เป็นเรื่องปกติที่หลินหวานจะไม่เข้าใจ เพราะตอนอยู่ที่เทียนหัวสตูดิโอ เธอได้ช่วยทำเกมกระสุนเพชฌฆาต พอย้ายมาที่เถิงต๋า ก็ได้ไปช่วยทำเกมฐานทัพกลางทะเล ทั้งสองเกมเป็นเกมออนไลน์แบบไคลแอนต์[1]

เกมเพลงรบโลหิตเป็นเกมเล่นผ่านเว็บไซต์ พูดได้ว่าเป็นเกมคนละประเภทกับเกมที่เธอเคยรับผิดชอบเลยทีเดียว

เกมเล่นบนเว็บไซต์มีหลักการออกแบบที่เฉพาะตัว ระบบการเล่นของเกมรูปแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นในเกมไคลแอนต์

นอกจากหลินหวานจะไม่เคยค้นคว้าและพัฒนาเกมเล่นผ่านเว็บไซต์แล้ว เธอยังไม่เคยเล่นเกมประเภทนี้ด้วยเพราะไม่ได้สนใจ

ในการประชุมนำโดยเยว่จือโจว พวกเขาใช้คำศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับการพัฒนาเกมเล่นผ่านเว็บไซต์และตัวย่อภาษาอังกฤษ ตอนอธิบายระบบการเล่นก็ใช้คำศัพท์กับตัวย่อที่มีแต่คนที่คุ้นเคยกับกระบวนการผลิตเกมประเภทนี้ที่จะเข้าใจ

ด้วยเหตุนี้ถึงทุกคนจะพูดภาษาจีน แต่หลินหวานก็เข้าใจเนื้อหาการประชุมแค่สามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

พูดง่ายๆ คือเธอฟังออกทุกคำ แต่ไม่เข้าใจความหมายเลยสักนิด

หลินหวานได้แต่จดบันทึกตามเงียบๆ ไม่ถามหรือพยักหน้าเลยแม้แต่น้อย

เธอไม่ยอมพยักหน้าเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่และไม่อยากแสร้งทำเหมือนว่าตัวเองเข้าใจ ส่วนที่ไม่ยอมถามอะไรไปก็เพราะกลัวว่าจะดูโง่และทำให้บอสเผยต้องอับอายขายขี้หน้า

เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินแอบเหลือบมองหลินหวานเป็นพักๆ

พวกเขาเห็นแค่สีหน้าเคร่งเครียดของหลินหวานกับการที่เธอรัวมือจดลงสมุดไม่หยุด ทั้งคู่ไม่สามารถอ่านสีหน้าของเธอได้ จึงไม่รู้เลยว่าเธอคิดเห็นยังไง

ถึงอีกฝ่ายจะดูเด็ก แต่พวกเขาก็ไม่คิดดูถูกเธอ เพราะยังไงคนที่บอสเผยจ้างมาก็มักไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว

ถ้าบอสเผยให้การยอมรับขนาดนี้ แสดงว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ หรือไม่ก็มีศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็ไม่ควรไปทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ

เยว่จือโจวหยุดพูดเป็นช่วงๆ เพื่อให้หลินหวานได้แสดงความคิดเห็น

ถึงบอสเผยจะไม่ได้แก้แบบร่างเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้อำนวยการผลิตจะมีข้อแนะนำอะไรดีๆ หรือเปล่า

แต่หลินหวานกลับนั่งเงียบแล้วจดบันทึกการประชุมต่อ ไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

เยว่จือโจวเริ่มกังขาสิ่งที่ตัวเองทำ

ทำไมบอสเผยกับผู้อำนวยการผลิตถึงไม่มีข้อแนะนำอะไรเลยล่ะ

แบบร่างของฉันสมบูรณ์แบบจริงๆ เหรอ

ไม่น่าใช่

หรือว่าฉันจะประเมินความสามารถตัวเองต่ำเกินไปมาตลอด

ในที่สุดพวกเขาก็คุยกันเรื่องแบบร่างเสร็จ เยว่จือโจวอธิบายตารางงานของโปรเจ็กต์นี้ต่อพร้อมไล่รายการทรัพยากรงานภาพที่จำเป็นสำหรับเกม เขาตั้งงบไว้ที่ประมาณสองล้านหยวนเพื่อใช้ในการทำทรัพยากรงานภาพต่างๆ

