ตอนที่ 127 มุ่งสังหาร

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 127 มุ่งสังหาร

ฟู่เสี่ยวกวนฟื้นขึ้นมาแล้ว บริเวณท้ายทอยยังปวดร้าว

เขายกคอขึ้นมาและสะบัดหัว รอบด้านต่างมืดมิด มือเท้าถูกมัด มีผ้าเหม็น ๆ ยัดเอาไว้ในปาก ในเวลานี้เขากำลังนอนอยู่ที่พื้น

เขาพยายามฟังเสียงอย่างตั้งใจ แต่กลับมีเพียงเสียงแมลงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ย่อมอยู่ชานเมืองเป็นแน่ ในตอนนี้เขาต้องช่วยเหลือตัวเอง

ดีดดิ้นร่างไปมาเบา ๆ อยู่กับพื้น เท้าไปชนเข้ากับอะไรสักอย่าง เขาลุกขึ้นนั่ง หันตัวกลับไป ใช้มือที่ถูกมัดเอาไว้ด้านหลังสัมผัสไปมา เป็นเก้าอี้ตัวเล็กหนึ่งตัว

สองเท้าจรดกับพื้น และเคลื่อนไหวไปด้านหลังอย่างช้า ๆ และแล้วสองมือก็สัมผัสกับอะไรได้อีกครา เมื่อลูบอย่างตั้งใจ ในใจพลันยินดี นั่นคือโถเซรามิก

เขาใช้สองเท้าที่ถูกมัดเกี่ยวเก้าอี้ตัวเล็กให้เข้ามา และดันร่างขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แบบนี้จะได้สูงขึ้นอีกหน่อย ในตอนนี้เขาต้องทำให้โถเซรามิกนี้ให้แตก เยี่ยงนั้นจึงจะทำลายเชือกที่มัดมืออยู่นี้ได้

ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับไป ใช้สองขาหนีบโถเอาไว้ ออกแรงจนเสียง เพล้ง ดังขึ้นมา ฟู่เสี่ยวกวนสะดุ้งตกใจ

ได้มีเสียงขึ้นมาจากทางด้านนอก “พี่สี่ ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงจากด้านใน”

“เจ้านั่นคงจะตื่นขึ้นมาแล้ว อย่าได้ยุ่งกับเขา นอนไป”

“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นถึงขุนนาง พี่ว่า…จะมีเรื่องยุ่งยากหรือไม่ ? ”

“เจ้าเจ็ดกล่าวไร้สาระเกินไปแล้ว พวกเราทำงานแบบนี้จะมากลัวเรื่องยุ่งยากทำไมกัน? รับเงินมาแล้วส่งของไป รีบนอนได้แล้ว ประเดี๋ยวยังต้องไปส่งของอีก”

“โอ้ ดี”

เสียงสองคนจากทางด้านนอกมิได้ไกลนัก ฟู่เสี่ยวกวนหันร่างกลับมาอย่างระมัดระวังและใช้มือทางด้านหลังหยิบเศษแผ่นเซรามิกขึ้นมาหนึ่งชิ้น และค่อย ๆ ตัดเชือกอย่างแผ่วเบา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงใด

“ข้ารู้สึกไม่สบายใจเท่าใด ข้าไปดูจะดีกว่า” เจ้าคนที่ชื่อเจ้าเจ็ดลุกขึ้นมา และจุดไฟบนน้ำมันตะเกียงส่งเสียงกุกกัก

ฟู่เสี่ยวกวนนอนลงไปบนพื้นเบา ๆ ใช้หลังซ่อนเศษเซรามิกที่แตกเหล่านั้น หลับตาลง แต่ให้เหลือช่องมองรอดเอาไว้

คนร้ายที่เดินเข้ามาระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง ทั้งยังใช้ผ้าปิดบังใบหน้า มือข้างหนึ่งของเขาถือมีดอีกมือถือตะเกียงไฟและมองอย่างพินิจพิจารณา เมื่อเห็นฟู่เสี่ยวกวนขยับไปจากตำแหน่งเดิม ก็คิ้วขมวด แล้วเดินเข้าไปเตะ

ฟู่เสี่ยวกวนลืมตาขึ้นมา มีเสียงร้องดังขึ้นมาจากในปาก ใบหน้าแสดงความหวาดกลัวอย่างยิ่ง

