บทที่ 199: ดูสิว่าเธอกังวลแค่ไหน!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 199: ดูสิว่าเธอกังวลแค่ไหน!

บิชอปฟิลิป​ เป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอด นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ทราบกันโดยทั่วไป ภายในโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง

แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง แต่ฟิลิปก็ยังปฏิบัติตัวอ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพ และขยันหมั่นเพียร เขามักใช้เวลาส่วนมากภายนอกจักรวรรดิ เพื่อลงโทษเหล่าผู้คนที่นับถือลัทธิชั่วร้าย ทำให้เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของเหล่าอัครสาวก ผลงานที่เขาทุ่มเทให้แก่โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างนั้นมากมายเกินจะนับ

ระหว่างการลอบสังหารเมื่อหลายปีก่อน บิชอปฟิลิปได้ประสบความสำเร็จในการค้นหาและปกป้ององค์หญิงนอร่า เซไซต์ และโรเอล แอสคาร์ด ผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ดที่หายตัวไป และด้วยเหตุผลบางอย่าง นอร่าจึงชื่นชอบเขามากเป็นพิเศษ

แม้ว่าฟิลิปจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้ แต่เขานั้นได้สร้างความดีความชอบอันยิ่งใหญ่แก่นอร่า นั่นก็คือการถ่ายทอดภาพของเธอและโรเอลที่กำลังจูบกันในสภาวะหมดสติไปยังสมาชิกอีกสองคนของตระกูลแอสคาร์ด เหตุการณ์นั้นทำให้นอร่ามีข้อได้เปรียบเหนืออลิเซียไปมาก ซึ่งฟิลิปผู้ซื่อสัตย์นั้นได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปหมดแล้ว

อลิเซียต้องกังวลมากแน่ ๆ ที่พี่ชายของเธอหายตัวไป! ถึงเธอจะเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลแอสคาร์ด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สายสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายลดลง เราต้องบรรเทาความกังวลของเธอ!

ในฐานะหนุ่มโสดที่อยากมีครอบครัวอันอบอุ่น ฟิลิปรู้สึกเห็นอกเห็นใจอลิเซีย จึงรีบส่งภาพกลับไปในตอนนั้นเพื่อให้เธอสบายใจ เมื่อได้เห็นความผูกพันของคนในตระกูลแอสคาร์ด มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ และในวันนี้เขาก็ได้รู้สึกอบอุ่นคล้าย ๆ กับในวันนั้นอีกครั้ง

ทันทีที่เห็นองค์หญิงนอร่าสยายปีกแสงอันกว้างใหญ่ เสด็จลงมายังเมืองใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก บิชอปฟิลิปก็รู้สึกสงบใจลง

องครักษ์คนอื่น ๆ ไม่รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมนอร่าถึงมาเยี่ยมเยียนเมืองโรซ่าโดยกะทันหัน ทั้งที่มีตารางงานยุ่งรัดตัว แม้แต่ฟิลิปเองก็คิดว่าเธอไปที่นั่นเพื่อเซ็นสัญญาลับบางอย่างกับเมืองโรซ่า จนกระทั่งเขาเห็นเด็กสาวจ้องมองลงไปที่เมืองใหญ่จากบนขอบฟ้า พร้อมพึมพำชื่อหนึ่งออกมา ชาร์ล็อต

อย่างนี้นี่เอง… บุคคลที่มีความโดดเด่นมักจะถูกดึงดูดเข้าหากันสินะ ฝ่าบาทนอร่ามีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่จะเข้าใจเธออย่างแท้จริง และยิ่งเป็นเพื่อนในวัยเดียวกันแล้วด้วยยิ่งหายาก

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฝ่าบาทนอร่าถึงได้ออกเดินทางอย่างเรียบ ๆ ไม่โดดเด่นในครั้งนี้ ที่แท้ท่านก็มาหาเพื่อนนี่เอง! อ่า การที่ท่านออกเดินทางมาเยี่ยมเยียนท่านหญิงชาร์ล็อต ทั้ง ๆ ที่มีธุระการงานมากมาย ดูเหมือนว่าพวกเธอคงจะสนิทกันมากจริง ๆ!

