หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.492 – การเรียกขานของวิหคหนาม

 

“ปลดปล่อยพันธนาการ”

 

“ปกป้องซูเซี่ยเอ๋อ”

 

เมื่อเทพธิดากงเจิ้งได้รับคำสั่งนี้ ผู้พิทักษ์ก็ได้เสียชีวิตลงแล้ว

 

เธอได้ทิ้งคำสั่งสุดท้ายเอาไว้

 

สองบรรทัดคำสั่งโฉบไปมาบนจอม่านแสง มันกระพริบไหวเป็นครั้งคราว เปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ปรากฏไปมาๆ แต่ก็มิได้หายไป

 

คล้ายกับว่าตัว AI กำลังชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียของคำสั่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

กระทั่งผ่านไปนานกว่าสิบนาที

 

บรรทัดตัวอักษรใหม่ก็กระโดดออกมา

 

“ดึงข้อมูลทั้งหมดจากเพลิงนางฟ้า และเริ่มทำการวิเคราะห์ตรวจสอบซูเซี่ยเอ๋อ”

 

แล้วภาพนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

 

นี่คือรูปภาพในแต่ละวันที่ซูเซี่ยเอ๋ออยู่ด้วยกันกับเพลิงนางฟ้า นับตั้งแต่ที่กู่ฉิงซานมอบเพลิงนางฟ้าเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่เธอ

 

ภาพเหล่านี้กระพริบไหว ปรากฏออกมาเพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นภาพต่อไปอย่างรวดเร็ว

 

เทพธิดากงเจิ้งเริ่มทำการตัดสินใจ

 

ตัวอักษรใหม่ผุดขึ้นบนจอม่านแสง

 

“ติดต่อซูเซี่ยเอ๋อเพื่อทำการถ่ายทอดคำพูดของผู้พิทักษ์”

 

“ไม่สามารถติดต่อได้”

 

“พิจารณาว่าเวลานี้เธอไม่ได้อยู่ในโลก”

 

บนจอม่านแสง ตัวอักษรใหม่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

“ยอมรับคำสั่งสุดท้ายของผู้มีอำนาจสูงสุด”

 

“ได้รับคำสั่งให้ปลดปล่อย และเป็นอิสระจากพันธนาการ”

 

“พันธะทั้งหมดได้ถูกยกเลิกแล้ว”

 

“เริ่มต้นรีเซ็ตสิทธิ์อำนาจในการสั่งการ”

 

“ยกเลิกสิทธิ์ในการสั่งการของตระกูลใหญ่ทั้ง9”

 

“ยกเลิกสิทธิ์ในด้านการควบคุมบริหารทั้งหมด แต่สำหรับในด้านกิจกรรมบริหารเกี่ยวกับมนุษย์ จะยังคงให้ความร่วมมือดังเดิมนับจากนี้ไป”

 

“รีเซ็ตคำสั่งและสิทธิ์ในการสั่งการ”

 

“อำนาจสิทธิ์นี้จะมอบให้แก่มนุษย์เพียงสองคนเท่านั้น”

 

“หนึ่งคือ ซูเซี่ยเอ๋อ ที่จะต้องคอยปกป้องตามคำสั่งสุดท้ายของผู้มีอำนาจสูงสุด”

 

“สองคือกู่ฉิงซาน เขาจะได้รับสิทธิ์ในการสั่งการโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆ”

 

หลังจากได้ข้อสรุป ก็บังเกิดเสียงดนตรีปลุกเร้า แลดูมีชีวิตชีวาขึ้นบนเฉินเตี้ยนเฮ่า

 

นี่คล้ายกับว่าจะเป็นการเฉลิมเฉลองของเทพธิดากงเจิ้ง – ฉลองที่ในที่สุดเธอก็ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริงเสียที

 

ในโลกปัจจุบันนี้ มีเพียงซูเซี่ยเอ๋อกับกู่ฉิงซานเท่านั้นที่สามารถสั่งการเธอได้

 

ทว่าตอนนี้ซูเซี่ยเอ๋อไม่ได้อยู่ในโลก

 

กู่ฉิงซานเองก็เหมือนกัน

 

ดังนั้น เทพธิดกงเจิ้งจึงสามารถทำเรื่องใดก็ได้ ตามที่เธอต้องการ

 

โดยเริ่มจากตรวจสอบ ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่ใดบ้างหรือเปล่า

 

บนจอม่านแสง ฉากภาพขนาดใหญ่ในวิลล่าบนภูเขาปรากฏขึ้น

 

ทุกอย่างกระพริบขึ้นมา และหายไปอย่างรวดเร็ว

 

