ตอนที่ 658 ราชามารทลายฝ่าผนึก

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

ขณะที่จักรพรรดิวัยกลางคนกำลังคาดคะเนสถานการณ์ของตนอยู่นั่นเอง ทารกตัวยักษ์ก็คว้าจับเขา เขาดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็หลุดออกไปไม่ได้ เขายิ้มหยันและกล่าว “ข้าเป็นแค่สำนึกรู้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

กร้วม

ทารกนี้กัดร่างของเขาไปครึ่งหนึ่ง และก็กัดอีกครึ่งหนึ่ง กินเขาเข้าไปจนเกลี้ยง

“จืดเหลือเกิน ไม่มีรสชาติมนุษย์หรือภูตผีเลยสักนิด มันคืออะไรเนี่ย”

หัวของจักรพรรดิแดงฉานงอกเงยออกจากคอของทารกอีกครั้ง ทารกโมโหเดือดและง้างกำปั้นทุบอีกหน ในที่สุดก็ฟาดทุบเขาออกไปจากร่างกายจนได้

จักรพรรดิแดงฉานคลานลุกขึ้นมา และเขาตวาดก้อง “ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไร ข้าเป็นสำนึกรู้ ข้าไม่ใช่จักรพรรดิแดงฉานตัวจริง เจ้ากินข้าไม่ได้…”

เพี๊ยะ

ทารกยักษ์ตบเขาลงกับพื้นราวกับแมลงวันตัวหนึ่ง ทำให้ภูเขาในแผ่นดินนี้เขย่าสะเทือนไปหมด เมื่อทารกยกฝ่ามือขึ้น จักรพรรดิแดงฉานก็ดิ้นกระตุกอยู่ในรอยฝ่ามือมหึมา จากที่ไกลๆ ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตหมายที่จะเตือนเขา แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงดังเกินไปและดึงดูดความสนใจของทารก “จักรพรรดิแดงฉาน เลิกดิ้นรนและโต้เถียงเขา เมื่อเขาเล่นเจ้าจนเบื่อแล้ว เขาก็จะเลิกเอง”

คำเตือนของเขาไม่เข้าหูทวนลมของจักรพรรดิแดงฉาน เมื่ออีกฝ่ายคลานลุกขึ้นมาอีกครั้งและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร เจ้า–”

เพี๊ยะ!

จักรพรรดิแดงฉานถูกตบคว่ำอีกครั้ง และคราวนี้รอยฝ่ามือลึกกว่าหนก่อน เขาดิ้นรนลุกขึ้นและกล่าว “ข้า–”

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

ทารกฟาดลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้แต่เทพสรรพชีวิตก็ยังหัวใจเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว ผ่านไปครู่หนึ่ง ทารกน่ารักผู้นี้อันดูทั้งทรงอำนาจและแข็งแกร่ง ก็หมดความสนใจในตัวจักรพรรดิแดงฉานในที่สุด

เทพสรรพชีวิตกระเถิบเข้ามาใกล้ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่กระโตกกระตากให้ทารกรู้ตัว และดึงจักรพรรดิแดงฉานออกมา เขากระซิบ “อย่าไปมัวสู้กับเขาในแผ่นปฐพีที่ถูกปิดผนึกนี้เลย เจ้ามีแต่จะถูกซ้อมจนน่วมเท่านั้น ข้าไม่อาจทลายฝ่าผนึกของภูติบดีและการสะกดข่มของพุทธเจ้าพรหมด้วยตนเองได้ แต่มีเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าถึงมีความมั่นใจมากขึ้น ร่วมมือกันเถอะ อย่าส่งเสียงไปทำให้ราชามารจุตินี่รู้ตัว”

จักรพรรดิแดงฉานกล่าว “ข้านั้นเป็นเพียงแค่สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉาน ข้าไม่มีกำลังฝีมือมากมายนัก และข้าเองก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถทลายฝ่าเวทปิดผนึกของภูติบดีกับการสะกดข่มของพุทธเจ้าพรหมได้”

ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตกล่าว “หากว่าเป็นเพียงแค่เวทปิดผนึกของภูติบดีมันก็คงไม่พอที่จะกักตัวข้าเอาไว้หรอก ปัญหาอยู่ที่พุทธเจ้าพรหม พุทธเจ้าเฒ่าผู้นี้ปฏิบัติต่อข้าด้วยความเคารพและเรียกข้าว่าพี่ทางเต๋าอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้ไม่ว่าข้าจะเรียกเขาอย่างไร เขาก็เอาแต่เมินเฉยข้า ดูท่าว่าเขาคงจะเดินทางท่องเที่ยวไปในความฝันของเขา พุทธเจ้าผู้นี้ได้ก่อรูปสสารขึ้นมาจากความฝัน และก็เป็นสำนึกรู้ด้วยเช่นกัน หากว่าเจ้าสู้กับเขา ข้าก็จะสามารถแก้ไขเวทปิดผนึกของภูติบดีได้ พวกเราไม่ต้องทำรูใหญ่มาก และฉีกมันสักหน่อยก็เพียงพอให้พวกเราหลบหนีแล้ว”

จักรพรรดิแดงฉานดวงตาลุกวาบ และเขาโค้งคารวะ “ข้าคงต้องหวังพึ่งพี่ทางเต๋าแล้ว”

“ชู่ว อย่ากระโตกกระตากให้ราชามารจุติรู้”

ทั้งสองคนมองไปยังฉินเฟิงชิง เห็นว่าทารกที่ทั้งทรงอำนาจและมากพละกำลังนั้นกำลังคลานไปมารอบๆ แผ่นดินรูปตัวฉิน พยายามที่จะหลบหนีออกจากเวทปิดผนึกนี้ แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะคลานไปที่ใด ภูเขาก็จะเปลี่ยนรูปลักษณ์และป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีไป

“ตอนนี้แหละ!” เทพสรรพชีวิตตะโกน

จักรพรรดิแดงฉานพลันทะยานขึ้นไปและพุ่งสู่พุทธเจ้าบนท้องฟ้า ร่างของเขาสั่นเทิ้มเผยสามเศียรและหกกร พุทธเจ้าที่ลอยอยู่เหนือเวทปิดผนึกรูปฉินพลันฉายแสงเจิดจรัส และเสียงพุทธก็ดังออกมาอย่างกึกก้อง เพียงอึดใจเดียว อักษรสันสกฤตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยห้อมล้อมพุทธเจ้าใหญ่ และพวกมันก็กดลงมายังจักรพรรดิแดงฉาน

“พี่ทางเต๋าพรหม มิใช่ทั้งคิดและไร้คิดของเจ้าไม่อาจเอาชนะสำนึกรู้เทพอมตะสามจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าได้หรอก!”

ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นสำนึกรู้ที่ปะทะเข้าด้วยกัน เทพสรรพชีวิตรู้สึกถึงแรงกดดันที่ลดทอนลงไปอย่างมหาศาล และลงมือทำลายเวทปิดผนึกของภูติบดีทันที เทพสรรพชีวิตมีพลานุภาพอันไร้ประมาณ และเขาเงื้อเท้าขึ้นกระทืบไปอย่างหนักหน่วง แผ่นดินรูปตัวฉินพลันหยุดทำงาน และร่างแยกของเทพสรรพชีวิตก็ฉวยโอกาสนี้เพื่อยกมือขึ้นและแหวกแยกท้องฟ้าออกจากกัน รอยแยกขีดตั้งพลันเปิดขึ้นมาบนท้องฟ้า ราวกับว่ามันคือเปลือกตาที่แง้มเปิดออก

“จักรพรรดิแดงฉาน เลิกสู้กับพรหมได้แล้ว ฉวยโอกาสนี้หนีกันเถอะ!” ร่างแยกเทพสรรพชีวิตตะโกน

จักรพรรดิแดงฉานประหลาดใจแกมยินดี ในพริบตานั้น ทั้งสองตัวตนบรรพกาลก็เหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นแสงไหลสองเส้น และพุ่งไปยังรอยแยก ในจังหวะนั้นเอง ดวงตาทั้งสามของทารกฉินเฟิงชิงก็เผยแววเจ้าเล่ห์ และปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

จักรพรรดิแดงฉานและเทพสรรพชีวิตนั้นกำลังจะเหาะออกไปจากเวทปิดผนึก ทันใดนั้นฝ่ามืออ้วนๆ สองข้างก็คว้าจับแสงทั้งสองและดึงพวกเขาลงมา ฟาดพวกเขาลงไปกับพื้น

เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานมึนงงไปหมดจากการร่วงหล่น และพวกเขารีบเงยหน้าขึ้นไปมองพลางผรุสวาทออกมา ทารกยักษ์ได้ขึ้นไปถึงรอยแยกบนท้องฟ้าแล้วและร่างครึ่งตัวบนของเขาก็ออกไปพ้นเวทปิดผนึก ขาอ้วนสั้นของเขานั้นกำลังดิ้นกระแด่วๆ เมื่อเขาพยายามหลบหนีออกไป

ทันใดนั้น ขาขวาของทารกก็เตะซ้ำๆ จนรอยแยกนั้นถ่างกว้างมากขึ้น จากนั้นเขาก็คลานออกไปอย่างทุลักทุเล

รอยแยกบนท้องฟ้าค่อยๆ สมานกลับเข้าหากัน และขณะที่มันจะหลอมรวมกลับมาอยู่นั่นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงของทารกดังออกมาจากห้วงอวกาศนอกฟ้า “จับน้องชายข้าได้แล้ว!”

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ร่วงลงมาจากรอยแยก และเขาก็แกว่งไกวแขนไปมาระหว่างที่ร่วงหล่น

เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานไม่สนใจเขา ขณะที่พวกเขาถลันออกไปจากรอยแยกนั่นเอง ใบหลิวทองคำใบหนึ่งก็ร่วงมาจากอวกาศภายนอก และครอบบังมิดฟ้า

เสียงพุทธดังออกมาอย่างกึกก้อง พร้อมกับรังสีพุทธธรรมอันฉายฉาน เวทปิดผนึกของภูติบดีและการสะกดข่มของพุทธเจ้าพลันหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ทำให้มันกลายเป็นแข็งแกร็งอย่างไร้ปานเปรียบ ท้องฟ้าไม่อาจถูกฉีกให้ขาดได้อีกต่อไป

จักรพรรดิแดงฉานสีหน้าดูไม่ได้ เขารีบพุ่งทะยานตรงไปยังพุทธเจ้าใหญ่พลางตะโกน “พี่ทางเต๋าเทพสรรพชีวิต ข้าจะจัดการกับพุทธเจ้าเฒ่า ท่านไปทำลายเวทปิดผนึก!”

เทพสรรพชีวิตส่ายหัว เขาดูเหมือนจะท้อแท้หดหู่ “พวกเราทำไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เมื่อใบหลิวนี้ปิดทับดวงตาที่สาม มันก็จะหลอมรวมเวทปิดผนึกและการสะกดข่มเข้าเป็นหนึ่งเดียว เมื่อครู่ที่ใบหลิวนี้ถูกปลดออกไป นั่นยังคงมีโอกาสอยู่ แต่เมื่อมันปิดลงมาอีกครั้ง ต่อให้เจ้าอยากหลบหนีแค่ไหนก็ทำไม่ได้”

จักรพรรดิแดงฉานรู้สึกผิดหวัง ทั้งสองคงเหาะลงมาเหยียบพื้น และมองกันและกันด้วยความหนักอึ้ง พวกเขาทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง

“เมื่อครู่นี้มีคนร่วงลงมาจากท้องฟ้า” จักรพรรดิแดงฉานโพล่งขึ้นมา

เทพสรรพชีวิตนึกทบทวนสิ่งที่ราชามารจุติกล่าวบางอย่างทำนองว่า ‘จับน้องชายข้าได้แล้ว’ เขาพลันสังหรณ์ร้ายทันที “หรือคนผู้นั้นจะเป็น…”

“ผู้เฒ่า เรียนถามได้หรือไม่ว่าที่นี่คือสถานที่อะไร” เด็กหนุ่มร่างสูงแกร่งพลันเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยสีหน้าอันสับสน

เด็กหนุ่มผู้นี้มีเครื่องหน้าอันละเอียด และเขาดูหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ามีดวงตาขีดตั้งที่หน้าผากเท่านั้น

“นี่แย่แล้ว!”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจเมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มผู้นี้ “ผู้เหย้าเดิมถูกโยนเข้าไปในผนึก และฉินเฟิงชิง เจ้าราชามารจุตินั่น ก็ได้หลบหนีไป! นี่แย่แล้ว นี่แย่จริงๆ…”

