ตอนที่ 319 คิดถึงมากเกินไป / ตอนที่ 320 ทำไม่ลง

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 319 คิดถึงมากเกินไป

 

 

เมื่อหลินเยียนได้สติกลับมาก็ถูกกอดอยู่ในอ้อมอกที่แฝงความเย็นเยียบของสายลมยามค่ำคืนแล้ว

 

 

ชั่วพริบตานั้น โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยกลิ่นไออันแสนจะเงียบสงบราวกับป่าลึกที่แสนจะคุ้นเคยนั้น แฝงไว้ด้วยกลิ่นของใบยาสูบจางๆ …

 

 

ถึงแม้จะนับว่าคบหากันมานานแล้ว แม้กระทั่งจูบก็จูบกันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคย…ใกล้ชิดเผยอวี้เฉิงขนาดนี้มาก่อนเลย…

 

 

เพราะเผยอวี้เฉิงไม่เหมือนคนที่มีอารมณ์ร้อนแรงแบบนั้นเลยสักนิด แม้แต่ตอนที่ยั่วเย้าเธอทุกครั้งก็ทำอย่างช่ำชอง แต่การกอดนี้กลับเหมือนถ่ายทอดและเปิดเผยอารมณ์ที่ไม่คงที่ของผู้เป็นเจ้าของออกมาอย่างนั้น

 

 

หลินเยียนหัวสมองว่างเปล่า เพราะการกอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ ทำให้เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทันที

 

 

จากนั้นก็มีคำพูดของเผยอวี้เฉิงประโยคนั้นผุดขึ้นมา…

 

 

คิดถึงเธอจนไม่สบาย…

 

 

เผยอวี้เฉิงรีบกลับมาก่อนเวลากะทันหัน กระทั่งว่ายังปรากฏตัวอยู่ภายในห้องเก็บของร้างแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย หรือว่าเป็นเพราะ…

 

 

เพราะคิดถึงเธอ เลยรีบกลับมาก่อนเวลา

 

 

เพราะอยากเจอเธอทันที แต่ก็กังวลเรื่องที่เธอเคยพูดไว้ว่าห้ามให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นถึงให้เผยหนานซวี่จัดเตรียม…สถานที่นัดเจอแบบนี้?

 

 

พริบตานั้น หลินเยียนรู้สึกตกใจเพราะความคิดนี้ของตัวเอง

 

 

มีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสองภายในห้องเก็บของอันแสนจะเงียบสงัดเท่านั้น

 

 

ติ๊ด…

 

 

ติ๊ด…

 

 

ติ๊ด…

 

 

ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

 

 

หลินเยียนมองไปที่นาฬิกาข้อมือเผยอวี้เฉิงโดยอัตโนมัติ จากการคาดเดาของเธอ นาฬิกาเรือนนี้น่าจะเป็นเครื่องมือตรวจวัดทางการแพทย์อะไรสักอย่างแน่

 

 

เหมือนจะร้องเตือนแค่ช่วงที่เผยอวี้เฉิงได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ ค่าภายในร่างกายเกินเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น

 

 

เอ่อ แล้วเธอไปทำให้เขากระทบกระเทือนตรงไหนอีก?

 

 

เมื่อเห็นอุปกรณ์เตือนส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง หลินเยียนก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที “เอ่อ…ดังแล้ว…นาฬิกาดังแล้ว…ต้องไปหาหมอ…”

 

 

หลินเยียนเพิ่งคิดจะขยับตัว ทันใดนั้นก็ถูกกดกลับไปอีก

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยปากพูด

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

จะไม่เป็นไรได้ยังไง!

 

 

ก่อนหน้านี้เผยอวี่ถังบอกเธอว่ามันร้ายแรงเสียขนาดนั้น!

 

 

หลินเยียนร้อนใจทันที “จะไม่เป็นไรได้ยังไง คุณชายสามเคยบอกสภาพร่างกายของคุณให้ฉันฟังแล้ว บอกว่าคุณจะได้รับความกระทบกระเทือนไม่ได้ คุณไปเมืองนอกคราวนี้เหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”

 

 

เผยอวี้เฉิงฟังเสียงร้อนรนจะเป็นจะตายของหลินเยียน ค่อยลืมตาที่ปรือเล็กน้อยขึ้นมา ดวงตาปรากฎรอยยิ้มฉายวาบ ผงกศีรษะแล้วตอบว่า “อืม”

 

 

เธอรู้!

 

 

หลินเยียนกำลังจะพูด วินาทีต่อมาเผยอวี้เฉิงก็พูดต่อไปว่า “คิดถึงมากเกินไป”

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

การพูดโดยส่งข้อความกับการพูดด้วยตัวของเผยอวี้เฉิงเองนั้นให้ความรู้สึกสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

เธอยังพอรับการส่งข้อความไหว แต่ตอนนี้…

 

 

เธอค่อนข้าง ตื่นเต้นบ้างแล้ว…

 

 

หมายความว่าเขาคิดถึงเธอมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นเขาถึงบอกให้เผยหนานซวี่จัดเตรียมสถานที่ผุพังเล็กๆ แบบนี้เพื่อเจอหน้าเธออย่างงั้นเหรอ?