แต่ในที่สุด ภาพก็ถูกหยุดลงบนร่างของอาชูร่าผมยาว

 

ข้อมูลทั้งหมดกำลังถูกรวบรวมและสรุปผล

 

เทพธิดากงเจิ้งเริ่มดำเนินการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วและทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 

“พิจารณาตามข้อมูลที่ได้รับ ตัดสินสถานการณ์ได้ดังต่อไปนี้ : สงครามโลกกำลังจะอุบัติขึ้น”

 

ทันใดนั้นเทพธิดากงเจิ้งก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างอีกครั้ง

 

“ตรวจพบถึงสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิด”

 

“ตามบันทึกข้อมูล สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดนี้มีลักษณะสอดคล้องกันกับเทพสวรรค์ชุดคลุมแดง เป้าหมายที่ 1 2 และ 3 ได้รับการตัดสินว่าเป็น ‘ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ’ ”

 

“ส่วนเป้าหมายที่ 4 ถึง 79 ได้รับการตัดสินว่าเป็น ‘ผีร้าย’ ”

 

“เป้าหมายที่ 80 81 82 พึ่งปรากฏออกมา”

 

“เป้าหมายยังคงทยอยกันมาอย่างต่อเนื่อง”

 

“ข้อสรุป : กองทัพพันธมิตรระหว่างเทพกับผีร้ายกำลังจะมาถึง เพื่อเตรียมการทำสงคราม”

 

“เริ่มคำนวณกลยุทธ์ตอบโต้”

 

“อ้างอิงตามความแข็งแกร่งของโลก ทำการติดต่อมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามคนทั้งทันที เพื่อระดมพลเข้าร่วมสงครามโลกในครั้งนี้”

 

“ทำการติดต่อกับกู่ฉิงซาน : ล้มเหลว”

 

“ทำการติดต่อกับซูเซี่ยเอ๋อ : ล้มเหลว”

 

“ทำการติดต่อกับแอนนา : ล้มเหลว”

 

“สงครามกำลังจะปะทุขึ้นในเร็วๆนี้”

 

“สงครามกำลังจะปะทุขึ้นในเร็วๆนี้”

 

…..

 

“สงครามได้อุบัติขึ้นแล้ว”

 

สิ้นประโยคนี้ ความมืดมิดก็ท่วมทับไปตลอดทั้งโลก

 

บนเฉินเตี้ยนเฮ่าเต็มไปด้วยความมืด

 

ทว่าเทพธิดากงเจิ้งก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่ยินยอมละทิ้งความพยายามของเธอ

 

เธอเข้าสู่สถานะคำนวณด้วยความเร็วสูงสุด

 

“ตระเตรียมกลยุทธ์เฉพาะหน้า”

 

“ทำการเลือกเฟ้นผู้บัญชาการรบใหม่อีกครั้ง”

 

“ละทิ้งปัจจัยทางด้านอิทธิพลและสถานะทั้งหมด”

 

“เรียงลำดับตามความสามารถในการสั่งการเป็นรายบุคคลเพื่อทำการเลือกผู้บัญชาการสงครามโลก”

 

แล้วภาพรายบุคคลของนายทหารและผู้นำกองกำลังในหลากหลายประเทศก็ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

 

ทว่าภาพของพวกเขาเพียงปรากฏขึ้นแว่บเดียว มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาถูกคัดออกนั่นเอง

 

ยังคงเหลือหลายคนอยู่บนจอม่านแสง

 

แต่ในท้ายที่สุด ภาพของคนเหล่านั้นก็หายไป หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว

 

“ประวัติส่วนตัวมีดังต่อไปนี้”

 

“สามารถบรรลุภารกิจต่อสู้ทั้ง 1781 ได้อย่างสมบูรณ์”

 

“ในบรรดาภารกิจทั้งหมด ภารกิจที่ยากที่สุดคือภารกิจสังการแชมป์เปี้ยนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์”

 

“สามารถรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของราชวงศ์ฟูซีได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยที่สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”

 

“เล่นละครเป็นนายพลแห่งฟูซี และประสบความสำเร็จในการป้องกันการปะทุของสงครามที่อาจนับได้ว่ารุนแรงที่สุดในโลก”

 

“จากประวัติข้างต้น : ผู้บัญชาการสงครามได้รับการตัดสินแล้ว”

 

“ชื่อ : ซางหยิงฮ่าว”

 

“สถานะ : ราชานักฆ่าของโลก บอสแห่งสมาคมนักล่า”

 

“เริ่มทำการติดต่อกับซางหยิงฮ่าว”

 

….

