บทที่ 222 ไร้ยางอาย

“เป็นมนุษย์กลายพันธุ์”

เฉินเฉียงที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวต่อหน้ายี่สิบคนนี้

ถึงแม้จะไม่เห็นสีของชั้นพลังงานก็ตาม แต่ดูจากขนาดของปีกแล้วทำให้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น เพราะด้วยขนาดปีกนี้ทำให้พวกเขานั้นรับรู้ว่าคนที่เห็นตรงหน้าต้องเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นเฉินเฉียงปรากฏตัวออกมาคนเดียวแล้ว จากท่าทางหวาดหวั่นก็แปลเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดีแทน

“กัปตัน เจ้านี่น่าจะมาตนเดียว”

กัปตันกองกำลังได้พยักหน้าแล้วพูดออกมา “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ แค่มาเสนอหน้าต่อหน้าพวกเราก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่แล้ว พวกเราจะปล่อยมันไปไม่ได้ ฆ่ามันซะ”

เฉินเฉียงที่เห็นท่าทางของคนทั้งยี่สิบที่เตรียมจะโจมตีเขาก็ได้กระพือปีกพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้าและบินหายไป

ในเมื่อนี่คือกองกำลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับคนพวกนี้อีก

หลังจากนั้นก็ได้ส่งข้อความให้กับจางหยวนและคนอื่นๆ ก่อนที่จะสำรวจต่อไป

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ได้เห็นถ้ำถ้ำหนึ่ง ข้างในนั้นมีสัตว์ประหลาดรวมกันนับร้อยตัว

หลังจากตรวจดูจนมั่นใจแล้ว เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้พบเจอสายแร่แก่นวิญญาณ แม้เท่าที่ดูแล้วมันจะน้อยไปหน่อยก็ตาม

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงและจางหยวนนั้นจะวางแผนในการล่าหัวสายลับ แต่ในเมื่อโอกาสมาถึงตรงหน้า มีหรือที่เขาจะปล่อยไป เขาย่อมต้องใช้มันชุบเลี้ยงกองกำลังของตนในอนาคต

และนี่ทำให้เฉินเฉียงรีบส่งตำแหน่งให้กับจางหยวนในทันที ก่อนที่เขาจะใช้ทักษะไร้ตัวตนซ่อนตัวอยู่แต่ไกล

ไม่นาน จางหยวนและคนอื่นๆก็มาถึง

แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่า กองกำลังมนุษย์ที่เขาตรวจสอบก่อนหน้านี้ได้มาด้วยกัน

“จางหยวน ทำไมไอ้พวกนี้ถึงมาได้กัน”

เฉินเฉียงรีบส่งข้อความถามออกไปในทันที

จางหยวนจึงได้ตอบกลับไป “กัปตัน พวกเราได้ไปพบคนกลุ่มนี้ระหว่างทาง พวกเขานั้นมีจำนวนพอๆกับเรา แถมยังมีนายพลวิญญาณขั้นสูงอีกสิบคน ศิษย์พี่หลู่ฟางจึงได้จึงได้ชวนให้มาร่วมทีม และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ด้วยการที่เป็นความต้องการของศิษย์พี่ใหญ่ของเขา เฉินเฉียงจึงไม่สามารถบ่นอะไรได้อีก

แล้วด้วยในตอนนี้คนของกองกำลังเทียนเว่ยทั้งสิบสองคน บวกเข้ากับคนของกองกำลังองครักษ์ที่เหลืออีกสิบสี่คน รวมเข้ากับกองกำลังของคนพวกนี้อีกยี่สิบเจ็ดคน ทำให้ถือได้ว่ากองกำลังในตอนนี้ค่อนข้างจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้าง

และอาจจะด้วยเหตุผลนี้ก็ได้ที่ทำให้จางหยวนและพวกไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยเมื่อได้เห็นฝูงสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวออกมาจากถ้ำ แถมยังแสดงออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ต้องเป็นเหมืองแก่นวิญญาณแน่ๆ พวกเราต้องได้รับพวกมันมาให้ได้”

หัวหน้าทีมที่เป็นตัวตั้งตัวตีไล่ล่าเฉินเฉียงก่อนหน้านี้ได้มองสัตว์ประหลาดที่ออกมาจากถ้ำพลางหัวเราะดังลั่น

