ตอนที่ 657 จักรพรรดิแดงฉานผู้ถูกปิดผนึก

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

โอรสเทพแดงฉานมองไปข้างหน้าด้วยความตะลึงงัน สมองจักรพรรดิแดงฉานควรจะลอยเลื่อนอยู่ตรงนี้ด้วยเส้นแสงอันวูบวาบที่บรรจุสำนึกรู้และความรู้อันไร้ประมาณของเขาเอาไว้ แต่บัดนี้ สมองของจักรพรรดิแดงฉานได้ดับสูญไปแล้ว

ศีรษะมหึมาอันกินเนื้อที่เป็นไร่ๆ ตอนนี้สูญเสียประกายแสงอันวูบวาบไป ในทางตรงข้าม มันจมหายเข้าไปในความมืด ไม่ปรากฏแสงส่องออกจากศีรษะนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นหมายความว่าสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานมิได้อยู่ที่นี่แล้ว!

หากว่าสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วมันน่าจะไปอยู่ที่ไหนกัน

เขารีบหันศีรษะมาและพลันกระโดดขึ้น เดินออกมาจากโถงด้วยสีหน้าอันมืดคล้ำ

“หัวขโมย…”

เขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร และไม่ทันที่เขาจะย่างเท้าออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ ท้องฟ้าข้างนอกก็เกลื่อนกล่นไปด้วยเมฆทะมึน ลม ฝน ฟ้าแลบ และฟ้าร้อง ต่างก็ซัดโถมเปรี้ยงปร้าง เปลวอสุนีบาตฟาดลงมาจากเมฆมืดกรีดผ่าท้องฟ้าอันคลุ้มคลั่ง

โอรสเทพพิโรธ และมันมิใช่ความพิโรธธรรมดา ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีสันไปอย่างแท้จริง!

แต่ทว่าเมื่อเขาเดินไปยังหน้าประตู หัวใจอันโกลาหลของเขาก็ค่อยๆ สงบลง และเป็นผลให้สายฟ้าที่พลุ่งพล่านอยู่บนนภาก็ค่อยๆ กระจัดกระจายไป ลมและฝนหยุดพัด และเมฆทะมึนก็คลี่คลายด้วยเช่นกัน

ขนาดตัวข้ายังไม่สามารถออกมาจากเขาวงกตของสำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานได้ แล้วทำไมเขาถึงไม่จมเข้าไปในนั้น

โอรสเทพแสงฉานยกขาก้าว ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยระหว่างที่เท้าเขายังค้างอยู่ไม่แตะพื้น สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานแข็งแกร่งสักเพียงไหน ข้าเองก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ แต่เขาสามารถทำได้ อีกอย่าง สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานได้อยู่ที่นี่มากว่าห้าหมื่นปี และสำนึกรู้ของเขาก็ไม่ยอมรับสหายร่วมเผ่าคนใดๆ แล้วทำไมเขาถึงได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิแดงฉานแบบนั้นล่ะ ทำไมจักรพรรดิแดงฉานถึงทิ้งสำนึกรู้ของเขาเอาไว้ ทำไมข้าถึงไม่ได้รับความรู้ใดๆ ในสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉาน

เท้าของเขายังคงค้างอยู่ในอากาศ ขณะที่ใบหน้าของเขาเดี๋ยวก็คล้ำเดี๋ยวก็เผือด ท้องฟ้านอกโถงบางครั้งก็กระจ่าง และบางครั้งก็เกลื่อนไปด้วยเมฆดำ บางครั้งในรัศมีหมื่นลี้ก็ปราศจากเมฆหมอก และบางหนก็มีเปลวฟ้าแลบและครั่นครื้นของฟ้าคำราม

โอรสเทพแสงฉานต่อสู้ดิ้นรนในหัวใจ สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานถูกทิ้งเอาไว้โดยเจ้าตัว ดังนั้นมันย่อมไม่อาจตกอยู่ในมือของคนนอกได้ หรือว่านี่จะหมายความว่าจักรพรรดิแดงฉานได้เลือกฉินมู่ หรือว่าจักรพรรดิแดงฉานมีเหตุผลอื่นที่จะทำเช่นนั้น

อธิการบดีฉินไม่ใช่ตัวแทนของแสงฉาน!