จากนั้นเยว่จือโจวก็หันมองหลินหวาน

ผู้อำนวยการผลิตน่าจะมีข้อคิดเห็นบ้างแหละ

ไม่อย่างนั้นจะมาที่นี่ทำไม

หลินหวานสัมผัสได้ว่าทุกคนมองมาเป็นตาเดียว จึงเริ่มลนลานอยู่ในใจ

ทำยังไงดี ขนาดนั่งฟังพวกเขาคุยกันมาทั้งวันยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด!

ถึงจะเข้าใจสักนิดสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงเหมือนเดิม สิ่งที่เข้าใจมีแต่เรื่องพื้นฐาน ถ้ายกเรื่องนี้มาพูดฉันก็ดูโง่สิ

โชคดีที่หลินหวานไม่ได้แสดงอาการลนลานออกไป เธอสามารถยกประเด็นที่คิดว่าบอสเผยน่าจะไม่ชอบใจขึ้นมาพูดได้

“ประเด็นอื่นๆ หนูไม่ติดอะไรเป็นพิเศษค่ะ

“มีปัญหาเดียวคือเรื่องงบประมาณ เท่าที่หนูรู้จักบอสเผย หนูคิดว่าบอสไม่น่าจะอนุมัติ”

เยว่จือโจวเริ่มเป็นกังวล งบเท่านี้ไม่ผ่านจริงๆ ด้วย!

ตั้งงบสองล้านหยวนให้เกมเล่นบนเว็บดูเว่อร์เกินไปจริงๆ แหละ

ค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและพัฒนาเกมเล่นบนเว็บนั้นไม่ได้มากอะไร งบส่วนใหญ่จะไปลงกับการทำการตลาด เช่น ซื้อแบนเนอร์โฆษณาบนเว็บเพจที่จ่ายเงินตามจำนวนการคลิก จ้างคนดัง และอื่นๆ

ซึ่งจะเลือกจากกลุ่มผู้เล่นเป้าหมายของเกมเล่นบนเว็บ

เกมเล่นผ่านเว็บส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่พนักงานออฟฟิศและผู้เล่นสายวาฬ คนกลุ่มนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเรื่องกราฟิก ส่วนใหญ่มักจะแอบเล่นกันตอนทำงาน ไม่ต้องการเล่นเกมซับซ้อนเกินไปจนต้องเสียเวลามานั่งคิด

คนกลุ่มนี้สนเรื่องการเติมเงินไปไล่ฆ่าคนอื่นด้วยการคลิกเมาส์มากกว่า

นอกจากนั้นแล้วคนกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อสูง ดังนั้นจึงควรแบ่งงบค้นคว้าและพัฒนามาเป็นงบทำการตลาดมากกว่า เพื่อที่จะได้เพิ่มรายได้ให้ได้มากที่สุด

แต่พอเยว่จือโจวคำนวณงบดูแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำตามแบบแผน

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้บอสเผยอนุมัติได้ เกมนี้มีคำว่า ‘เวอร์ชันอัปเกรด’ ติดสอยห้อยท้ายมา เขาจะปล่อยให้กราฟิกเกมนี้แย่เหมือนเกมเล่นบนเว็บเกมอื่นๆ ไม่ได้

งานภาพต้องเอาเป็นคุณภาพ HD แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนระบบการเล่นก็ต้องพัฒนาให้สมบูรณ์แบบที่สุด

พอเอาองค์ประกอบเล็กน้อยเหล่านี้มารวมกันก็ต้องการงบประมาณถึงสองล้านหยวน เยว่จือโจวคุยกับหวังเสี่ยวปินก่อนหน้านี้แล้วและอีกฝ่ายก็เห็นด้วยกับงบประมาณนี้