มันไม่ง่ายเลยที่จะรักษามิตรภาพกับสหายข้ามพรมแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมีสถานะที่สูงส่ง เนื่องจากมันอาจจะส่งผลทำให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมืองได้จากความสัมพันธ์ส่วนตัว และการโต้ตอบระหว่างบุคคลสำคัญทุกคนเองก็มักจะได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน องค์หญิงนอร่าและท่านหญิงชาร์ล็อตเองก็เช่นกัน

ถึงกระนั้น แม้ว่าจะมีหินก้อนใหญ่คอยขวางทางอยู่ ฝ่าบาทนอร่าก็ยังคงเลือกเพื่อนของเธอให้สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าจำไม่ผิดวันนี้น่าจะเป็นวันประกาศอิสรภาพของโรซ่าด้วย บางทีฝ่าบาททรงเลือกวันนี้เป็นพิเศษเพื่อแวะมาทำให้เพื่อนของท่านประหลาดใจ อ่า น่าเสียดายจริง ๆ ที่เรารั้งท่านไว้ด้วยตารางงานอันยุ่งวุ่นวาย!

ฟิลิปจำได้ว่าหมัดของนอร่านั้นกำแน่นอย่างประหม่าตลอดการเดินทาง เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างสำนึกผิด

โดยไม่ลังเล บิชอปยืนออกไปข้างหน้าและร่ายคาถาเวท พลังสายเลือดของตนให้กับนอร่า เร่งความเร็วของการบินของเธอ เมื่อรู้ว่านี่ทำให้เด็กสาวได้ไปพบเพื่อนสนิททันก่อนหมดวัน หัวใจของเขาก็พองโตด้วยความพึงพอใจ

โอ้ เทพีเซีย ความผูกพันระหว่างเพื่อนมนุษย์ช่างสวยงามเหลือเกิน! ท่านหญิงชาร์ล็อตคงจะดีใจมากที่ได้เจอฝ่าบาทนอร่า พวกเธอควรจะได้เฉลิมฉลองวันอันสำคัญของโรซ่าร่วมกันรึเปล่านะ?

มิตรภาพของพวกเธอเป็นดั่งตัวตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาณาจักร มันไม่ใช่แค่การพบกันของเพื่อนสนิทสองคนแต่อย่างใด หากมองในระยะยาว นี่ยังตอกย้ำถึงความปรองดองร่วมกันระหว่างจักรวรรดิเซนต์เมซิทกับเมืองโรซ่าอีกด้วย

รอยยิ้มอันจริงใจปรากฏบนริมฝีปากของบิชอปวัยกลางคน

ขอเทพีเซียอวยพรให้มิตรภาพของพวกเธอยังคงอยู่ตลอดไปด้วยเถอะ!

วันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่วันที่สงบเงียบสำหรับเมืองโรซ่า ภายใต้บรรยากาศอันรื่นเริงของวันประกาศอิสรภาพ ความรื่นเริงของประชาชนก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก บนท้องถนน​ ฝูงชนกำลังดื่มสุราและขับขานร้องเพลงออกมา

นอกจากนี้​ ที่หอประชุมโรซ่า ด้วยที่มีแขกมาเยือนจากแดนไกลโดยไม่คาดฝันเข้ามา ทำให้อารมณ์ของการเฉลิมฉลองสูงขึ้นไปอีก

“ท่านลุงบรูซ ไม่ได้เจอกันนานหลายปีเลยนะคะ โปรดยกโทษให้การมาเยือนโดยกะทันหันของข้าด้วย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก ฝ่าบาท เมืองโรซ่ายินดีต้อนรับ”

“ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นของท่าน ข้านอร่า เซไซต์ ได้มาเยือนที่นี่ในนามของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เพื่ออวยพรแก่อิสรภาพของชาวโรซ่า ขอให้มิตรภาพระหว่างสองอาณาจักรของเราคงอยู่ตลอดไป”

ณ หอสังเกตการณ์ด้านหน้าสุดของห้องจัดเลี้ยง นอร่ากำลังสนทนากับบรูซ

การที่นอร่ามาที่นี่โดยกะทันหันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ฝูงชน แม้แต่ชาร์ล็อตและอลิเซียที่กำลังจมอยู่ในสงครามคำพูดอย่างเป็นมิตร ก็ยังต้องหยุดมอง และตกใจไปกับการมาถึงของเธอ

อย่างไรก็ตาม ด้วยช่วงจังหวะและสถานการณ์ พวกเธอก็เลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากันตรง ๆ แต่สังเกตการณ์อย่างเหมาะสมก่อน

ทันทีที่มาถึงสถานที่จัดงาน สิ่งแรกที่นอร่าทำคือแสดงความเคารพต่อบรูซ โซโรฟยา ผู้จัดงานตามขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อชาวโรซ่าด้วย เด็กสาวจึงโค้งตัวลงคำนับอย่างสง่างามต่อหน้าแขกในห้องจัดเลี้ยงเป็นการทักทาย ทำให้ชาวโรซ่าที่เข้ามาร่วมงานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