เมื่อเขาตัดสินใจได้ เท้าของเขาที่ย่างไปก็เหยียบลงสู่พื้น ทำให้ขุนเขาและโถงวังศักดิ์สิทธิ์นี้สะท้านหวั่นไหวเล็กน้อย

ในขณะเดียวกันนั้น ฉินมู่ก็กำลังอยู่ข้างๆ กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก เขากำลังตรวจดูอาการและตระหนักว่าอีกฝ่ายนั้นตกอยู่ในสภาวะผัก เขาคงจะถูกฟาดเข้าไปด้วยสำนึกรู้อันน่าสะพรึงกลัวของจักรพรรดิแดงฉานเมื่อตอนที่ไปแตะ ในเมื่อสมองของเขาไม่อาจต้านทานได้ เขาก็เลยสลบไป

นี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ เขาเพียงแต่ต้องพักสักระยะ แต่มันน่าแปลกเสียจริง…ทำไมข้าถึงไม่สลบเหมือดจากสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานล่ะ

ขณะที่ฉินมู่กำลังคิดอยู่นั่นเอง เขาก็สังเกตพบว่าท้องฟ้ากำลังแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุดยั้ง นี่ทำให้เขาแตกตื่น และเขาก็รีบพยายามลากร่างของบรรพชนแรกไป แต่ทว่าถึงอย่างไรบรรพชนแรกก็เป็นเทพเจ้า และเขาเป็นเทพเจ้าที่อยู่ในขั้นแท่นประหารเทพ ดังนั้นเขาจะลากไปไหวได้อย่างไร

ลมและเมฆบนท้องฟ้าแปรเปลี่ยน และนี่ก็สะท้อนลงมากับใบหน้าของฉินมู่ที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้านั้นเป็นอารมณ์ของโอรสเทพแสงฉาน เมื่อมันสว่าง เขาไม่มีจิตคิดเข่นฆ่า และเมื่อมันมืด จิตสังหารของเขาก็พวยพุ่ง เมื่อใดที่มันเปลี่ยนแปลงไป ก็หมายความว่าโอรสเทพแสงฉานกำลังดิ้นรนกับตนเอง เพื่อตัดสินใจว่าจะสังหารฉินมู่หรือไม่ จากการดับสูญไปของสำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉาน!

สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานนั้นสำคัญอย่างยิ่งยวดแก่ผู้รอดชีวิตแห่งแสงฉานทั้งหลาย เมื่อใดที่โอรสเทพแสงฉานใคร่ครวญผลประโยชน์และความสูญเสียเสร็จแล้ว เขาก็จะต้องคิดเข่นฆ่าข้าอย่างแน่นอน!

โดยไม่ไยดีกับศักดิ์ฐานะของบรรพชนแรก ฉินมู่พยายามลากถูลู่ถูกังตัวเขาไปอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงขยับเขาไม่ได้ ในตอนนั้นเอง นิ้วชี้ที่มือซ้ายของบรรพชนแรกก็กระตุก และฉินมู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย

กระนั้น บรรพชนแรกก็ยังคงหลับตาอยู่ เขายังคงไม่ไหวติง

ตึง

โอรสเทพแสงฉานเหยียบลงมา ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นไหวไปหมดเมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้น

ฉินมู่ได้ยินเสียงฝีเท้าของโอรสเทพแสงฉานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เขาลุกขึ้นยืนและเผยรอยยิ้ม “โอรสเทพอนุญาตให้พวกข้าเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ และเชิญพวกข้าให้แตะต้องกับสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉาน ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเจตนาร้าย และทำให้กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกของข้าหมดสติไป”

สีหน้าของโอรสเทพแสงฉานไร้อารมณ์ “เป็นความผิดของข้า ข้ามีเจตนาที่จะให้เจ้าตกลงไปในเขาวงกตสำนึกรู้จริงๆ กักตัวเจ้าเข้าไว้ที่นั่นชั่วอสงไขย”

ฉินมู่หัวใจบีบรัด เมื่อโอรสเทพแสงฉานกล่าวเช่นนี้ นี่หมายความว่าเขาได้ตัดสินใจแน่นอน เขาจะไม่ปล่อยให้เขารอดออกไป!

โอรสเทพแสงฉานมีปัญญาญาณอันล้ำเลิศ แต่เขามีนิสัยเคยชินบางอย่าง เมื่อหัวใจเขาคิดเรื่องชั่วร้าย เขาก็มักจะปล่อยความลับออกมาจำนวนหนึ่ง

เมื่อพวกเขาเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ เขาได้ปล่อยความลับของความเป็นมาของเขาในฐานะโอรสเทพ หลังจากนั้น บรรพชนแรกก็สลบไป และฉินมู่ก็แทบตกลงไปในเขาวงกตสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉาน

และบัดนี้ เขาก็ได้ปลดปล่อยความคิดส่วนลึกมาเมื่อครู่ อันเป็นความลับที่อยู่ในตัวของเขา มันเป็นสังหรณ์ร้ายว่าเขากำลังจะสังหาร!