“พี่จางหยวน พวกเรามาร่วมมือกันจัดการมันเสียดีกว่านะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้กัปตันซุนเหลียง” จางหยวนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะให้คนของกองกำลังเทียนเว่ยพุ่งตรงไปหาสัตว์ประหลาดในทันที

สัตว์ประหลาดฝูงนี้มีระดับขุนพลขั้นสูงอยู่เพียงสี่ตนเท่านั้น เมื่อเทียบกับจางหยวนและพวกแล้ว พวกมันก็ยังอ่อนด้อยกว่า

และด้วยการที่สัตว์ประหลาดระดับขุนพลทั้งสี่นี้โดนกองกำลังเทียนเว่ยและกองทหารองครักษ์จัดการ ซึ่งในความจริงแล้ว นี่ สมควรจะเป็นหน้าที่ของพวกซุนเหลียงที่มีความแข็งแกร่งกว่าไม่ใช่รึไงกัน

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เฉินเฉียงก็ได้คาดการณ์อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่จะหายตัวไปในความมืดมิด เฝ้าดูฉากการต่อสู้อย่างเงียบงัน

“พี่น้อง เก็บกวาดสนามรบและแก่นคริสตัลแล้วไปที่เหมืองแก่นวิญญาณกัน”

ด้วยคำสั่งของซุนเหลียงนี้ทำให้ทั้งยี่สิบคนที่ไม่มีท่าทางจะขยับตัวในการต่อสู้สักเท่าไหร่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างสุดความสามารถ

จางหยวนและพวกเองก็ไม่เว้น พวกเขาเริ่มเข้าไปเก็บเกี่ยวสินสงครามที่ได้รับ

“นี่มันของข้า เจ้าไปให้พ้น”

“ของเจ้า ห่าเหวอะไรกัน ฆ่าเป็นคนฆ่ามัน มันก็ย่อมเป็นของข้า”

“เจ้าเนี่ยนะฆ่ามัน ตลกละ เจ้าดูตัวเองบ้างรึเปล่า เจ้าจัดการก็แค่สัตว์ประหลาดระดับขุนพลขั้นสูงแค่สี่ตัวนั่นเพียงเท่านั้น ด้วยผู้หญิงปวกเปียกแบบพวกเจ้าเนี่ยนะ หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากพวกเราแล้วล่ะก็ พวกเจ้าน่าจะถูกพวกมันฆ่าตายไปแล้ว”

“แล้วเจ้ายังมีหน้ามาอยากได้แก่นคริสตัลด้วยกำลังเพียงเท่านี้ เหอะ”

หลังจากจัดการสัตว์ประหลาดแล้วนั้น พวกเขาต่างก็ไม่คิดว่าคนของจางหยวนและหลู่ฟางที่เป็นตัวเปิดจะต้องมาขัดแย้งกับคนของซุนเหลียงเรื่องแก่นคริสตัลแบบนี้

หลู่ฟางได้มองไปที่คนของตนแล้วพูดออกมา “ซูชุย เลิกสู้กันเถอะน่า ปล่อยมันไปเถอะ พวกเราเข้าเหมืองกันดีกว่า”

เมื่อเทียบกับแก่นวิญญาณล้ว แก่นคริสตัลเหล่านี้ไร้ค่านัก เมื่อได้ยินแบบนี้ทำให้นักรบระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางคนหนึ่งที่ชื่อว่าซูชุยมองค้นไปที่ซุนเหลียงก่อนที่จะเดินตามหลู่ฟางเข้าไปยังสายแร่แก่นวิญญาณ

“หยุดเดี๋ยวนี้”

ก่อนที่จางหยวนและหลู่ฟางจะเดินไปด้วยกันนั้น ซุนเหลียงได้ทัดทานขึ้นมา “พี่จางหยวน ถึงแม้พวกเราพึ่งจะฆ่าสัตว์ประหลาดไปก็จริง แต่คงจะเป็นการดีกว่าหากพวกเรานั้นแบ่งแยกการเก็บแก่นวิญญาณพวกนี้ตามจำนวนคนอย่างเท่าเทียบ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ จางหยวนก็แสดงออกมาอย่างเย็นชาในทันที “กัปตันซุนเหลียง เจ้าหมายความว่ายังไง เจ้าลืมไปรึเปล่าว่าพวกเรานั้นเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าคิดว่าเจ้านั้นมีปัญญาหาเหมืองแก่นวิญญาณแห่งนี้พบด้วยความสามารถของตัวเองหรือยังไง”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่ฆ่าสัตว์ประหลาดนั้น พวกข้าก็เป็นฝ่ายลงมือฆ่าพวกมันไปเกินครึ่งด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเราแยกกันทำงานจริง แต่ควรจะแบ่งมันคนละครึ่งด้วยซ้ำ”