แต่กลับยังเยอะไปอยู่อีกเหรอ

เยว่จือโจวหันมองหลินหวานอย่างเกรงกลัว เขาคิดว่าอย่างมากน่าจะลดงบประมาณลงไปได้สักสามถึงสี่แสนหยวน ให้ลดไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

หลินหวานพูดต่อ “หนูว่า…บอสเผยน่าจะอนุมัติโปรเจ็กต์นี้ถ้าวางงบไว้อย่างน้อยสี่ล้านหยวน

“ไม่สิ เพิ่มเป็นห้าล้านหยวนไปเลย บอสเผยจะได้ไม่ต้องแก้กลับมา ถ้าวางไว้เท่านี้ก็ไม่ต้องแก้อะไรอีกแน่นอนค่ะ”

ทุกครั้งที่ประเมินงบประมาณใหม่ พวกเขาต้องแก้รายการทรัพยากรและแผนงานต่างๆ ต้องเปลี่ยนนักวาดกับแผนงานใหม่หมด

การเพิ่มงบประมาณจากสองล้านขึ้นไปเป็นสามถึงสี่ล้านหยวนนั้นเท่ากับเกือบหนึ่งเท่าจากเดิม ซึ่งก็หมายความว่าต้องแก้แผนใหม่หมดตั้งแต่ต้น เพราะต้องเปลี่ยนอะไรเยอะมาก ไม่ใช่แค่หานักวาดใหม่เท่านั้น

ดังนั้นหลินหวานจึงช่วยบอกให้พวกเขาตั้งงบสูงไปเลยตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำงบไปแล้วโดนบอสเผยส่งกลับมาให้แก้

ทุกคนอึ้งไป

เยว่จือโจวเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาด

สองล้านหยวนน้อยไป ให้เพิ่มเป็นห้าล้านหยวนอย่างนั้นเหรอ

มากกว่างบเดิมเกือบสองเท่าเลยนะ

แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของหลินหวาน เขาก็ตระหนักว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เป็นข้อแนะนำจริงๆ

เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินหันมองกัน ก่อนที่เยว่จือโจวจะถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ห้าล้านหยวนดูเยอะไปหน่อยนะครับ…

“จริงๆ แล้วเราไม่ต้องการเงินเยอะขนาดนั้น แค่สองล้านหยวนก็พอ พอครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างจริงๆ”

หลินหวานส่ายหน้า “สำหรับคุณอาจจะพอ แต่สำหรับบอสเผยถือว่ายังห่างไกลจากคำว่าพออยู่มากเลยค่ะ คุณไม่รู้หรอกว่าบอสเผยเป็นคนลงรายละเอียดมากขนาดไหน แต่เชื่อหนูแล้วเพิ่มงบเป็นห้าล้านเถอะค่ะ”

หลินหวานได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นเยว่จือโจวก้มหน้าแก้แบบร่างด้วยความงุนงง

“ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมบอสเผยถึงส่งฉันมาที่นี่!

“นอกจากมาเรียนรู้เรื่องการออกแบบและพัฒนาเกมรูปแบบนี้แล้ว ฉันยังมีหน้าที่พาจิตวิญญาณของเถิงต๋ามาสู่บริษัทนี้ด้วย!

“เยว่จือโจวระมัดระวังเรื่องการตั้งงบประมาณเหมือนลู่หมิงเหลียงเลย

“บอสเผยยุ่งมาก มีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะ คงไม่มีเวลามาจัดการนิสัยแย่ๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง ก็เลยส่งฉันมาแทน ส่วนหนึ่งเป็นโอกาสให้ฉันได้ฝึกฝีมือ อีกส่วนก็ให้ฉันจัดการนิสัยแย่ๆ ของคนพวกนี้แทน!