“หากว่าอธิการบดีฉินสามารถปล่อยและส่งสำนึกรู้จักรพรรดิแดงฉานกลับคืนมาได้ ข้าก็สามารถปล่อยให้เรื่องที่แล้วมาก็แล้วกันไป” โอรสเทพแสงฉานเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเหินห่าง

ฉินมู่ตะลึงไปเล็กน้อย เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอรสเทพพูดจาง่ายขนาดนี้เชียวหรือ ให้พูดกันตามตรงแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสมองจักรพรรดิแดงฉานถึงพลันดับสูญไปเช่นนั้น ดังนั้นการส่งสำนึกรู้ของเขากลับไปก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ หากว่าโอรสเทพรู้อะไรมา ทำไมเจ้าไม่แถลงไขให้กระจ่างล่ะ”

โอรสเทพแสงฉานกล่าวอย่างนุ่มนวล “สมองจักรพรรดิแดงฉานเป็นภาชนะบรรจุสำนึกรู้ของเขา เมื่อสำนึกรู้ของเขาออกไปจากมัน แสงของสมองจักรพรรดิแดงฉานก็จะดับสูญไป และในตอนนี้ สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานก็อยู่ในสมองของเจ้าแล้ว”

ฉินมู่เค้นสมองคิด มันมีภาพและเสียงประหลาดๆ มากมายในจิตคิดของเขาจริงๆ แต่ทว่าจำนวนของพวกมันไม่มากมาย และไม่มีทางที่จะเป็นภาชนะบรรจุสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานได้ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “จิตคิดของข้ามีภาพและเสียงแปลกประหลาดก็จริง แต่ข้าจะคืนสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานไปได้อย่างไร ข้าไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นผู้ฝึกวิชาเทวะที่สามารถสกัดเอาสำนึกรู้ออกจากก้อนสมองได้มาก่อน ขอโอรสเทพโปรดชี้แนะข้าด้วย”

ใบหน้าอันแข็งทื่อของโอรสเทพแสงฉานฝืนรีดเร้นรอยยิ้มออกมา “นี่มันง่ายมาก สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานไม่มีวันดับสูญไป สำนึกรู้ของเขาแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นต่อให้คนที่รับบรรจุสำนึกรู้ของเขาถูกทำลาย สำนึกรู้ของเขาก็จะไม่ถูกทำลาย ดังนั้นวิธีการที่เรียบง่ายที่สุดคือตัดศีรษะของคนที่รับบรรจุ และบดขยี้สมองของเขาทีละเล็กทีละน้อย สำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานก็จะโผล่ลอยขึ้นมาเอง”

เขากล่าวต่ออย่างเคร่งขรึม “จากนั้น ข้าก็จะยกสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานขึ้นมา และคืนมันกลับเข้าไปในสมองจักรพรรดิแดงฉาน อธิการบดีฉิน เจ้าได้คิดไว้หรือว่าว่าอยากจะถูกกลบฝังแบบไหน ข้าสามารถส่งเจ้าไปด้วยพิธีศพอันยิ่งใหญ่เหมือนกับที่ขุนนางผู้ใหญ่และชนชั้นสูงจัดให้แก่ญาติของตน ข้ายังสามารถใช้โลหะเทวะที่ดีที่สุดหลอมสร้างขึ้นมาเป็นศีรษะให้แก่เจ้า ข้ารับประกันได้เลยว่ามันจะต้องแจ่มชัดและสมจริงเป็นอย่างยิ่ง”

ฉินมู่หน้าซีด และเขาถอยหลังไปทีละก้าวๆ เขาเค้นรอยยิ้มกล่าว “โอรสเทพต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ เลย ใช่ไหม ข้าไม่คิดว่าในสมองของข้าจะมีสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงอยู่ เพราะว่าถ้าข้ามี ข้าก็คงจะกลายเป็นจักรพรรดิแดงอีกคนไปแล้ว โอรสเทพ ใจเย็นๆ ลองไตร่ตรองตรองเรื่องนี้ดูดีๆก่อน…”