เจ้าเจ็ดผู้นั้นจึงได้สบายใจ ยื่นมือไปตบใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน และกล่าวว่า “อย่าร้อง ร้องไปก็มิมีประโยชน์ เจ้าอย่าได้โทษพี่ชาย หากจะกล่าวโทษก็โทษตัวเจ้าที่ไปสร้างความขุ่นเคืองให้แก่คนที่ไม่ควรจะดีกว่า เอาล่ะ นอนเงียบ ๆ หากเจ้ากล้าร้อง จนทำให้พี่สี่ของข้าหลับนอนไม่สบาย เขาจะเอามีดแทงเจ้าอย่างแน่นอน”

“อืออือ” ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เจ้าเจ็ดหันหลังจากไป เขามิได้รู้เลยว่าในยามนี้ฟู่เสี่ยวกวนอาศัยไฟอ่อนแสงของตะเกียงลอบตรวจสอบห้องนี้อย่างรวดเร็ว และจดจำเอาไว้ในใจ ด้านนอกนั้นก็มีเสียงของพี่สี่ดังขึ้นมา “ก็แค่บัณฑิตอ่อนแอผู้หนึ่ง เจ้าจะทรมานไปทำไม คิดว่าจะหนีไปได้รึ ? ”

“หึหึ ได้มาสำรวจข้าจึงจะโล่งใจ เอาล่ะ พี่สี่ นอนเถอะ”

ฟู่เสี่ยวกวนยังคงตัดเชือกอย่างเบามือต่อไป เพียงไม่นานด้านนอกก็มีเสียงกรนดังขึ้นมา

คาดว่าน่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเชือกที่มัดมือของเขาไว้ก็ขาด ดึงผ้าเหม็นในปากออกมา และถอนหายใจเสียยืดยาว

จากนั้นการตัดเชือกที่มัดขาเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง เพียงเขามีความอดทนให้มากที่สุด ไม่ต้องการให้กระเทือนไปถึงสองคนด้านนอก ดังนั้นจึงทำให้เขาใช้เวลานานไปอีกครึ่งชั่วยาม

ในห้องนี้มิมีประตูอื่นอีก หากจะออกไปต้องผ่านห้องทางด้านหน้าไป สองคนด้านนอกในยามนี้กำลังหลับใหล เขามิทราบว่าทั้งสองคนนั้นเก่งกาจเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่ออกไปทดลอง

จำต้องให้ความสำคัญกับฝีมือฝ่ายตรงข้ามให้มาก และจำเป็นต้องเอาให้ถึงตายในคราเดียว มิฉะนั้นผู้ที่ตายก็คงจะเป็นตัวเอง

ห่างออกไปทางซ้าย 5 เมตรคือผนัง บนผนังนั้นมีคันศร ลูกธนูและหนังสัตว์สองผืน คาดว่าข้างนอกนั้นจะเป็นภูเขา และทั้งสองคนนั้นย่อมมิใช่เกษตรกร เพราะเมื่อครู่เขาไม่เห็นอุปกรณ์เกษตรใด ๆ

เขาเดินไปอย่างช้า ๆ อาศัยความจำ และสัมผัสคันศรและลูกธนูบนผนังได้

เขาหยิบลูกธนูมาสองดอก ใช้มือสัมผัสไปทั่ว ๆ ด้ามธนูทำมาจากไม้ หัวธนูทำมาจากเหล็ก หัวธนูค่อนข้างคม ถือว่าเป็นอาวุธที่ไม่เลว

ดังนั้นเขาจึงนำคันศรและถุงธนูลงมา จากนั้นก็ถอยกลับเข้ามุมอย่างเงียบ ๆ

แล้วจึงนำถุงธนูมาคาดไหล่ น้าวสายธนู จากนั้นก็หยิบลูกธนูหนึ่งอันมาวางบนสายธนู

จากนั้นก็รอ รอไปอย่างยาวนาน

คุ้นชินกับสัมผัสนี้ยิ่งนัก ราวกับว่าเขาได้กลับไปยังสนามรบในชาติที่แล้วอีกหน เพื่อสังหารเป้าหมาย อยู่ใต้พื้นหิมะโดยไม่ขยับเป็นเวลาสองวันสองคืน

ทำสมองให้ว่างเปล่า มิต้องไปคิดถึงสิ่งใด แม้แต่การหายใจก็ต้องเปลี่ยนให้เป็นจังหวะ หากมิใช่ผู้ที่มีฝีมือระดับสูง ก็ยากที่จะมีคนรับรู้ถึงการคงอยู่ของเขา

ไร้กังวลและไร้ความหวาดกลัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เพียงประตูด้านหน้า สองมือของเขายังมิได้ยกขึ้นมา แต่หยิบคันศรและลูกธนูขึ้นมาวางไว้บนขา ทำเยี่ยงนี้จะสามารถรักษาพลังกาย และสามารถยกมือยิงได้ในทันที

หลังจากนั้นผ่านไปได้อีกหนึ่งชั่วยาม ด้านนอกก็ได้มีการเคลื่อนไหว

“เจ้าเจ็ดตื่นได้แล้ว ต้องไปส่งตัวแล้ว”

“ฮ้าว…” เจ้าเจ็ดคนนั้นเหมือนว่ากำลังหาว “พี่สี่ เสร็จงานนี้พวกเราก็ล้างมือและไม่ต้องทำงานแบบนี้อีกแล้วใช่หรือไม่ ?”