ฉินมู่เต็มไปด้วยมารยาท เขานั้นคารวะทักทายด้วยความสุภาพ “เรียนถามนามของผู้เฒ่าได้หรือไม่ ท่านบอกข้าได้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน”

“ที่นี่คือสถานที่อันพี่ชายของเจ้าถูกปิดผนึกเอาไว้ มันเป็นจี้หยกที่ภูติบดีสร้างขึ้นมาจากสะเก็ดเขาของเขา มันซ่อนอยู่ในดวงตาที่สามของเจ้า มองไปตรงนั้นสิ พุทธเจ้าบนท้องฟ้าคือพรหมโง่เซ่อที่นั่งเหม่ออยู่ทั้งวัน จักรพรรดิวัยกลางคนตรงหน้าของเจ้าคือจักรพรรดิฟ้าคนแรกแห่งยุคสมัยแสงฉาน จักรพรรดิแดงฉาน ส่วนตัวข้านั้น…”

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตถอนหายใจแล้วกล่าว “ข้าเพียงแต่สงสัยใคร่รู้ในตัวโอรสศักดิ์สิทธิใต้พิภพ และมาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น ในจังหวะที่ข้าสับสนงงงวย ข้าก็ถูกปิดผนึกและสะกดข่มเอาไว้ที่นี่ เจ้าเคยพบข้ามาก่อน ครั้งหนึ่งเจ้าเคยจ้องตาข้าเป็นเวลาสองวันสองคืน”

“ท่านคือเทพสรรพชีวิต!” ฉินมู่ร้องด้วยความแตกตื่น

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตพยักหน้าด้วยความจนปัญญา “เจ้ารู้ไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าเอาไปพูดข้างนอก ไม่งั้นข้าจะเสียชื่อ แต่ถึงอย่างไร เจ้าก็คงไม่มีโอกาสเอาไปพูดกับใครก็ในเมื่อเจ้าก็ถูกปิดผนึกไว้ที่นี่เหมือนกัน”

ฉินมู่มองไปรอบๆ ด้วยความงงงัน เทพสรรพชีวิต จักรพรรดิแดงฉาน พุทธเจ้าพรหม อีกทั้งเขาของภูติบดี ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้มาปรากฏในดวงตาที่สามของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

“พี่ชาย? ข้ายังมีพี่ชายอีกหรือ”

เขาพลันตระหนักขึ้นมาและกล่าวอย่างรีบร้อน “โอรสเทพแสงฉานกำลังจะฆ่าข้า เป็นพี่ชายของข้าที่จับข้าโยนลงมาสินะ? ทำไมข้าถึงไม่รู้เลยว่าข้ามีพี่ชายกับเขาด้วย ไม่ใช่ว่าที่ซ่อนอยู่ในตัวข้าเป็นตัวข้าอีกคนอย่างนั้นหรือ”

จักรพรรดิแดงฉานไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เทพสรรพชีวิตดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวและกล่าวไป “พี่ชายของเจ้านั้นก็คือฉินเฟิงชิง เจ้าก็เป็นฉินเฟิงชิงเช่นกัน ข้าไม่อาจพูดให้กระจ่างได้ เขานั้นเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เป็นราชามารมานับตั้งแต่ถือกำเนิด และเขารู้แต่การฆ่าสังหาร ในทางกลับกัน เจ้านั้นเกิดมาทีหลัง และสำนึกรู้ของเจ้าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาหลังจากที่ภูติบดีปิดผนึกเขาเอาไว้ เขานั้นเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย–”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็เป็นตัวแทนของความดี ข้าพูดถูกไหม” ฉินมู่ถามอย่างคาดหวัง

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตลังเล เขาไม่อาจหักใจบอกความจริงได้เมื่อเห็นสีหน้าอันกระตือรือร้นนั้น เขาเพียงแต่พูดคลุมเครือว่า “สำหรับทารกแล้วไม่มีดีและชั่ว จะต้องดูว่าได้รับการเลี้ยงดูและสั่งสอนมาดีหรือไม่ หากว่าใครอาศัยอยู่ในครอบครัวอันดี ความดีก็จะมากกว่าความชั่ว แต่หากว่าใครอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยวายร้าย ความชั่วก็จะมากกว่าความดี…”

ฉินมู่สงบใจลงและระบายลมหายใจโล่งอก “ข้ารู้ว่าข้าต้องเป็นตัวแทนของความเที่ยงธรรมและความเมตตา ในเมื่อข้าได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ผู้เฒ่าทั้งหลายในหมู่บ้านของข้า ล้วนแต่เป็นคนดีๆ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือกันทั้งนั้น!”