เสื้อม่วงของโอรสเทพแสงฉานค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างแช่มช้า และเขากล่าวอย่างหนักหน่วง “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ข้าคิดออกได้ในตอนนี้ อธิการบดีฉินสามารถลองวิ่งหนีดูได้ เจ้าจะวิ่งไปไกลเท่าไรก็ได้ แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถหลบหนีออกไปจากโลกลอยเลื่อนแห่งนี้ ทำไมเจ้าไม่ยืนนิ่งๆ และปล่อยข้าสับหัวของเจ้าลงมาศึกษาตรวจดูอย่างถี่ถ้วนหน่อยล่ะ”

ฉินมู่หันกายไป และวิ่งหนีลงจากภูเขาราวกับเปลวควัน

สีหน้าของโอรสเทพแสงฉานเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก เปลือกตาของดวงตาที่สามตรงหว่างคิ้วของเขาแยกออกไปสองข้าง และเขาก็ถอนหายใจ “ทำไมคนฉลาดเฉียบแหลมเช่นนี้ถึงตัดสินใจอะไรโง่ๆ ดูเหมือนว่า ก่อนที่คนผู้หนึ่งจะตาย พวกเขาก็มักจะทำเรื่องโง่เขลา”

แสงเทวะในดวงตาที่สามของเขากลายเป็นเข้มข้น และยิงออกไป ในพริบตาที่ลำแสงเทวะยิงออก บรรพชนแรกก็กระโดดขึ้นมา และกระบี่หยกสว่างของเขาก็แทงเข้าไปในดวงตาที่สาม!

โอรสเทพแสงฉานรู้สึกเจ็บแปลบอย่างสาหัสเมื่อม่านตาแก้วผลึกที่หว่างคิ้วของเขาร่วงลงมาพร้อมกับโลหิต ทันใดนั้น หัวอีกสองข้างก็งอกเงยขึ้นมาจากในเสื้อม่วง และอีกแขนสี่ข้างก็งอกเงยออกมาใต้แขนเดิม แขนทั้งหกของเขาฟาดออกไปด้วยพละกำลังอันร้ายกาจระหว่างที่บุกตะลุยเข้าใส่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก!

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกไม่หลบหลีก เมื่อเขาแทงเข้าไปในดวงตาที่สาม เขาก็ทิ้งกระบี่ทันที เขาไขว้มือสองข้าง และระเบิดออกไปด้วยมุทราฟ้าและดิน ทำให้การโจมตีของโอรสเทพแสงฉานฟาดใส่เข้าตัวเอง กระบวนท่าแรกของสามท่วงท่าคว่ำฟ้าดิน สวรรค์ถล่มพิภพสาบสูญ ได้ระเบิดออกไปด้วยพลานุภาพเต็มพิกัดเพื่อฟาดไปยังร่างของโอรสเทพแสงฉาน!

ทั้งสองคนโจมตีโดนกันแทบจะพร้อมๆ กัน เสียงกระดูกหักดังมาจากร่างของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก กระดูกซี่โครงทิ่มออกมาจากข้างหลังเขา ทะลุผ่านร่างออกมา และแทงโผล่เหนือเสื้อผ้า ใบหน้าเขาก็บาดเจ็บจากกระบวนท่า และบิดเบี้ยวผิดรูป คางด้านล่างของเขาแหลกเละ และเขากระเด็นไปเร็วเสียยิ่งกว่าฉินมู่ที่กำลังวิ่งลงเขา เขาร่วงลงไปปะทะพื้น และสร้างหลุมใหญ่ก่อนหน้าฉินมู่หนึ่งก้าว

ราชวังข้างๆ พังทลายและล้มครืนลงมา ร่วงลงไปในหลุมใหญ่

อีกฟากของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ บนยอดเขานั้น กายเนื้อของโอรสเทพแสงฉานก็บิดเบี้ยวด้วยองศาอันพิลึกกึกกือ เอวของเขานั้นเหมือนกับตุ๊กตากระดาษที่ถูกหงายหลังไปที่เอว คอกลางของเขาท่ามกลางคอทั้งสามได้หักลงไป และศีรษะของเขาก็ห้อยตกลงด้านหลัง

ตูม

ร่างของเขากระเด็นเข้าไปตกในโถงศักดิ์สิทธิ์ และเสียงโครมสะท้านโลกก็ดังมาจากข้างในนั้น เมื่อผนังทางด้านหลังระเบิดออก หินมากมายไร้ประมาณบินว่อนไปทั่วทิศ และร่างกายของโอรสเทพแสงฉานก็เหาะขึ้นมาด้วยเช่นกัน พุ่งวาบกรีดฟ้าราวกับแสงดาวตก

