บทที่ 231 ของขวัญ

แถมเขายังเป็นคนรู้บุญคุณคนมาก หากนางเจอปัญหาและหนิงอันมาพบ ไม่มีครั้งไหนที่หนิงอันไม่ช่วย

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองช่วยเขาไปหนึ่งครั้งนี่ช่างเป็นกำไรมหาศาล

เช้าวันรุ่งขึ้น

ก้อนเมฆสามสี่ก้อนล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นไว้ ก้อนเมฆเหล่านี้สะท้อนกับแสงแดดเกิดเป็นหมู่เมฆสีแดงสดหลอมรวมกันเป็นผืนเดียว งดงามยิ่งนัก

บ้านผีสิงที่คนนอกมองว่าอึมครึมน่ากลัว บัดนี้กลับมีชีวิตชีวามากกว่าปกติ

ควันจากการทำอาหารลอยออกมา กลิ่นอาหารเช้าโชยเข้ามาที่ลานบ้าน

เนี่ยหย่วนเฉียวกำลังผ่าฟืนไว้ใช้ ส่วนเถี่ยเสวียนในตอนนี้กำลังยืนท่าม้าอยู่ ซึ่งจางซิ่วเอ๋อไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไร เถี่ยเสวียนดูเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งได้แล้ว แต่บัดนี้ยังจะมาฝึกเรื่องพื้นฐานแบบนี้อยู่

พอถามเถี่ยเสวียน เถี่ยเสวียนกลับบอกว่าระยะทางพันลี้เริ่มจากก้าวเพียงก้าวเดียว ฝึกกังฟูเช่นกัน ขอเพียงฝึกเรื่องพื้นฐานให้มั่นคง ก็จะฝึกกังฟูท่าอื่นได้ดียิ่งขึ้น

จ้าวเอ้อร์หลางและจางซานหยาสองคนก็มาแล้ว ขณะนี้กำลังฝึกเขียนตัวอักษรบนจานทรายอยู่

ว่ากันว่า เมฆสะท้อนแสงในยามเช้าไม่ควรออกเดินทาง เมฆสะท้อนแสงในยามค่ำคืนถึงเดินทางได้ไกลพันลี้

ทีแรกจางซิ่วเอ๋อตั้งใจว่าจะออกจากบ้านแต่เช้า นางอยากไปซื้อของบำรุงร่างกายจำพวกขาหมูให้แม่โจวที่ตัวเมือง

แต่นางกลัวจริง ๆ ว่าฝนจะตก เวลานี้จึงได้แต่ปล่อยผ่านไปก่อน

คิดไปคิดมา จางซิ่วเอ๋อก็ตัดสินใจว่าตอนกลางคืนจะไปลงลอบจับปลา พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเก็บขึ้นแล้วนำปลาจี้ไปตุ๋นแกงให้แม่โจวสักสามสี่ตัวก็ไม่เลว

ส่วนเรื่องขาหมู ดูท่านางคงได้แต่รอให้อากาศดีกว่านี้แล้วค่อยไป

ในยุคโบราณ หากฝนตกแล้วถนนก็จะเต็มไปด้วยโคลน จะเกิดเหตุการณ์แบบออกไปแล้วกลับลำบากได้ง่าย

นางเป็นสตรีอยู่ข้างนอกตามลำพัง ออกจะอันตรายไม่น้อย แถมยังเป็นห่วงคนที่บ้านด้วย

ต่อให้นางคิดว่าหนิงอันและเถี่ยเสวียนเป็นคนดีทั้งคู่ แต่นางก็ไม่มีทางปล่อยให้น้องสาวตัวเองอยู่กับผู้ชายสองคนหรอก มันเป็นเรื่องของหลักการ

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ จางซานหยาและจ้าวเอ้อร์หลางก็ไปขึ้นเขา

จางชุนเถาชักจะอยู่ไม่สุข จึงตามไปด้วย บอกว่าจะลองหาของพวกเห็ดหอมดู

จางชุนเถาจำคำที่คุณชายฉินบอกได้ตลอด คุณชายฉินบอกว่ารับซื้อเห็ดหอม ถึงเวลานั้นตำลึงเงินที่เขาให้คงไม่น้อยแน่ ถ้านางหาเห็ดหอมมาหาเงินได้ ก็จะแบ่งเบาความกดดันกับชีวิตความเป็นอยู่จากพี่สาวมาได้