“อือ งานนี้เจ้าของเขาให้มา 2,000 ตำลึง พี่สี่จะมิเอาเปรียบเจ้า แบ่งกันไปคนละครึ่ง แล้วเอาเงินไปเถอะ ไปไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดี หาภรรยางาม ๆ สร้างครอบครัว ทำกิจการเล็กน้อยให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันก็พอแล้ว”

ไฟสว่างขึ้นมา เจ้าเจ็ดคนนั้นค่อนข้างตื่นเต้น “ขอบคุณพี่สี่มาก ได้รับเงินนี้มาแล้วข้ายังต้องกลับไปหอเยียนจืออีก”

“เจ้าจะกลับไปทำอันใด ? ”

“หลินหง ข้าจะไปรับหลินหงออกมา”

“เจ้าเป็นโรคประสาทรึ ก็แค่นางโลมผู้หนึ่งเท่านั้น เจ้านี่หายตัวมานานแล้ว ย่อมมีคนไปแจ้งราชสำนักแล้ว เจ้ากลับไปเยี่ยงนี้ก็ปะทะกันพอดี รนหาที่ตาย!”

ด้านนอกนั้นเงียบลงไป ผ่านไปได้ชั่วครู่ น้ำเสียงของพี่สี่ก็ดังขึ้นอีกครา “เจ้าเจ็ด ฟังข้านะ เมื่อมีเงินจำนวนนี้แล้ว ก็ไปหากุลสตรีที่ดี หลินหงผู้นั้น…เจ้าเลี้ยงมิไหวหรอก”

“อือ ข้าจะเชื่อฟังพี่สี่”

“นี่สิจึงจะถูกต้อง ไปนำเจ้านั่นออกมา และใช้กระสอบคลุมเอาไว้”

ฟู่เสี่ยวกวนยกคันศรและลูกธนูขึ้นมา น่าเสียดาย ที่ไม่ได้เข้ามากันสองคน เยี่ยงนั้นก็ทำได้แค่ฆ่าเพียงคนเดียวไปก่อน ส่วนอีกหนึ่งคนค่อยหาโอกาส

แสงไฟใกล้เข้ามา ฟู่เสี่ยวกวนน้าวสายทันพลัน

เจ้าเจ็ดก้าวเท้าหน้าเข้ามาในประตู มิได้สัมผัสถึงเหตุการณ์ที่ประหลาดออกไปเลยแม้แต่น้อย

ฟู่เสี่ยวกวนเล็งไปที่ลำคอของเขา

เท้าหลังของเจ้าเจ็ดก็ได้ก้าวเข้ามา เขามองไปทางที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยนอนอยู่

สองตาฟู่เสี่ยวกวนหรี่ลงเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ปล่อยสาย

“ฟวับ… !”

“อั๊ก… ปึง… !”

ลูกธนูเสียบลำคอ ตะเกียงน้ำมันตกลงไปบนพื้น สองตาของเจ้าเจ็ดเบิกกว้าง สองมือกุมลูกศรที่แทงทะลุลำคอไปและล้มลงไปกับพื้น

“เจ้าเจ็ด เจ้าเจ็ด!”

ฟู่เสี่ยวกวนน้าวธนูอีกครา และเพ่งมองไปที่ประตู แต่คนผู้นั้นก็ไม่ได้เข้ามา

“เจ้าเจ็ด !”

คนที่อยู่ด้านนอกกรีดร้อง “กูจะสับมึงให้ละเอียดเลย !”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ขยับแม้แต่น้อย เขายังคงจ้องมองไปทางประตูอย่างสงบนิ่ง

“มึงกล้า มึงก็ออกมาเจอกู !”

ประกายแสงจากดาบกวัดแกว่งอยู่ที่หน้าประตู แต่ชายผู้นั้นก็มิได้เข้ามา

“ดี ดี มึงไม่ออกมาใช่หรือไม่ กูจะเผามึงให้ตายเอง !”