พื้นดินข้างใต้เท้าของฉินมู่พังลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาร่วงลงไปในหลุมใหญ่ เด็กหนุ่มกระโดดไปรอบๆ เหยียบไปบนขั้นบันไดที่หักพัง และลงไปยังก้นหลุมอย่างรวดเร็ว

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกนอนแผ่กางแขนขาอยู่ที่นั่น ความเจ็บปวดสาหัสทำให้กล้ามเนื้อของเขาชักกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ “กำลังฝีมือของเขาสูงกว่าข้า และขั้นวรยุทธของเขาก็ยังสูงกว่าข้า ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีสามหัว และข้าเพิ่งทำลายหัวเขาได้หัวเดียว รีบหนีไป!”

ฉินมู่พยายามจะแบกเขาขึ้นมา แต่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ซี่โครงทั้งยี่สิบคู่ของข้าหักไปหมด เหลือแค่กระดูกสันหลัง ข้าไม่อาจต่อสู้ได้อีกต่อไป รีบไปเร็วเข้า!”

“ข้าจะไปที่ไหนได้”

ฉินมู่ส่ายหัว “วิชาฝึกปรือของยุคสมัยแสงฉานนั้นเชี่ยวชาญในการเสกสรรกายเนื้อ หากว่าพวกเขาสามารถงอกเงยหัวอีกสองและแขนอีกสี่ขึ้นมาได้ พวกเขาก็ย่อมงอกเงยกระดูกหักของตนขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่ยากเย็น เจ้าเพียงแต่ต้องฝึกปรือทักษะเทวะเสกสรรของพวกเขา แล้วเจ้าก็จะสามารถฟื้นฟูซี่โครงขึ้นมาใหม่ได้ เห็นไหม นี่คือประโยชน์ของการศึกษาค้นคว้าวงแหวนเทวะเสกสรร เจ้ายังเอาแต่ทำหน้าบูด แม้ว่าเจ้าจะไม่พูดอะไร แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าเก็บมาแค้นใจที่ข้าไม่ยอมเรียนวิชามุทราของเจ้า…”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกคลั่งใจจนเกินทน เขานอนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับ “เวลาคับขันแบบนี้ เจ้ายังพูดจาเหลวไหลอยู่อีก! ไสหัวไป รีบไสหัวไปสิ!”

ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปจากโลกลอยเลื่อนได้ ข้าจะไสหัวไปที่ไหนได้ล่ะ”

เขาลากกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกไม่ไปจริงๆ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยอมแพ้ เขานำเอามีดปริศนาประหารเทพออกมา และกุมฝากล่องไว้แน่น พลางจ้องไปยังเขาบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ฟิ้ว

ร่องรอยแสงไหลกลับมา และโอรสเทพแสงฉานก็กลับมายังหน้าโถงศักดิ์สิทธิ์ ศีรษะตรงกลางของเขานั้นยังคงหงายไปด้านหลังและสำรอกโลหิตออกมา มันยังพ่นชิ้นส่วนกระดูกหักออกไปด้วย และน่าจะเป็นชิ้นส่วนแตกหักจากกระดูกไหปลาร้าที่เกิดขึ้นมาตอนคอของเขาถูกหัก

หลังจากถ่มเศษกระดูกแตกออกไป คอกลางของเขาก็ค่อยๆ ตั้งตรงขึ้น และศีรษะก็กลับมาตั้งตรงด้วยเช่นกัน อาการบาดเจ็บที่คอของเขาเยียวยากลับมาอย่างรวดเร็ว

ยุคสมัยแสงฉานมีความสำเร็จอันเหนือธรรมดาในด้านวิชาเสกสรรอย่างแท้จริง และนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง!

สาเหตุที่ฉินมู่ชมชอบวงแหวนเทวะเสกสรรนัก นอกจากพลานุภาพอันไร้เทียมทานของมันแล้ว ก็เพราะว่าเขาเห็นจุดแข็งในวิชาเสกสรรสำหรับกายเนื้อ

โอรสเทพแสงฉานเองก็กำลังขับไล่ชิ้นส่วนกระดูกแตกออกมาจากบาดแผลของเขา บาดแผลของเขานั้นสาหัสก็ในเมื่อกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกได้ลอบจู่โจมโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ความเสียเปรียบด้านวรยุทธทำให้บรรพชนแรกได้สร้างบาดแผลรุนแรง แต่หากว่าเป็นเทพเจ้าอื่นๆ ก็คงจะตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว แต่ทว่าสำหรับเขา อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ยังควบคุมได้

