ตอนที่ 25 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า
เมื่อชายชราสาปแช่งเสร็จ ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียว ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณลานบ้าน และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่หยุนเชวี่ย
หยุนเชวี่ยแสดงท่าทางไร้เดียงสาราวกับจะบอกว่า ‘เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า’
ด้านหยุนลี่เต๋อกับแม่นางเหลียน คนหนึ่งถือจอบ อีกคนหนึ่งถือมูลสัตว์เดินก้าวเข้ามาในธรณีประตู
“ท่านพ่อ กลับมาแล้ว” ลูกชายผู้ต่ำต้อยกล่าวคำทักทายด้วยใบหน้าเรียบง่าย ไร้เล่ห์เหลี่ยม พร้อมกับยิ้มออกมา
แม่นางเหลียนตระหนักว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบก้มศีรษะลงและเดินไปหาหยุนเชวี่ยกับเสี่ยวอู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงพวกเขาเข้าไปในห้องทางปีกตะวันตกและปิดประตู
ชายชราขยับริมฝีปาก แต่ก็ไม่กล่าววาจาใดออกมา นอกจากจ้องมองไปที่หยุนลี่เต๋อ
“ท่านพ่อ… ?”
“หึๆ” หยุนชิ่วเอ๋อหัวเราะเยาะ “พี่รอง หากท่านยังจำได้ว่านี่คือท่านพ่อของพวกเรา ก็เพียงแค่ลากนังเด็กเหลือขอนั่นมาให้ข้าสั่งสอน!”
“นังเด็กสารเลวนั่นไม่สมควรอยู่ที่นี่ ข้าบอกแล้วว่าให้ขายนาง ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราจะวุ่นวายเช่นนี้หรือ?” หยุนลี่เซี่ยวกระทืบเท้าตะโกนออกมา
หยุนลี่เต๋อยังคงงุนงง “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? ตัวล้างผลาญ ท่านติดหนี้พนันจนจะลากพวกเราไปอดตายด้วยอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หยุนลี่เซี่ยวสบโอกาสนี้แสดงตนเป็นอันธพาล ยกแขนกอดอกแล้วเบ้ปาก “ท่านพ่อ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ให้พี่รองทำงานทั้งหมดในทุ่งนา เขาสมควรที่จะเป็นวัวเป็นม้าเพื่อชดใช้ให้แก่พวกเรา! ”
“เจ้าสาม หุบปาก!” ชายชราตบหน้าหยุนลี่เซี่ยวด้วยความโมโห “ข้าเคยบอกแล้ว ไม่ว่าใครก็ตาม หากยังพูดถึงเรื่องนี้อีก ก็ออกไปจากตระกูลหยุนซะ!”
หยุนลี่เซี่ยวตกตะลึงที่ถูกชายชราทุบตี ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ ก่อนจะยิ้มเยาะ “ได้! ได้! ท่านปกป้องเขา ปกป้องพี่ใหญ่ มีเพียงข้าที่ถูกรังแก!”
“โครม!” เสียงประตูบ้านกระแทกอย่างรุนแรง
“ท่านพ่อ…”
หยุนลี่เต๋ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายชราไม่ได้มองมาที่เขา ก่อนจะหันหลังไปแล้วโบกมือ “แยกย้ายกันได้แล้ว ชิ่วเอ๋อกลับเข้าบ้าน!”
ในห้องทางปีกตะวันตก
หยุนเชวี่ยและเสี่ยวอู่ยืนเคียงข้างกัน แม่นางเหลียนนั่งลงที่ขอบเตียงและมองดูลูกสาวคนที่สองของนางอย่างเป็นกังวล
“ท่านแม่ อย่าโกรธเลย ดื่มน้ำก่อนเถิด” หยุนเยี่ยนขยิบตาให้น้องสาว
“เป็นหยุนชิ่วเอ๋อที่รังแกพี่สาวก่อน เหตุใดพี่สาวข้าต้องซักเสื้อผ้าให้นางด้วย?” หยุนเชวี่ยร้องขอความเป็นธรรม แก้มของนางพองลมจนป่องออกมา “ลุงใหญ่ยังไม่ได้เป็นขุนนางเลยด้วยซ้ำ วางท่าราวกับเป็นคุณหนูเสียแล้ว…”
“ท่านแม่!” หยุนเยี่ยนรีบหยุดน้องสาวและดึงนางกลับไป “เชวี่ยเอ๋อทำไปเพราะปกป้องข้า นางจึงเผชิญหน้ากับท่านอาชิ่วเอ๋อ…”
“พี่สาว ให้ข้าพูดให้จบ!”