“ครึ่ง หึหึหึ”

ซุนเหลียงได้ส่ายหัวไปมาในทันที “ต่อให้ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ข้ากลัวว่าพี่น้องของข้าจะไม่เห็นด้วยนะ”

“พี่ชายจางหยวน หากมองในมุมกำลังรบแล้ว พวกท่านยังไงก็ยังด้อยกว่าพวกเรา และนี่มันก็แสดงให้เห็นออกมาอยู่แล้วว่าผลการต่อสู้นี้เป็นพวกข้าที่เป็นคนนำพาชัยชนะมาให้”

“แล้วสมมติว่าหากพวกเราเจอสายแร่แก่นวิญญาณข้างในอีกสักสายล่ะ แล้วพวกเราจะแบ่งกันยังไง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า กัปตันของพวกเราพูดถูกแล้ว ข้าว่านี่คือสิ่งที่เท่าเทียมและควรทำ”

เมื่อได้ยินคำพูดจากคนของซุนเหลียงที่เห็นด้วยนี้ นี่ทำให้จางหยวนและหลู่ฟางพร้อมคนของพวกเขาโกรธเคือง

“กัปตันหลู่ ครั้งนี้พวกเราเองก็ฆ่าสัตว์ประหลาดไปเหมือนกันแล้วทำไมพวกข้าต้องให้พวกมันด้วยล่ะ เป็นพวกมันที่ทำเกินไปต่างหาก”

“จริงด้วย กัปตันหลู่ หากเป็นอย่างนี้ล่ะก็ กว่าพวกเราจะออกจากเขตแดนจักรพรรดิ พวกเราไม่ใช่ว่าจะต้องออกไปมือเปล่าหรอกเหรอ”

“รึท่านจะให้พวกเราหลังจากออกไปจากที่นี่แล้วรายงานเรื่องนี้”

“ไม่ พวกเราต้องแบ่งกันอย่างเท่าเทียม”

“ใช่ แบ่งเท่าๆกัน”

“เท่ากันเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า” ซุนเหลียงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในทันที ก่อนที่จะชี้ไปที่จางหยวนแล้วตะคอกออกมาอีกครั้ง “ถ้าหากอยากจะแบ่งครึ่งก็ได้ แต่เจ้าต้องแสดงออกมาว่าเจ้าคู่ควรกับมัน”

“เอาอย่างนี้เป็นยังไง ในเมื่อพวกเรานั้นมีจำนวนพอๆกันแล้ว พวกเรามาประลองกันอย่างยุติธรรม หากฝ่ายใดชนะกว่า ก็ยกเหมืองนี้ให้ฝ่ายนั้นไป”

เมื่อจางหยวนได้ยินแล้วก็ระเบิดความโกรธออกมาในทันที “ซุนเหลียง นี่เจ้าคิดจะระเบิดสะพานหลังจากข้ามเสร็จแล้วรึไงกัน”

“พวกเจ้ามีระดับนายพลวิญญาณถึงสิบเอ็ดคน แต่พวกเรามีเพียงสี่ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าต่อสู้อย่างยุติธรรมอีกรึ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ พี่ชายจางหยวน เจ้าเองก็รู้ว่าขาดกำลังรบอยู่นี่นา ถ้างั้นก็เอาเป็นทำตามที่พวกข้าพูดจะไม่ดีกว่ารึไง ไม่อย่างนั้นทางพวกข้านั้นคงอาจจะพลาดพลั้งทำลายความสัมพันธ์ไมตรีจิตของพวกเราลงได้”

“เจ้า…” จางหยวนได้ชี้ไปที่ซุนเหลียงและเตรียมจะปฏิเสธ แต่เป็นตอนนี้ที่เขาได้ยินเสียงของเฉินเฉียงในจิตใจ

-จางหยวน อย่าไปเสียเวลากับไอ้พวกหน้าด้านพวกนี้ มันก็แค่เหมืองเล็กๆเหมืองหนึ่ง พวกเรายังมีเรื่องต้องทำอยู่นะ-