ส่วนอาการบาดเจ็บในจิตวิญญาณดั้งเดิมและสมบัติเทวะ แม้ว่าจะรุนแรง แต่เมื่อเทียบกับกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก เขาก็ยังนับว่าชนะ

“มีดปริศนาประหารเทพในมือของเจ้า ทำอะไรเทพเจ้าในขั้นอัครนครหยกอย่างข้าไม่ได้หรอก”

โอรสเทพแสงฉานยกมือขึ้นจากที่ไกลๆ แผ่นดินก็ยกตัวสูงขึ้น และเมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นเสาหิน มันก็ยกฉินมู่และกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกขึ้นมา เสาหินนั้นหมุนวนไป และทำให้ฉินมู่หันหลังเข้าหาเขาอยู่เสมอ

ฉินมู่รีบหันกลับไป แต่ไม่ว่าเขาจะหมุนตัวหรือหันไปเร็วแค่ไหน แผ่นหลังของเขาก็จะเผชิญกับโอรสเทพแสงฉานอยู่เสมอ!

เขาไม่อาจเล็งมีดปริศนาประหารเทพไปยังโอรสเทพแสงฉาน!

เหงื่อเย็นเยียบผุดออกมาจากหน้าผากของฉินมู่ เขาหวังพึ่งมีดปริศนาประหารเทพเป็นที่สุด และในตอนนี้มันก็กลายเป็นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!

โอรสเทพแสงฉานใช้วิธีการอันเรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดในการแก้ทางมีดปริศนาประหารเทพ!

ในจังหวะนั้น เทพเจ้ามากมายแห่งโลกลอยเลื่อนก็เหาะมา พอพวกเขาเห็นภาพดังกล่าว ก็ล้วนแต่ลังเลและไม่กล้าเข้ามาใกล้

ทันใดนั้น ฉินมู่ก็โยนมีดปริศนาประหารเทพลงไป เขาแตะที่ใจกลางหว่างคิ้วของตนและตะโกน “ตัวข้าอีกคน ออกมา!”

ที่หว่างคิ้วของเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน ดวงตาเขาเจ็บจากการถูกนิ้วจิ้มแทน

ฉินมู่ร้องคำราม “คลายผนึก!”

ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากผนึกที่เขาเรียก

“ฉินเฟิงชิง?” ฉินมู่หยั่งเชิง

ก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยา

ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และก็คำรามในคอ “ตอนที่ข้าไม่ต้องการ เจ้าก็กระโดดออกมาก่อเรื่องวุ่นวาย ตอนนี้ข้าต้องการ เจ้าก็เมินเฉยข้า! อย่างนี้ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำไม”

ที่ในส่วนลึกดวงตาที่สามของเขา ในแผ่นดินรูปฉิน ทารกสามตาฉินเฟิงชิงเผยสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเขาเห็นหัวอีกหัวหนึ่งงอกเงยออกมาจากคอของเขา นั่นมันเป็นหัวอันแตกต่างจากรูปลักษณ์ของฉินมู่ตอนเด็กๆ โดยสิ้นเชิง!

มันเป็นหัวของจักรพรรดิแดงฉาน!

ทารกยักษ์ลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นผู้เฒ่าชุดขาวที่ถูกทับแบนบี้อยู่ใต้ตูดของเขา เมื่อผู้เฒ่าหลุดออกมาได้ เขาก็รีบตะกายหนีไปทันที

ฉินเฟิงชิงเงื้อกำปั้นอ้วนๆ ของเขาและฟาดลงไปที่หัวอันโผล่มาบนคอของเขาอย่างดุร้าย

ปัง ปัง ปัง ปัง!

หลังจากการโจมตีอย่างดุเดือด จักรพรรดิวัยกลางคนผู้มีท่วงทีอันเหนือธรรมดาก็ถูกฟาดกระเด็นออกไปจากร่างของเขา ในหน้าของเขาฟกช้ำดำเขียวไปหมดขณะที่ตะกายคลานอยู่กับพื้น

จักรพรรดิวัยกลางคนทั้งประหลาดใจและโกรธเกรี้ยว เขารีบลุกขึ้นมาจะโต้กลับ แต่เขาตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นสถานการณ์โดยรอบ เขากระโดดโหยงด้วยความตกใจอย่างข่มระงับไว้ไม่อยู่

“เทพสรรพชีวิต พุทธเจ้าพรหม และแม้กระทั่งเวทปิดผนึกของภูติบดี! ที่นี่มันที่ไหน ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่”