เมื่อเห็นหยุนลี่เต๋อเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าน่าเกลียด หยุนเชวี่ยก็หาได้หวาดกลัว แต่ยิ่งกล่าวเสียงดังขึ้น “หยุนชิ่วเอ๋อเป็นลูกสาวของท่านปู่กับท่านย่า พวกเราก็เป็นลูกสาวของท่านพ่อกับท่านแม่ ล้วนเป็นลูกสาวเหมือนกัน!”
หลังจากหยุดพูด นางก็หันไปหาหยุนลี่เต๋อ “ท่านพ่อบอกข้าที เหตุใดหยุนชิ่วเอ๋อถึงสามารถทุบตี ด่าทอ หรือแม้แต่เรียกใช้พวกข้าได้ตามที่นางต้องการ?”
หยุนลี่เต๋อ…
ดวงตาที่ฉายแววดื้อรั้นและเจ็บปวดของหยุนเชวี่ย ทำให้ชายอกสามศอกผู้นี้รู้สึกอึดอัดในใจ
“ท่านปู ท่านย่าต่างปกป้องหยุนชิ่วเอ๋อ เหตุใดท่านพ่อกับท่านแม่ถึงไม่ปกป้องพวกข้าบ้าง?” นางเบะปาก ก้มหน้าลงสูดจมูกอย่างแรง ฉับพลันน้ำตาสองหยดก็ถูกบีบให้ไหลออกมาทันที
เชื้อไฟกำลังได้ที่ ต้องเพิ่มอารมณ์และความรู้สึกเข้าไปอีก คล้ายกับการเคี่ยวน้ำแกงหม้อเล็ก ต้องเคี่ยวช้า ๆ ด้วยไฟอ่อน ๆ และเติมเกลือเล็กน้อยในตอนสุดท้าย เพียงเท่านี้ก็จะได้รสชาติที่ถึงแก่นแท้
เมื่อหยุนเชวี่ยร้องไห้ น้ำตาของท่านแม่ผู้เป็นที่รักก็พรั่งพรูออกมา “แม่ไม่โกรธเจ้า แม่เพียงแต่เป็นห่วง! หากเจ้าไปยั่วยุอารมณ์ของหยุนชิ่วเอ๋อ แม่กลัวว่าเจ้าจะต้องทุกข์ทรมาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะแม่ที่ไร้ประโยชน์…”
นางเหลียนร้องไห้ไม่หยุด พร้อมกับดึงหยุนเชวี่ยเข้าสู่อ้อมแขน น้ำตาของนางราวกับสายฝนโปรยปรายลงมา จนเสื้อคลุมด้านหลังของหยุนเชวี่ยเปียกชุ่มไปหมด
ส่วนหยุนลี่เต๋อผู้ไร้ค่าได้แต่ยืนบื้อใบ้อยู่ข้าง ๆ เขาเกาหัวอย่างกังวลใจ ปากอยากจะกล่าววาจาปลอบโยนอยู่หลายครา แต่ก็ทำได้เพียงลังเล
ในที่สุด หลังจากเสียงสะอื้นเริ่มแผ่วเบา ท่านแม่ผู้เป็นที่รักก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับดึงแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา “หิวหรือยัง แม่จะไปทำอาหารให้กิน”
ทันทีที่ยืนขึ้น ก็นึกได้ว่าที่บ้านไม่มีแม้แต่หม้อ น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วกลับไหลรินลงมาอีกครั้ง
“เพียงแค่อยากอยู่อย่างสงบ เหตุใดถึงยากเย็นนัก…”
“อย่าร้องไห้เลย ดื่มน้ำก่อนเถิด” หยุนลี่เต๋อตัวสูงหุ่นล่ำ ยืนเคียงข้างแม่นางเหลียนผู้บอบบาง มองดูแล้วคล้ายหมีตัวใหญ่
แม่นางเหลียนร้องไห้ราวกับดอกหลี่ต้องฝน ดวงตาที่กลมเหมือนเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง “ดื่มน้ำเย็นแล้วช่วยทำให้อิ่มท้องได้หรือ?!”