ไม่อย่างนั้นพี่สาวจะเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงลำพัง ถึงแม้นางรู้ว่าพี่สาวตัวเองไม่เคยคิดมากในเรื่องนี้ แต่นางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ประโยชน์

เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่บ้านจึงเหลือแค่จางซิ่วเอ๋อ เนี่ยหย่วนเฉียว และเถี่ยเสวียน

จางซิ่วเอ๋อทำความสะอาดที่บ้านไว้แล้วอย่างสะอาดสะอ้าน ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำความสะอาดมากมายหรอก ที่บ้านไม่เลี้ยงสัตว์ ลานบ้านก็ถูกจ้าวเอ้อร์หลางที่ขยันเกินเหตุแย่งเก็บกวาดไปหมดแล้ว

ก่อนที่จางชุนเถาจะไปก็ได้ล้างถ้วยชามตะเกียบไว้แล้วด้วย

เถี่ยเสวียนเติมน้ำในโอ่งจนเต็มตามคำสั่งของเนี่ยหย่วนเฉียว

อยู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อก็ค้นพบว่าดูเหมือนตัวเองจะไม่ต้องทำอะไรแล้ว กลายเป็นคนว่างงานอย่างสิ้นเชิง

นางนั่งเหม่ออยู่ในลานบ้านอยู่ครู่หนึ่ง จึงเริ่มหัดเขียนตัวอักษรบนจานทราย ในฐานะคนยุคปัจจุบันที่แม้จะเขียนหนังสือไม่ค่อยสวยแต่ก็ไม่ขี้เหร่แน่นอน จางซิ่วเอ๋อไม่อนุญาตให้ตัวอักษรที่ตัวเองเขียนหลังจากนี้เป็นเหมือนยันต์ที่คนอื่นแทบอ่านไม่ออก

ยุคนี้คิดจะทำธุรกิจใหญ่มีหรือที่ไม่ต้องใช้ตัวอักษร?

เถี่ยเสวียนเห็นแบบนี้แล้วมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างฉงน และถามขึ้น “เจ้านาย ท่านไม่ได้เอาของพวกนั้นให้จางซิ่วเอ๋อเหรอขอรับ?”

เนี่ยหย่วนเฉียวมีสีหน้านิ่งงันไป เขาพยักหน้าด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

เถี่ยเสวียนไม่เข้าใจนัก “ทำไมไม่ให้นางไปล่ะขอรับ” หรือว่าเจ้านายนึกเสียใจทีหลังไม่อยากให้จางซิ่วเอ๋อแล้ว? ไม่น่าจะเป็นไปได้ เจ้านายตัวเองเป็นคนอย่างไรฮึ หากไม่ได้อยากให้คงไม่พูดแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก

แต่ในเมื่อพูดแล้ว แถมยังต่อหน้าคุณหนูรองอีก นั่นหมายความว่าเขาอยากมอบให้จากใจจริง

จางซิ่วเอ๋ออยู่ห่างจากทั้งคู่ไม่ไกล ย่อมได้ยินคำพูดเหล่านี้

นางสงสัยนิดหน่อย เถี่ยเสวียนพูดถึงอะไร? มีอะไรจะให้ตัวเองเหรอ? คนเรามีความอยากรู้กันทั้งนั้น ต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้คาดหวังว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะให้อะไรนาง และจะไม่ยอมรับอะไรไว้ง่าย ๆ แต่ก็อยากรู้อยากเห็นกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

ไม่รอให้เถี่ยเสวียนพูดอะไรอีก เนี่ยหย่วนเฉียวก็วางของในมือลงและหันหลังเดินกลับห้อง

พอออกมาอีกหน ในมือของเนี่ยหย่วนเฉียวก็มีบางสิ่งเพิ่มมา

มองผ่าน ๆ ยังมองไม่ออกว่าคืออะไร เพราะของสิ่งนั้นถูกบรรจุไว้ในกล่องผ้าไหม

เนี่ยหย่วนเฉียวเดินไปอยู่ตรงหน้าจางซิ่วเอ๋อ ไม่พูดอะไรและยัดของใส่จางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อประหลาดใจกับการกระทำของเนี่ยหย่วนเฉียวมาก “หนิงอัน เจ้าทำอะไรน่ะ?”