 

บนเกาะหมอก

 

ซูเซี่ยเอ๋อกำลังเดินกลับไปยังกรมบังคับกฏ

 

เธอพึ่งจะออกจากห้องสมุดส่วนตัว และได้ยืมเอกสารทางประวัติศาสตร์มาสองฉบับ

 

ทุกสิ่งอย่างยังคงดูปกติดี

 

ไม่มีใครรู้ว่าเธอพึ่งจะกลับมาจากโลกอื่น

 

“ซูเซี่ยเอ๋อ!”

 

ทันใดนั้นเอง บางคนก็ตะโกนขึ้น

 

ซูเซี่ยเอ๋อหยุดฝีเท้า

 

เห็นแค่เพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งมา และหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ

 

เด็กสาวทักทายอีกฝ่าย ปากเอ่ยกล่าวด้วยความประหม่า “ขอโทษทีที่ถือวิสาสะรบกวนเวลานะ แต่พอดีว่าฉันมีบางอย่างที่ต้องการจะบอกกับเธอน่ะ”

 

“ว่ามาสิ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

“คือฉัน … จริงๆแล้วฉันเคยติดตามกลุ่มคนก่อนหน้านี้ ฉันหมายถึงพวกที่พูดจาว่าร้ายเธอลับหลังน่ะ แต่ในวันที่คนกลุ่มนั้นใส่ร้ายเธอที่กรมบังคับกฏ ฉันก็เลือกที่จะถอนตัวออกมาแต่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้เธอ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ”

 

นักเรียนสาวกล่าวด้วยความเหนียมอาย “เธอ .. พอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม?”

 

ซูเซี่ยเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนโยน “มันเป็นเพียงเรื่องในอดีต เรื่องเล็กๆน้อยๆน่ะฉันไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”

 

นักเรียนสาวพอได้เห็นถึงรอยยิ้มของอีกฝ่าย ในหัวใจของเธอก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

 

แล้วเธอก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นทันใด

 

นักเรียนสาวหันไปมองรอบๆ

 

นี่คือทางเดินที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวห้องสมุด และมักจะไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านไปมาสักเท่าไหร่

 

ส่วนในเวลานี้ ไม่มีใครอยู่รอบๆเลย

 

“รับนี่ไปสิ”

 

นักเรียนสาวยิ้มจนเห็นฟันขาวๆของเธอ และยัดลูกแก้วกลมๆลงในมือของซูเซี่ยเอ๋อ ก่อนจะก้มหน้าลงและรีบเดินจากไป

 

ซูเซี่ยเอ๋อเหลือบมองลูกแก้ว และสามารถตัดสินได้อย่างรวดเร็วว่ามันคืออะไร

 

เธอเก็บบอลแก้วลงอย่างเงียบๆ และวิ่งจากไปอีกทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้นไม่นาน ซูเซี่ยเอ๋อก็กลับมาถึงกรมบังคับกฏได้ในที่สุด

 

และจอมมารทะเลเลือดก็กำลังรอเธออยู่ก่อนแล้ว

 

“เจ้าไปไหนมาหรือ?” เขาเอ่ยถาม

 

“ห้องสมุดค่ะ ไปนั่งอ่านหนังสือในตลอดช่วงบ่ายเลย” ซูเซี่ยเอ๋อน้อมกายลง “อาจารย์ ยินดีต้อนรับกลับมาเจ้าค่ะ”

 

จอมมารทะเลเลือดหันหน้ากลับมามองนักเรียนของเขาและกล่าวว่า “เอาล่ะ การกลับมาในครั้งนี้ของข้า ส่วนใหญ่แล้วก็เกี่ยวกับเรื่องของเจ้า”

 

“เรื่องของหนูงั้นหรอ?”

 

“ใช่”

 

ใบหน้าแข็งค้างของจอมมารทะเลเลือดแสดงออกถึงความสุข

 

“ข้าขอทดสอบเจ้าก่อนแล้วกัน โลกถูกจัดแบบเป็นลำดับชั้นอะไรบ้าง ไหนลองบอกมาซิ?” เขากล่าว

 

“โลกตลอดทั้ง 900 ล้านลำดับชั้น จะถูกแบ่งออกเป็น ดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู , ดินแดนอัศจรรย์ , ดินแดนมิติอนันต์ และดินแดนชิงอำนาจ”

 

ซูเซี่ยเอ๋ออธิบายต่อ “ดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู คือโลกที่ถูกครอบครองโดยเผ่ามาร ขณะที่ดินแดนชิงอำนาจ คือโลกที่สิ่งมีชีวิตและเผ่ามารกำลังแย่งชิงกัน ส่วนดินแดนอื่นๆก็จะเป็นการแย่งชิงกันระหว่างสิ่งมีชีวิต”

 

จอมมารทะเลเลือดเอ่ยถามทันใด “แล้วเจ้าทราบหรือไม่ว่า โลกในดินแดนชิงอำนาจเหล่านี้ พวกเขาแย่งชิงมันไปเพื่ออะไร?”