“ดังนั้นฉันต้องเน้นเปลี่ยนวิธีคิดของพวกเขาให้ใช้วิธีคิดแบบเถิงต๋า

“บอสเผยไม่ได้โกหกฉัน งานนี้สำคัญมากจริงๆ ด้วย”

เยว่จือโจวรีบแก้งบโดยที่คิ้วขมวดเป็นปม

“แต่…ถ้าเพิ่มงบเป็นห้าล้าน เราจะเจอปัญหาอีกอย่างนะครับ

“ที่พวกเรากำลังพัฒนาเป็นแค่เกมเล่นบนเว็บ ถึงเราจะใช้ทรัพยากรคุณภาพ HD กับจ้างนักวาดฝีมือดีมาช่วยออกแบบคอนเซ็ปต์ เราก็ไม่น่าจะใช้เงินหมดนี่ได้…

“แถมตอนนี้เรายังใช้ซอฟต์แวร์พัฒนาเกมสองมิติของแพลตฟอร์มเกมทางการอยู่ ซึ่งไม่ได้สนับสนุนกราฟิกคุณภาพ HD ได้ดีขนาดนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก

“พูดง่ายๆ คือ…ถึงจ่ายแพงขึ้นแต่คุณภาพก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม”

หลินหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาเกมมาเป็นภาพสามมิติแทน”

เยว่จือโจวอึ้งไป “ถ้าเปลี่ยนไปเป็นภาพแบบสามมิติ… เราก็ทำเป็นเกมเล่นบนเว็บไม่ได้อีก เพราะต้องโหลดทรัพยากรงานภาพหนักมาก ความเร็วในยุคปัจจุบันจะโหลดทรัพยากรพวกนี้ได้ช้ามากๆ”

เกมเล่นบนเว็บต้องพร้อมเปิดขึ้นเล่นได้เลย ทรัพยากรงานภาพทั้งหมดต้องโหลดเสร็จทันที

ความเร็วอินเทอร์เน็ตจำกัดอะไรหลายๆ อย่าง พวกเขาไม่สามารถใช้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่เกินไปได้เพราะจะทำให้เกมดาวน์โหลดช้า ถ้าผู้เล่นเดินเข้าไปในจุดหนึ่งแล้วฉากหลังไม่ปรากฏขึ้นสักทีคงจะแปลกน่าดู

นี่เป็นเหตุผลที่หลินหวานเจอคำว่า ‘กำลังดาวน์โหลดทรัพยากร’ เด้งขึ้นมาบ่อยๆ ตอนเล่นเกมเพลงรบโลหิต

หลังจากคุยกันอยู่นานก็ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้สักที

หลินหวานรู้ว่าบอสเผยต้องไม่อนุมัติแน่ถ้าตั้งงบไปแค่สองล้านหยวน แต่การทำเกมเล่นบนเว็บไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้น ถึงจะเพิ่มงบเป็นห้าล้านหยวน แต่ก็ไม่มีจุดให้ใช้จ่ายเงินเพิ่มอยู่ดี

เว้นเสียแต่จะพัฒนาเกมใหม่เป็นเกมแบบไคลแอนต์แทนเกมแบบเล่นบนเว็บ ให้ผู้เล่นดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดมาติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ก่อนเพื่อเล่น

แต่ถ้าทำตามนี้…

ก็จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบเกมไปเลย เท่ากับเปลี่ยนแบบร่างที่ทำมาทั้งหมดไม่ใช่เหรอ

หวังเสี่ยวปินกระแอมกระไอ “อะแฮ่ม ผมว่าเราลองทำเป็นเกมแบบมินิไคลแอนต์ได้ถ้าอยากใช้ทรัพยากรงานภาพแบบ HD กับทำกราฟิกเป็นแบบสามมิติ

“เกมแบบมินิไคลแอนต์คือแบบนี้ครับ

“เทียบกับเกมแบบไคลแอนต์แล้ว ผู้เล่นต้องดาวน์โหลดข้อมูลเกมน้อยกว่า ไม่ต้องใช้สเป็กคอมพิวเตอร์สูงมาก แต่ถ้าเอาไปเทียบกับเกมแบบเล่นบนเว็บแล้ว กราฟิกจะดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“แน่นอนว่าก็มีโอกาสที่จะไปไม่รอด เราต้องรับความเสี่ยงสูงมาก”

[1] เกมไคลแอนต์คือเกมที่ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งเกมลงเครื่องเพื่อเล่น