ดวงตาสองดวงของร่างแยกเทพสรรพชีวิตยิงลำแสงสีขาวสองเส้นอันพุ่งออกไปห้าวา เขาดึงลำแสงกลับมาหลังจากนั้นพักหนึ่ง และกล่าว “เรื่องนี้จะโทษเจ้าก็ไม่ได้ ฉินเฟิงชิงผู้นั้นเจ้าเล่ห์เกินไป เขาจงใจปล่อยให้พวกเราทำลายฝ่าเวทปิดผนึกเพื่อที่เขาจะได้หลบหนี จากนั้นเขาก็โยนเจ้าลงมาที่นี่เพื่อสะกดข่มเจ้าเอาไว้ ด้วยแบบนี้ เจ้าก็จะไม่มีทางแย่งชิงร่างกายกลับคืนมา เพราะว่าถูกปิดผนึกไว้ที่นี่ด้วยกันกับพวกข้า เจ้าหมอนี่กำลังอาละวาดอยู่ข้างนอกในตอนนี้ จักรพรรดิแดงฉาน โลกลอยเลื่อนแห่งนี้ของเจ้ามีแสนยานุภาพที่จะปกป้องตนเองได้หรือไม่”

จักรพรรดิแดงฉานลังเล และเขาส่ายหัว “กายเนื้อของข้าได้แปรเปลี่ยนไปเป็นโลกลอยเลื่อนเรียบร้อยแล้ว และแม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าก็ได้แตกสลายไปเอง เมื่อข้าเข้ามาในจักรวาลเล็กๆ แห่งนี้ ข้าก็ได้บาดเจ็บสาหัสมาก่อนแล้ว…”

ฉินมู่พลันตระหนักขึ้นมา และเขากล่าวอย่างสงสัยใครรู้ “เจ้าเป็นสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานอย่างนั้นหรือ เจ้าเข้ามาข้างในได้อย่างไร เจ้าไม่ได้อยู่ในศีรษะจักรพรรดิแดงฉานหรอกหรือ ทำไมเจ้าถึงมาถูกปิดผนึกเอาไว้ที่นี่ หากว่าเจ้าไม่จู่ๆ ก็หายตัวไป โอรสเทพแสงฉานก็คงไม่หมายจะเข่นฆ่าพวกเราหรอก!”

จักรพรรดิแดงฉานมีใบหน้าแดงจากความอาย “นี่คือ…เรื่องมันยาว”

ฉินมู่สายตาวูบไหวและกล่าว “พวกเราล้วนแต่ถูกปิดผนึกเอาไว้ที่นี้ ดังนั้นจึงมีเวลาถมเถ ทำไมฝ่าบาทจักรพรรดิแดงฉานถึงไม่ค่อยๆ เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังล่ะ”

จักรพรรดิแดงฉานลังเล เขาไม่อยากจะพูด

ร่างแยกเทพสรรพชีวิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ให้ข้าเล่าแทนเขา เมื่อเขาเข้ามาในจักรวาลเล็กแห่งนี้ ดวงวิญญาณเขาได้กระจัดกระจายไปแล้ว แต่เขาไม่ยินยอมที่จะรับความตายแบบนี้ ดังนั้นกายเนื้อของเขาจึงได้กลายเป็นโลกลอยเลื่อน แปรเปลี่ยนสำนึกรู้ของเขาให้กลายเป็นสำนึกรู้อมตะที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ ตราบใดที่มีคนอันทานทนสำนึกรู้ของเขาได้ เขาก็จะสามารถกลับมามีชีวิตใหม่ แต่ทว่า เขาไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ แต่เป็นตัวเขาอีกคนที่จะย้อนกลับมามีชีวิต”

