มังกรยักษ์นั้นก็ผงะไป ราวกับไม่เชื่อว่าตนเองจะทำลายข่ายพลังนี้ไม่ได้ หลังจากถูกดีดออกไประยะหนึ่งถึงตั้งสติกลับมา เขาประคองร่างมังกรเอาไว้ สีหน้าโกรธเคือง ครานี้ไม่เพียงแต่ลมดาบ เขาพุ่งพลังเทพจำนวนมหาศาลออกมาด้วย
จากนั้น…ถูกดีดออกไปอีกครั้ง!
มังกรยักษ์ “…”
เป็นไปไม่ได้!
มันเบิกตาโพลง ก่อนจะใช้พลังเทพทั้งตัวโจมตีข่ายพลัง ตอนแรกเพียงแค่กระแทก ต่อมาใช้กรงเล็บ สุดท้ายแม้แต่ฟันก็ใช้ขึ้นมา เขาเกาะอยู่บนข่ายพลัง ก่อนจะลงปากแทะอย่างไม่สนใจภาพพจน์ คิดจะใช้ฟันมังกรกัดแสงสีขาวของข่ายพลังให้ขาด
อย่าว่าแต่ข่ายพลังจะพังทลาย แม้แต่สั่นยังไม่สั่น รอยฟันก็ไม่ทิ้งไว้
เหล่าเจ้าสำนัก “…”
เหล่าลูกศิษย์ “…”
พวกเขาไม่รู้ควรจะเริ่มพูดตั้งแต่ตรงไหนก่อนดี
-_-|||
ดูเหมือนมังกรยักษ์ไม่เพียงหยิ่งยโส สมองก็เหมือนจะมีปัญหา!
มองดูมังกรยักษ์ที่ข่มขู่ว่าจะทำลายล้างโลกมนุษย์วุ่นวายอยู่ครึ่งวัน แม้แต่ข่ายพลังคุ้มครองภูผายังทำลายไม่ได้ ทุกคนต่างหันไปมองคนที่ทำหน้าเคร่งขรึมพร้อมกัน
พวกเขารู้ว่าอาจารย์อวิ๋นปรับข่ายพลังคุ้มครองภูผา แต่ไม่ได้บอกว่าปรับให้แน่นหนาขนาดนี้ บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่ผ่อนคลายลงในทันที
“อาจารย์อวิ๋น...” เจ้าสำนักสวีที่เรียกอาวุธออกมาเตรียมรบนั้นถามขึ้น เมื่อไม่เห็นศัตรูลงมาเสียที “ท่านเป็นคนวางข่ายพลัง ท่านว่ามังกรยักษ์นี้จะทำลายข่ายพลังได้หรือไม่”
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
“อะไรนะ!” ทุกคนต่างตกตะลึง ก่อนจะตั้งสติขึ้นอีกครั้ง ไม่อาจดูถูกคนจากสวรรค์ได้เสียจริง ดังนั้นพวกเขาจึงกำอาวุธในมือแน่น “เขาต้องใช้เวลานานเท่าไร พวกเราออกไปรับคำท้าเองดีหรือไม่” จากสถานการณ์เมื่อครู่ การต่อสู้ครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
“อืม จากความสามารถของมังกรยักษ์นี้…” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ราวกับกำลังคำนวณ ก่อนจะพูดขึ้น “สองปี!” หากเขากระแทกได้ตลอด
ทุกคนที่ตั้งสติเมื่อกี้ “…”
สองปี!
( ̄△ ̄;)
ท่านกำลังล้อข้าเล่น นั่นเรียกว่าทำลายข่ายพลังหรือ นั่นเรียกว่าขัดข่ายพลังแล้ว!
ในระหว่างพูดคุย เสียงแทะที่ดังมาจากด้านบนก็หยุดชะงักลง มังกรยักษ์นั้นเหมือนตั้งสติได้ เขาไม่โจมตีข่ายพลังของสำนักเทียนซืออีก แต่กลับบินไปทางขวา พุ่งตรงไปโจมตีเมืองเสวียน
“แย่แล้ว! เขาจะลงมือกับคนธรรมดา!” เจ้าสำนักสวีตะลึง มองไปยังทิศทางการโจมตีอย่างเหลือเชื่อ
ในเวลาต่อมา เห็นเพียงแต่สายฟ้าหลายสายพุ่งตรงไปยังเมืองเสวียนด้านล่าง แม้ว่าข่ายพลังคุ้มครองภูผาจะครอบคลุมเมืองเสวียนและสำนักเทียนซือเอาไว้ แต่ไม่รวมพื้นที่รอบด้าน!