หยุนลี่เต๋อลูบมือนาง เกลี้ยกล่อมอย่างอารมณ์ดี “อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าและลูกต้องทนหิว…”
ฟ้ายังไม่มืด กลิ่นอาหารโชยมาจากห้องครัวชั้นบนของบ้าน เสียงด่าทอสาปแช่งของแม่เฒ่าจู ยังคงดังขึ้นพร้อมกับอาหารสามมื้อต่อวัน
หยุนลี่เต๋อหยิบมีดและท่อนไม้ ก่อนจะพาภรรยากับลูก ๆ เดินออกไป
“ท่านพ่อ พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือ?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถาม
“ไปริมแม่น้ำ” เขาก้าวไปข้างหน้า “พ่อจะจับปลามาย่างให้พวกเจ้ากิน”
“ท่านพ่อ แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไร?” หยุนเชวี่ยจูงเสี่ยวอู่เดินตามรั้งท้าย มองแผ่นหลังที่แข็งแกร่งด้วยความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคนที่จิตใจดีเกิดมาพร้อมกับจิตใจที่แข็งแกร่งด้วยหรือไม่ เมื่อเห็นว่าครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้ ก็ยังไม่ร้อนรนหรือโกรธเคืองอะไร
“พรุ่งนี้พ่อจะตื่นแต่เช้า หลังจากเสร็จงานแล้วค่อยขึ้นไปหลังภูเขา”
หนึ่งครอบครัวเดินเลาะเลียบไปตามริมแม่น้ำ เมื่อเจอพื้นที่เปิดโล่ง หยุนลี่เต๋อก็หยุดมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะโบกมือ “พวกเจ้าทั้งสามไปเก็บฟืนแห้งมา”
แม้ท่านพ่อผู้ต่ำต้อยของนางจะเป็นคนซื่อบื้อ แต่เขาก็นับว่ามีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ทั่วทั้งหมู่บ้านไป๋ซีแห่งนี้ หยุนเชวี่ยยังไม่เคยเห็นใครทำงานได้รวดเร็วกว่าเขา
เมื่อสามพี่น้องเก็บฟืนกลับมา เขากำลังทำความสะอาดปลาสองตัวขนาดเท่าฝ่ามือ เขาหยิบมีดและท่อนไม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหลาปลายไม้อีกด้านและแบ่งเป็นสองสามซีก ก่อนจะยื่นให้ภรรยา
หยุนเยี่ยนจุดไฟใส่หญ้าแห้งเพื่อก่อกองไฟ เมื่อเป่าลมแรง ๆ สองสามทีเปลวเพลิงก็ลุกโชติช่วง
จากนั้นไม่นานกลิ่นหอมของปลาย่างก็ฟุ้งกระจายออกมา
“เชวี่ยเอ๋อ วันนี้ตอนเข้าเมืองเจ้าได้ไปรบกวนป้าเหอหรือไม่?” แม่นางเหลียนเอ่ยถาม
“ไม่เลย พี่สาวเซียงเอ๋อกำลังจะแต่งงาน ท่านป้าต้องซื้อของเยอะมาก ข้าเลยช่วยถือ” หยุนเชวี่ยพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าใบเล็กออกจากแขนเสื้อของนาง “ท่านแม่ ข้าไม่ได้ใช้เงิน”
“แม่ให้เจ้าแล้ว เหตุใดไม่เอาไปซื้อขนมกินให้หายหิว?”
“ตอนเที่ยงป้าเหอพาข้าไปกินซาลาเปากับเต้าฮวย แค่นั้นก็อิ่มแล้ว”
ไม่ใช่ว่าหยุนเชวี่ยไม่อยากใช้เงิน แต่ครอบครัวยังยากจนข้นแค้นอยู่มาก เงินเพียงแปดเหรียญนี้ไม่พอใช้เลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ เป็นเพราะแม่ที่ไม่ดี ทำผิดต่อพวกเจ้าแล้ว…” นางเหลียนมองดูท่าทางที่มีเหตุผลของลูกสาวก็ให้รู้สึกเศร้าใจนัก
“ท่านแม่พูดอะไรเช่นนั้น?” หยุนเชวี่ยยกยิ้มและเอียงศีรษะไปซบที่ไหล่ของนาง “พวกเราได้กินไก่ กินปลาทุกวัน เหตุใดถึงยังต้องรู้สึกผิด?”
“เจ้านี่ช่างรู้จักพูดปลอบใจคน…”
“ข้าไม่ได้พูดปลอบใจ หากท่านไม่เชื่อ ลองถามพี่สาวหรือเสี่ยวอู่ดู ใช่หรือไม่?”
หยุนเยี่ยนและเสี่ยวอู่ต่างพยักหน้าตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน ใบหน้าของทุกคนเป็นสีแดงจากแสงสะท้อนของเปลวไฟที่แผดผา ต่างยิ้มให้กันด้วยใจที่เป็นสุข
หากจะพูดให้ดูดี สถานการณ์เช่นนี้ ก็ทำให้ครอบครัวมีความรักใคร่กลมเกลียว ผูกพันธ์แน่นแฟ้น แม้ว่าความจริงแล้วชีวิตจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายและไม่รู้จะอดตายเมื่อไหร่
หยุนเชวี่ยใช้ไม้เขี่ยกองไฟ ดวงตาของนางดูสดใสเป็นพิเศษ “ท่านแม่ ข้ามีบางอย่างจะบอกท่าน…”