ตอนนี้ฉินมู่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เขากล่าวด้วยความเย้ยหยันไยไพ “อันก็หมายความว่าสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานจะลบล้างสำนึกรู้ของคนที่เขาเข้าสิงสู่โดยสิ้นเชิง แม้ว่าคนผู้นี้จะไม่มีดวงวิญญาณของเขา แต่ก็จะมีสำนึกรู้ของเขาและไม่ว่าคนผู้นั้นจะคิดหรือจะทำอะไร ก็จะเหมือนกับตัวเขาไม่มีผิด มันจะเป็นเขาและก็ไม่ใช่เขาในเวลาเดียวกัน! แม้ว่าเขาจะตายลงไป แต่สำนึกรู้ของเขาก็จะดำรงชีวิตอยู่ต่อ นี่คือการยึดครองร่างอีกรูปแบบหนึ่ง! จักรพรรดิแดงฉานดูจะหมายตาข้าและรู้สึกว่าข้าสามารถสืบทอดสำนึกรู้ของเขาได้ เขาอาจจะสามารถลบล้างสำนึกรู้ของข้าไปได้เฉยๆ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า…”

จักรพรรดิแดงฉานถอนหายใจ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกับทารกประหลาดสามตา ข้าหมายที่จะเข้ายึดครองร่างเขา แต่ข้าพบว่าทารกประหลาดนี้มีสำนึกรู้อันทรงพลังอย่างเกินจะหยั่งคะเน มันเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายและความแปดเปื้อนอันเกินจะปานเปรียบ และข้าไม่อาจลบล้างสำนึกรู้ของเขาได้เลยสักนิด ข้าถูกเขาฟาดทุบกระเด็นออกไป และหลังจากที่ข้ากระเด็นออกมาจากเขา ข้าก็ต้องรับความอัปยศหมิ่นหยามมากมายและถูกกักขังเอาไว้ที่นี่”

“เจ้าสมควรโดนแล้ว!” ฉินมู่ยิ้มหยัน

จักรพรรดิแดงฉานโมโหเดือด และร่างแยกของเทพสรรพชีวิตก็กล่าว “หยุดเถียงกันได้แล้ว ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือจะใช้เวลาเท่าไรก่อนที่โลกลอยเลื่อนจะถูกกวาดล้าง”

จักรพรรดิแดงฉานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาถาม “ฉินเฟิงชิงผู้นี้ แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่”

บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกลอยเลื่อน ฟ้าและดินพลันผ่าแยกออกจากกันเมื่อโอรสเทพแสงฉานถูกฟาดลงมาอย่างดุร้ายด้วยกำปั้นยักษ์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และจมลงไปอย่างต่อเนื่อง

“มู่เอ๋อแข็งแกร่งจริง…” บรรพชนแรกที่นอนแผ่อยู่กับพื้น เผยสีหน้าอัศจรรย์ใจและปลาบปลื้ม เขานั้นกำลังเฝ้ามองทารกยักษ์ที่มีเรือนกายมหึมาน่าเกรงกลัว แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกฝ่ามือยักษ์ฟาดกระเด็นไป

ร่างของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกหมุนติ้วราวกับลูกข่างในอากาศ และเขาปลิวไปยังที่ไกลๆ เขาฉงนฉงายพลางครุ่นคิดในใจ ทำไมมู่เอ๋อถึงโจมตีข้า หรือว่าเขายังคิดแค้นที่ข้าทำลายโครงกระดูกของบรรพชนสองอยู่อีก

“เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นแดนใต้พิภพน้อย!”

ทารกนี้ฟาดทุบโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความตื่นเต้น และพังมันแตกเป็นชิ้นๆ ยอดเขานั้นก็ยุบลงไปครึ่งหนึ่ง “ข้าจะรับท่านแม่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน! แต่ลำบากจริงๆ ที่ท่านแม่ไม่ยอมให้ข้ากินคน…”

โอรสเทพแสงฉานคำรามไปอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อสังหารทารก

ปัง

กำปั้นหนึ่งต้อนรับเขา ร่างของโอรสเทพแสงฉานปะทะกับกำปั้นนั้นจังๆ และเขาปลิวไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของทารกพลันเป็นประกาย เขาปรบมือร่าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ ข้ารู้ล่ะ! ข้าก็แค่จับทุกคนที่นี่กินให้หมดก่อน แบบนั้นก็หมดปัญหาไม่ใช่หรือ”