ทันทีที่สายฟ้าผ่าลงมา ส่วนใหญ่ถูกข่ายพลังต้านทานเอาไว้ แต่บางส่วนยังคงตกลงนอกเมืองเสวียน หลังจากเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น พื้นดินบริเวณนอกเมืองก็ปรากฏหลุมขนาดใหญ่มากมาย บ้านพักหลายหลังที่กระจัดกระจายถูกผ่าจนแหลกละเอียด อีกทั้งยังได้ยินเสียงกรีดร้องลอยมา!
ทุกคนต่างตกตะลึง ทันใดนั้นความโกรธเคืองอย่างมากผุดขึ้นในใจ มังกรยักษ์ตัวนี้ต้องการใช้ชาวบ้านบีบบังคับพวกเขาออกไป
“ท่านอาวุโสเฉิน นำลูกศิษย์ส่วนหนึ่งลงเขาไปทางข่ายพลังด้านหลัง ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกฟ้าผ่า!” เจ้าสำนักสวีสั่งการ
ท่านอาวุโสเฉินพยักหน้า ก่อนจะนำเหล่าลูกศิษย์มุ่งไปทางหลังเขา
“ท่านเป็นเทพโลกบน แต่กลับทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้!” เหล่าเจ้าสำนักคนอื่นต่างโกรธจนตัวสั่น พวกเขากำดาบในมือแน่น “คิดว่าเสวียนเหมินไม่กล้าสู้กับเขาหรือ”
พูดพลางติดยันต์ตามวายุให้ตนเอง คิดจะบินออกไปรับมือ แม้แต่เหล่าลูกศิษย์ต่างก็กำอาวุธในมือแน่น ท่าทางอยากจะพุ่งออกต่อสู้กับอีกฝ่าย
“เดี๋ยว! อย่าวู่วาม” อวิ๋นเจี่ยวพูด นางกวาดตามองทุกคน “อีกฝ่ายแค่ตัวเดียว ไม่ต้องใช้คนมากขนาดนั้น ชายแก่ ท่านและเจ้าสำนักสวี แล้วก็นายท่านตระกูลถังไปก็พอ”
ทั้งสามคนผงะ มองหน้ากันสักพัก “พวกเราสามคน!?”
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “อีกเดี๋ยวเผชิญหน้า ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับมัน พยายามชักนำไปบริเวณนั้นก็พอ” นางชี้นิ้วไปยังด้านบนของสำนักเทียนซือ “เขาเป็นพ่อลูกกับมังกรน้ำร้ายกาจนั้น คงจะเป็นมังกรหินเหมือนกัน พวกท่านใช้คาถาเสวียนซินท่าที่หก หรือว่าใช้คาถาที่เป็นธาตุไม้จะกำราบเขาได้”
“ได้!” จากความเชื่อใจของอาจารย์อวิ๋น ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างไม่คิด เมื่อเห็นมังกรยักษ์นั้นจะโจมตีชาวบ้านนอกเมืองเสวียนอีกครั้ง พวกเขาทั้งสามจึงหยิบอาวุธพร้อมติดยันต์ตามวายุ ลอยขึ้นกลางอากาศมุ่งตรงไปยังทิศทางของมังกรยักษ์
อวิ๋นเจี่ยวหันมามองเจียวเหิงอี “หัวหน้าห้องเจียว ท่านมาช่วยข้า” พูดจบ ก็เดินไปยังทิศทางของตำหนักใหญ่
“ได้” ท่านอาวุโสเจียวผงะ ก่อนจะเดินตามขึ้นไป “อาจารย์อวิ๋น พวกเราจะไปที่ใด”
“ไปตาข่ายพลัง”
ตาข่ายพลังอะไร ตาข่ายพลังของข่ายพลังคุ้มครองภูผาหรือ ไปที่นั่นทำไม
หัวหน้าห้องเจียวฉงนอย่างมาก แต่ก็เดินตามนางเข้ามาในตำหนักใหญ่ ตาข่ายพลังของข่ายพลังคุ้มครองภูผาอยู่ภายในตำหนักใหญ่ ในเวลานี้ภายในตำหนักใหญ่เต็มไปด้วยแสงข่ายพลัง