นี่คือองค์หญิงที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงใน จักรวรรดิเซนต์เมซิท! ปกติแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะได้พบเธอในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน นับประสาอะไรกับภายนอกจักรวรรดิเซนต์เมซิท เพียงแค่การมาถึงของเธอ​ ทำให้เกิด ‘ปรากฏการณ์การปรากฏตัวของไอดอล’ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ท่ามกลางความโกลาหลนี้ องค์หญิงผมทองก็พบว่าตัวเองมีเวลาเหลือเฟือที่จะเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของตน

ทูตสวรรค์ผู้สง่างามสบตากับไฮเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ที่ปลายอีกด้านของโต๊ะยืน การปะทะกันทางสายตาของพวกเธอทำให้เกิดการไหลเวียนของพลังเวทเบาบางขึ้นไปทั่วบริเวณโดยรอบ

ทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 4 และเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดในลำดับสายเลือดของตน หลังจากการประเมินคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว พวกเธอก็ตระหนักได้ว่าศัตรูของตนมีความเท่าเทียมกันในแง่ของพลัง เมื่อตระหนักว่าตนเองไม่สามารถครอบงำอีกฝ่ายได้ด้วยการปรากฏตัวเพียงอย่างเดียว นอร่าจึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ของเธอ

ริมฝีปากขององค์หญิงยกขึ้น ขณะที่เธอเริ่มเดินไปหาบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งในห้องจัดเลี้ยง

“ท่านลุงคาร์เตอร์ ดูเหมือนว่าท่านจะมาถึงที่นี่ก่อนข้า การเดินทางของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้ากระหม่อม​รู้สึกปลาบปลื้มมากที่ฝ่าบาททรงเป็นห่วง ข้าสามารถจัดการกับศัตรูได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นในแนวหน้า ดังนั้นไม่มีทางที่จะมีอะไรเกิดอะไรขึ้นกับข้าได้ ในสถานที่ที่ปลอดภัยเช่นนี้”

“ช่างน่าโล่งใจจริง ๆ เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องคอยดูแลท่านในขณะที่โรเอลไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นท่านพ่อของข้าคงจะต่อว่าข้าแน่หากท่านเป็นอะไรไปเพราะความประมาทเลินเล่อของข้า”

“ฮ่า ๆๆๆ องค์ชายเคนก็ทรงกังวลเกินไป…”

การสนทนาอย่างจริงใจที่คาร์เตอร์และนอร่ามีร่วมกันท่ามกลางเสียงดนตรีอันไพเราะ ทำให้ใบหน้าของชาร์ล็อตซีดเผือด แก้วไวน์ในมือของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกต่ำต้อยในใจ

ก่อนหน้านี้ชาร์ล็อตสามารถหาเหตุผลปลอบใจตัวเองได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคาร์เตอร์กับอลิเซียนั้นเกิดจากความสัมพันธ์แบบพ่อลูก ทว่ามาร์ควิสคาร์เตอร์กลับทักทายนอร่าอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการแสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจน

มาร์ควิสคาร์เตอร์ไม่ได้มีปัญหากับอลิเซียหรือนอร่า คนเดียวที่เขาต่อต้านคือชาร์ล็อต

การรับรู้นี้กดดันชาร์ล็อตมากขึ้นไปอีก ทำให้การหายใจของเธอหนักขึ้นเล็กน้อย เด็กสาวจิบไวน์อย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้หัวใจที่เซื่องซึมของตนสงบลง

บางทีอาจเป็นเพราะสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ไม่ปกติของลูกสาว บรูซจึงเดินเข้ามาด้วยเช่นกัน ใช้ข้ออ้างว่าต้องการจะจัดระเบียบการให้ทหารผ่านศึกในสงครามจากทั้งสองฝ่ายได้พบปะกัน ลากตัวคาร์เตอร์ออกไปกับเขา ยุติปฏิสัมพันธ์ระหว่างนอร่าและคาร์เตอร์ลง

บรูซชำเลืองมองดูลูกสาวอย่างสุขุมและถอนหายใจยาว ๆ ในใจ

เขาเองก็สังเกตเห็นทัศนคติอันสุภาพแต่ห่างเหินที่คาร์เตอร์มีต่อชาร์ล็อต แต่บรูซก็ไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะโทษโกรธคาร์เตอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับกันแล้ว เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

ผู้นำตระกูลทั้งสองเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปพร้อม ๆ กัน แลกเปลี่ยนบทสนทนาอันรื่นเริง ทำให้นอร่าสบโอกาสเดินกลับไปหาชาร์ล็อต หลังจากโจมตีอีกฝ่ายด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ตนมีกับคาร์เตอร์และหยุดความทะเยอทะยานของเธอได้ ฝีเท้าขององค์หญิงก็เบาลงกว่าเมื่อก่อนมาก

“ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีกภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชาร์ล็อต ต้องบอกเลยว่าเจ้าดูอ่อนวัยกว่าเดิมมาก”

“…”

นอร่าไม่คิดที่จะปกปิดความเป็นศัตรูของตน คำพูดของเธอทำให้ชาร์ล็อตเงียบกริบ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี

มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะชาร์ล็อตได้ปลอมตัวเป็นหญิงชรา เพื่อหลอกลวงนอร่าระหว่างการหลบหนี สำหรับองค์หญิงผู้น่านับถือของจักรวรรดิเซนต์เมซิท การถูกหลอกเช่นนั้นถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง และชาร์ล็อตก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี และเตรียมใจเอาไว้แล้วเช่นกัน

เด็กสาวหลับตาลงเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอปล่อยให้ภาพของโรเอลลอยเข้ามาในความคิดของตนครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง และหวนคืนสู่ตัวตนที่สง่างามตามปกติ

“ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ท่านสามารถเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของพวกเราได้ในคืนนี้ ฝ่าบาทนอร่า ท่านเองก็ดูงดงามในชุดนั้นเช่นกัน”

“แกล้งทำเป็นไม่รู้งั้นรึ? มันผิดที่ความไร้เดียงสาของข้าจริง ๆ ที่ยอมให้เจ้าหลุดรอดไปได้ในตอนนั้น ดีมาก ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหลุดมือไปอีกแน่”

นอร่าหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจากจานของบริกร ก่อนจะจ้องมองไปยังเหล่าฝูงชนในห้องจัดเลี้ยง ราวกับกำลังค้นหาบุคคล จากนั้นก็ถามออกมา

“เขาอยู่ที่ไหน?”

“… ที่คฤหาสน์ของเรา”

“คฤหาสน์ของเรา? เจ้าหมายถึงถ้ำคุมขังลักพาตัวงั้นเหรอ?”

“ฝ่าบาทนอร่า ดูเหมือนว่าท่านกำลังเข้าใจผิด ดิฉันกับโรเอลเป็นคู่หมั้นกัน ทรัพย์สินทั้งหมดของเราอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของร่วมกัน คฤหาสน์ของดิฉันก็ถือเป็นคฤหาสน์ของเขา”

“หา สัญญาหมั้นนั่นน่ะเหรอ? ชาร์ล็อต ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไปจริง ๆ จนถึงตอนนี้ เจ้ายังคิดที่จะพึ่งพากระดาษแผ่นบาง ๆ นั่นอยู่อีกงั้นหรือ?”

“มันคือจุดเริ่มต้นของพวกเรา คำมั่นสัญญาที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ให้ไว้เมื่อร้อยปีก่อน เป็นหลักฐานที่ผูกชะตากรรมของสองเราไว้ด้วยกัน มีเหตุผลอะไรที่ดิฉันไม่ควรจะพึ่งพามันงั้นเหรอ?”

ชาร์ล็อตเผยรอยยิ้มอันสวยงามบนใบหน้า ขณะพูดเกี่ยวกับสัญญาหมั้น ปราศจากร่องรอยแห่งความผิดหวังใด ๆ ไม่ว่านอร่าหรืออลิเซียจะพูดอะไรก็ตาม สัญญาหมั้นอายุร้อยปียังคงเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ตราบใดที่โรเอลยังไม่เปิดเผยความผิดพลาดของชาร์ล็อตที่เคยลั่นประกาศว่าจะเพิกถอนการหมั้นหมาย ทั้งตระกูลแอสคาร์ด และตระกูลเซไซต์ ก็จะยังไม่สามารถลงมืออะไรกับเธอได้ง่าย ๆ

ตราบใดที่โรเอลยอมรับว่าเขาเต็มใจตามชาร์ล็อตกลับมาที่โรซ่า หรืออ้างว่าเขาเป็นคนเสนอความคิดนี้ การกระทำของเธอก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เพียงแค่เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งการคิดไตร่ตรองเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกอย่างถึงยังสงบเป็นปกติในตอนนี้

ความเย็นชาเข้าปกคลุมดวงตาไพลินของนอร่า เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามคำถามออกมาอย่างเงียบ ๆ

“ชาร์ล็อต พวกเจ้าสองคนเข้าไปในมิติห้วงเวลาประวัติศาสตร์ในอดีตด้วยกันใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า ตอบข้ามาสิ… โรเอลได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”