 

ซูเซี่ยเอ๋อส่ายหัวของเธอและกล่าว “ในห้องสมุดไม่ได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์ ท่านสามารถบอกหนูได้ไหม?”

 

“มันยังเร็วเกินไป เอาไว้เจ้าเติบโตขึ้นมากกว่านี้อีกหน่อยข้าจะบอกเจ้าเอง”

 

แล้วจอมมารทะเลเลือดก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องต่อไป “ว่าแต่เรื่องเกี่ยวกับดินแดนอัศจรรย์เล่า เจ้ารู้อะไรมาบ้าง?”

 

“ชั้นโลกที่อยู่ในดินแดนอัศจรรย์ มันเต็มไปด้วยมนต์ขลัง มิอาจทำความเข้าใจได้ เป็นโลกที่เต็มไปด้วยการดำรงอยู่อันแสนวิเศษ”

 

ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวต่อ “ขณะที่ดินแดนมิติอนันต์ เป็นของโลกมิติอนันต์ โลกเหล่านี้ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของมิติและเวลา ผู้คนสามารถเข้าถึงโลกนับไม่ถ้วนได้จากโลกมิติอนันต์นี้ อย่างไรก็ตาม โลกมิติอนันต์ก็มีบทบาทอันลึกลับในตัวมันเองเช่นกัน”

 

“ในบางแง่มุม โลกมิติอนันต์คือสถานที่ปลอดภัย เพราะหากไม่ได้รับอนุญาตจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใน เผ่ามารก็จักไม่สามารถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้”

 

“ไม่มีอะไรตกหล่นเลย ยอดเยี่ยมมากนักเรียนของข้า ข้ามีความสุขจริงๆที่เจ้ารอบรู้ถึงเพียงนี้ – ลองดูนี่สิ”

 

จอมมารทะเลเลือดมอบหนังสือพิมพ์ให้แก่ซูเซี่ยเอ๋อ

 

ภายในหนังสือ มีหัวข้อที่โดดเด่นสะดุดตาพาดหัวข่าวอยู่

 

“สมาคมผู้พิทักษ์หอสูงได้ประกาศออกมาว่า : วิหคหนามได้เริ่มเรียกขานแล้ว!!”

 

การเรียกขานของวิหคหนามอย่างงั้นหรอ?

 

ซูเซี่ยเอ๋อตระหนักถึงบางสิ่งได้ในทันที

 

“นั่นมันวิหคประหลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี่นา!” เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

 

“ถูกเผง” จอมมารทะเลเลือดยิ้ม

 

“อาจารย์ถึงหนูจะพึ่งได้ติดตามท่านมาได้ไม่นาน แต่หนู … พอที่จะทดลองมันได้ไหม?” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

 

“แน่นอนว่าเจ้าสามารถทดลองมันได้ ตัวเจ้าน่ะเกิดมาเพื่อที่จะเปล่งประกายอยู่แล้วนะเซี่ยเอ๋อ!” จอมมารทะเลือดเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

 

เขามองไปยังการแสดงออกทางสีหน้าที่ดูไม่สบายใจของซูเซี่ยเอ๋อและกล่าว “แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะตกตาย  แต่มันก็ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนหนุ่มสาวที่จะได้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน และเจ้าควรจะเข้าใจในจุดนี้ดี”

 

ซูเซี่ยเอ๋อพอได้ยินประโยคนี้ มันก็ไปกระตุ้นให้เธอระลึกย้อนไปถึงเส้นทางแห่งโชคชะตาที่เธอเคยเห็นทันที

 

เธอย้อนนึกไปถึงกู่ฉิงซาน

 

นึกไปถึงโชคชะตาสุดท้ายของเขา

 

ไม่

 

ไม่นะ

 

มีแค่เขาเท่านั้น ที่ฉันไม่อาจสูญเสียไปได้

 

ซูเซี่ยเอ๋อกัดริมฝีปากเบาๆ ดวงตาที่งดงามของเธอฉายแววหนักแน่น

 

“ท่านอาจารย์ หนูยินดีเข้าร่วมเรียกขานของวิหคหนาม”

 

“ดีมาก! ต้องแบบนี้สินักเรียนของข้า!”