อวิ๋นเจี่ยวเดินตรงไปยังใจกลางของตาข่ายพลัง ก่อนจะเปิดตาข่ายพลังออก
“อาจารย์จะถอนตาข่ายพลังของข่ายพลังคุ้มครองภูผาหรือ” เขาถาม
“ไม่ใช่”
“เช่นนั้นคือ…” เปิดตาข่ายพลังไม่ได้เพื่อปิดข่ายพลังหรือ
“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าวางข่ายพลัง มีเสริมข่ายพลังขนาดเล็กเข้าไป น่าจะได้ใช้พอดี”
“ข่ายพลังเสริมอะไร” ข่ายพลังคุ้มครองภูผาเป็นข่ายพลังทับซ้อนหลายสิบชั้นไม่ใช่หรือ ดูจากข่ายพลังมากมายกลางอากาศก็รู้ ตอนนี้ท่านพูดถึงอันไหน
อวิ๋นเจี่ยวตอบ “ข่ายพลังย้อนกลับ!”
“ข่าย…ข่ายพลังย้อนกลับ!!” หัวหน้าห้องเจียวเข่าอ่อนจนแทบจะคุกเข่าลงไป เขาเบิกตาโตพร้อมกับอุทานออกมาเสียงดัง ข่ายพลังเช่นนั้นท่านเสริมเข้าไปได้อย่างไรกัน
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพลางปรับข่ายพลัง พลางพูด “ตำหนักใหญ่มองข้างนอกไม่เห็น ท่านไปดูหน้าประตูให้ข้า รอมังกรยักษ์นั้นถึงด้านบนของตำหนักใหญ่แล้วบอกข้า”
“อา…อ่อ!” หัวหน้าห้องเจียวเดินออกไปนอกประตูด้วยท่าทางไร้สติ
ทางชายแก่ทั้งสามเผชิญหน้าเข้ากับมังกรยักษ์แล้ว พวกเขาไม่เกรงใจอะไรต่อมังกรยักษ์ คาถาสามอันพุ่งโจมตีเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นผนึกสีทองโจมตีเข้าหัวขนาดใหญ่ของมังกรโดยตรง
“มังกรร้าย! อย่าได้ทำร้ายคน!” เจ้าสำนักสวีตะโกน
มังกรที่กำลังจะเรียกสายฟ้าออกมาถูกโจมตีเข้าอย่างจัง เพียงแต่ผนึกที่มีอนุภาพเกรียงไกรนั้นกลับทิ้งร่องรอยบนตัวของมังกรยักษ์ไม่ได้แม้แต่น้อย เพียงแต่ทำให้หัวของมังกรเอนเอียงไป ยับยั้งสายฟ้าที่อีกฝ่ายกำลังจะส่งออกมา
“ฮึ เหล่ามดต่ำต้อย ยอมออกมาแล้วหรือ” มังกรยักษ์นั้นหันหัวมาทันที ดวงตาจ้องมองไปยังสามคนตรงหน้าราวกับกำลังมองคนตาย “ข้าจะส่งพวกเจ้าไปอยู่กับลูกข้าเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ เขาก็เคลื่อนตัวพุ่งมายังคนทั้งสาม คนทั้งสามรู้สึกถึงพลังอำนาจที่กดทับลงมา ทันใดนั้นร่างกายแข็งทื่อ ร่างกายที่อาศัยยันต์ลอยขึ้นมานั้นร่วงลงไปเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะพุ่งเข้ามา
ไป๋อวี้รีบหยิบยันต์ออกมาแปะไว้บนตัวทั้งสองคนทันที ก่อนจะพูดขึ้น “เข้าข่ายพลัง!” จากนั้นเขาถอยหลังไปหลายก้าว กลับเข้าสู่ข่ายพลังคุ้มครองภูผาทันที อีกสองคนก็เช่นกัน ทันทีที่เข้าไปในข่ายพลัง พลังอำนาจนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย