเห็นเจ้านายคะยั้นคะยอทำดีกับคนคนหนึ่งแบบนี้อาจจะคิดว่าเขากำลังมีเจตนาไม่ดีอยู่ก็ได้……

คิดมาถึงตรงนี้เถี่ยเสวียนก็อดกังวลใจไม่ได้

แน่นอนว่าเขารู้นิสัยของเจ้านายตัวเอง รู้ว่าเขาอยากให้ของขวัญกับจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ แม้ว่าเหตุผลจะเพี้ยนไปหน่อย แต่ความตั้งใจนั้นดีแน่นอน

แต่จางซิ่วเอ๋อจะรู้หรือไม่?

ครั้งก่อนที่ตลาดเจ้านายตัวเองก็ช่วยจางซิ่วเอ๋อไว้ แต่เขาได้ยินกับหูว่าจางซิ่วเอ๋อสอนน้องสาวสองคนของนางอย่างจริงจังว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ…….

จางซิ่วเอ๋อคงไม่มองเจ้านายตัวเองในทางไม่ดีหรอกใช่ไหม?

ครั้งนี้เถี่ยเสวียนกังวลใจมากจริง ๆ

แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะตกใจกับวิธีการแบบนี้ของเนี่ยหย่วนเฉียว มึนกับตรรกะสุดเพี้ยนของเขาไปหมด แต่ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้คลางแคลงในความตั้งใจของเนี่ยหย่วนเฉียวจริง ๆ

หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักพัก นางจึงพบว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนที่ภายนอกเย็นชาแต่ภายในนั้นมีน้ำใจและห่วงใยผู้อื่น ถึงได้ช่วยนางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า

และเขาดูจะให้ความสำคัญกับบุญคุณช่วยชีวิตนั้นเกินกว่าเหตุ ถึงได้ยังให้ของกับนางอยู่ทั้งที่ตอบแทนบุญคุณไปแล้ว

พอเห็นจางซิ่วเอ๋อยืนอึ้งอยู่กับที่และไม่พูดจา เนี่ยหย่วนเฉียวจึงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทำไม? เจ้าคิดจะผิดคำพูดหรือไร? ไหนบอกว่าจะขอบคุณข้า?”

สบเข้ากับสายตาจริงจังและจริงใจถึงขีดสุดของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ทนรับความกดดันไม่ไหว ได้แต่เอ่ยบอก “เช่นนั้นข้าจะรับไว้…..”

คำที่บอกว่าจะรับไว้ของจางซิ่วเอ๋อนั้นออกจะฝืนอยู่สักหน่อย แต่เนี่ยหย่วนเฉียวได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

มุมปากของเนี่ยหย่วนเฉียวโค้งขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคนที่แผนร้ายสำเร็จ

จางซิ่วเอ๋อรู้ตัวว่าตนโดนเนี่ยหย่วนเฉียว ‘ต้ม’ ซึ่ง ๆ หน้าแล้ว แต่นางจะทำอะไรได้ เนี่ยหย่วนเฉียวให้ของกับนางนะ ในใจของนางตอนนี้นอกจากความรู้สึกผิดที่รับของเกินตัวแล้ว! จะเกลียดเนี่ยหย่วนเฉียวเพราะเหตุนี้คงไม่ได้!

“ข้าให้ของกับเจ้าแล้ว ไม่ลองดูหน่อยหรือ?” เนี่ยหย่วนเฉียวตั้งใจทลายบรรยากาศแปลกประหลาดระหว่างพวกเขาทั้งคู่

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “เช่นนั้นก็ลองดูหน่อย”

ขณะที่พูดนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ลืมความไม่สบายใจไปชั่วคราว เวลานี้กลับมีความสุขขึ้นมา ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางอยากได้มาตลอดแต่เสียดายเงินไม่กล้าซื้อ เนี่ยหย่วนเฉียวกลับซื้อมาให้นาง ทำให้นางรู้สึกทั้งดีใจทั้งซาบซึ้ง

จางซิ่วเอ๋อหอบของทั้งหมดไปวางบนโต๊ะ

เนี่ยหย่วนเฉียวหยิบเอาจานฝนหมึกออกมา และหยิบหมึกแท่งออกมาหนึ่งแท่ง เติมน้ำลงไปเล็กน้อยและเริ่มฝนหมึก

จางซิ่วเอ๋อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงนางจะเคยเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้จากทีวี แต่ยังไม่เคยได้จับจ้องสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือของยุคโบราณใกล้ ๆ ขนาดนี้มาก่อน

ไม่นานนักหมึกก็ถูกฝนเรียบร้อย

จางซิ่วเอ๋อคลี่กระดาษฟางออก

นางมองกระดาษแผ่นนั้น ต่อให้ดูไม่เป็นก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เนี่ยหย่วนเฉียวให้ตนมานั้นไม่ใช่ของราคาถูกแน่นอน

นางไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ได้แต่คิดในใจว่าตนต้องหาทางตอบแทนให้ได้

พอคิดได้ดังนั้น นางก็สบายใจ

จางซิ่วเอ๋อหยิบพู่กันขึ้นมา หลังจากจุ่มหมึกแล้วก็พบว่าภาพอันอึดอัดใจได้ปรากฏ

ก่อนหน้านี้ตอนนางฝึกเขียนตัวอักษรด้วยแท่งไม้ ไม่เคยคิดเลยว่าต้องจับพู่กันอย่างไร……

บัณฑิตจ้าวเคยสอน แต่นางไม่เคยมีพู่กันในมือ มีแต่ใช้แท่งไม้เขียนหนังสือบนจานทราย ซึ่งคงไม่อาจใช้ท่านั้นจับพู่กันในการเขียนได้

ส่งผลให้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้รับการฝึกฝนที่เต็มที่ และถึงขั้นลืมในสิ่งที่บัณฑิตจ้าวสอน

นางลองขยับมืออยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ทำไม่เหมือนเลย

เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อที่กำลังตั้งใจอยู่ข้าง ๆ ในตอนที่จางซิ่วเอ๋อจะจรดพู่กัน เนี่ยหย่วนเฉียวชักจะทนไม่ไหว

สุดท้ายเขาก็ยื่นมือไปตั้งใจจะหยิบพู่กันในมือจางซิ่วเอ๋อขึ้นมา

ขณะที่เขาไปจับพู่กัน มือของทั้งคู่ก็สัมผัสกัน ทั้งสองหยุดชะงักไปพร้อมกัน

พู่กันสั่นเล็กน้อย หมึกหยดลงมานิดหน่อย

เนี่ยหย่วนเฉียวยืนเฉียงออกมาอยู่ด้านหลังจางซิ่วเอ๋อ บัดนี้เขาอยู่ชิดใกล้จางซิ่วเอ๋อมาก เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกไปเองหรือไม่ ว่าตนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวนาง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องเขียนพู่กันไม่เป็น ช่วยสอนให้หน่อยนะคะคุณชายเนี่ย

ลูกเรือเฉียวเอ๋อขึ้นเรือได้แล้วค่ะ จับกราบเรือไว้แน่น ๆ นะคะ

ไหหม่า(海馬)