เนี่ยหย่วนเฉียวตอบจางซิ่วเอ๋อด้วยคำสั้น ๆ สองคำทว่าหนักแน่น “ให้เจ้า”

จางซิ่วเอ๋อกุมขมับอย่างอ่อนใจ หนิงอันไม่ต้องพูดจาให้มันเรียบง่ายขนาดนี้ก็ได้? ทำไมถึงต้องให้ของสิ่งนี้กับตัวเองด้วยเล่า แล้วให้อะไรมาเขาก็ไม่ยอมอธิบายให้ชัดอีก? ที่สำคัญที่สุดคือนางยังไม่ได้ตกลงรับไว้เลย

นางซาบซึ้งกับการที่เนี่ยหย่วนเฉียวให้ของกับตน แต่นางก็เข้าใจในเรื่องที่หากไม่ได้กระทำความดีก็ไม่ควรได้รับรางวัล นางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรับของสิ่งนี้ไว้

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยขึ้น “ข้ารับมันไว้ไม่ได้หรอก”

เนี่ยหย่วนเฉียวเหลือบสายตามองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “ทำไม?”

“เจ้า……” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหมดแรง

เถี่ยเสวียนที่อยู่ด้านหลังเห็นแล้วยังร้อนใจ ปกติคุณชายของเขาก็ไม่ได้โง่นี่ แต่ทำไมตอนนี้เขารู้สึกว่าคุณชายของตัวเองนั้นสมองไม่ค่อยได้ใช้งานล่ะ?

เนี่ยหย่วนเฉียวเฝ้ามองสีหน้าลำบากใจของจางซิ่วเอ๋อ พักใหญ่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อสับสนในสิ่งใด จึงเอ่ยบอก “เปิดดูก่อนสิ”

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร จึงปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้

บางทีของข้างในอาจจะเป็นพวกขนมของหวานก็ได้ แบบนั้นนางรับไว้ก็ไม่เป็นไร

อย่างมากอีกหน่อยค่อยทำของอร่อยเพื่อชดเชยให้

ถ้าไม่ยอมรับของเล็กน้อยเช่นนี้ไว้ ออกจะดูเหมือนนางตั้งใจเหินห่างกับหนิงอัน

จางซิ่วเอ๋อวางของสิ่งนั้นไว้บนจานทราย และเปิดออก

มันคือจานฝนหมึกสีเขียว ถูกสลักให้อยู่ในรูปร่างใบบัว ดูสง่างามอย่างเรียบง่าย

จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วและดูกล่องผ้าไหมอีกกล่อง พร้อมเปิดออกภายใต้สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียว มันคือพู่กันที่ทำจากขนหมาป่า

จางซิ่วเอ๋อกวาดตามอง ไม่ต้องคิดอะไรมากอีก ของข้างใต้นี้ต้องเป็นกระดาษและหมึกแน่นอน

เนี่ยหย่วนเฉียวให้สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือกับนางหรือนี่?

ก่อนหน้านี้จางซิ่วเอ๋อไม่เคยใช้ของจำพวกกระดาษ หมึก พู่กัน และจานฝนหมึกมาก่อน จึงดูไม่ออกว่าของชุดที่เนี่ยหย่วนเฉียวให้มามีราคาสูง แต่นางก็ยังรู้สึกว่าของพวกนี้เลอค่าอยู่ดี

ก่อนหน้านี้นางเคยถามมาแล้วว่าจะซื้อสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือชุดหนึ่งนั้นต้องใช้ตำลึงเงินจำนวนมาก

จางซิ่วเอ๋อรีบปิดฝากล่อง นำกล่องมาเรียงตั้งไว้ด้วยกันและยื่นให้เนี่ยหย่วนเฉียว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อุตส่าห์ขอของที่สาวอยากได้มาจากท่านอา แต่สาวไม่รับ เจ็บปวดสุด ๆ ไปเลย นกซ้ำนกซ้อนเหลือเกินคุณชายเนี่ย

ไหหม่า(海馬)