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยียนก็รู้สึกพูดไม่ออก

 

 

ก่อนที่สมองจะถูกความตื่นเต้นทำให้สับสน หลินเยียนรีบเบี่ยงเบนหัวข้อสะเปะสะปะ “คือ…คือว่า…ยังไม่ทันได้บอกคุณเลย เรื่องของคุณแม่ฉัน ของคุณตาฉัน รวมถึงของคุณอาเซี่ยจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ขอบคุณนะคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เธอไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีก็มีสาเหตุมาจากฉันอยู่แล้ว”

 

 

“แต่ถึงยังไงคุณก็เป็นคนจัดการ…ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจคุณผิดไป…ขอโทษนะคะ…”

 

 

หลินเยียนพูดอธิบาย “ถึงยังไงด้วยอำนาจของคุณ ถ้าคิดจะบีบบังคับฉันก็มีวิธีนับไม่ถ้วน เรื่องพวกนั้นคุณพูดแค่ประโยคเดียวก็ได้แล้ว ดังนั้นตอนนั้นเพราะฉันอารมณ์ร้อนเกินไป ฉันเลยเข้าใจคุณผิดไปโดยไม่รู้ตัว แต่คิดไม่ถึงว่า…”

 

 

ในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็ปล่อยตัวหญิงสาว กลับคืนสู่ความเฉยชาอย่างที่เคยเป็นมา “อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”

 

 

 

 

ตอนที่ 320 ทำไม่ลง

 

 

หลินเยียนผงกศีรษะโดยอัตโนมัติ

 

 

มีหลายครั้งที่ท่าทีและการกระทำของเผยอวี้เฉิงขัดแย้งกันเอง ทำให้เธอไม่เข้าใจเลย

 

 

หลังจากได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเผยอวี้เฉิง เธอก็หมดข้อสงสัย เผยอวี้เฉิงทำเรื่องพวกนั้นออกมาได้จริงๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผยอวี้เฉิงถึงไม่ได้ทำแบบนั้น

 

 

“ก็…ไม่เข้าใจอยู่บ้างจริงๆ ค่ะ…” หลินเยียนสารภาพตามตรง

 

 

ในความมืดสลัว ชายหนุ่มซึ่งสวมชุดที่มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดกำลังจ้องมองเธออย่างสงบนิ่งพร้อมเอ่ยว่า “ทำไม่ลง”

 

 

เพราะทำไม่ลง…

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

เสี้ยววินาทีที่คำพูดหลุดออกจากปากมา ใจของหลินเยียนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างมากระแทก ความรู้สึกชาวาบแผ่ขยายไปตามอวัยวะและกระดูกภายในชั่วพริบตา

 

 

กรรมแท้ๆ…

 

 

เธอหาหัวข้อไปอย่างงั้นเอง เดิมทีคิดว่าจะช่วยผ่อนความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง แล้วทำไมสุดท้ายกลับยิ่งตื่นเต้นได้ล่ะ

 

 

ตอนนี้หลินเยียนเสียกระบวนไปอย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆ เฮ้อ เผยอวี้เฉิงมีท่าทีอย่างไรกับเธอกันแน่?

 

 

ช่างเหมือน…หมอก เหมือนฝน และเหมือนสายลม เดาทางไม่ถูกเลย

 

 

หลินเยียนหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นไรดี เธอพูดพึมพำออกมาว่า “คือว่า…ที่นี่…ราชาภาพยนตร์เผยเป็นคนหางั้นเหรอคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิง “อืม”

 

 

หลินเยียน “แค่ก ปลอดภัยมากจริงๆ”

 

 

เผยหนานซวี่ก็ทำไปได้ เป็นถึงราชาภาพยนตร์ แต่กลับตั้งอกตั้งใจหาสถานที่ให้พวกเขาสองคนแอบเจอกัน

 

 

เพียงแต่ต้องให้เผยอวี้เฉิงเป็นคนขอ เผยหนานซวี่ถึงจะทำให้แบบนี้

 

 

หลินเยียนมองเผยอวี้เฉิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่นานนักยังอยากจะควบคุมทุกอย่างของเธอไว้แท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำตามความต้องการของเธอด้วยความดูแลเอาใจใส่แบบนี้ได้ล่ะ…

 

 

“เหมือนคุณจะกลับมาก่อนตั้งหลายวัน งานทางนั้นเรียบร้อยแล้วเหรอคะ” หลินเยียนถาม

 

 

“ยังเหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องให้ฉันอยู่ด้วย” เผยอวี้เฉิงตอบ

 

 

หลินเยียน “อ้อ…ใช่แล้วล่ะ วันนี้ฉันปิดกล้องแล้วนะคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิง “อืม รู้แล้ว”

 

 

เอ่? รู้แล้ว? เผยหนานซวี่คงบอกเขาสิท่า…

 

 

ภายในห้องเล็กสกปรกดำมืดเก่าผุพังห้องนี้ ทั้งสองเริ่มคุยกันในลักษณะที่อีกฝ่ายพยายามหาเรื่องคุย

 

 

หลินเยียนมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ขนาดนี้ก็ยังมีสภาพเหมือนเทพบุตรลงมาจุติดังเดิม รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงเลยจริงๆ

 

 

ก่อนหน้านี้ยังเตรียมตัวที่จะอธิบายให้เผยอวี้เฉิงเข้าใจอีกครั้งตอนที่ได้เจอกันเสียด้วยซ้ำ

 

 

เพียงแต่นับตั้งแต่คุยกับเผยอวี่ถังคราวก่อนจนได้รับรู้สภาพร่างกายของเผยอวี้เฉิง เธอก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปเลย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น…

 

 

หลินเยียนมองนาฬิกาที่ข้อมือเผยอวี้เฉิง

 

 

นาฬิกาเรือนนั้นยังคงส่งเสียงดัง ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’ อยู่ตลอดเวลา แม้ความถี่คล้ายจะค่อยๆ ช้าลงก็ตาม แต่ก็ยังส่งเสียงขาดๆ หายๆ ไม่หยุดอยู่ดี แล้วหลินเยียนยังจะกล้าพูดที่ไหนกันเล่า

 

 

หลินเยียนกระแอมเบาๆ แสร้งพูดด้วยท่าทางสบายอารมณ์ไม่สนใจอะไร “ใช่แล้วล่ะ เพื่อนสาวคนสนิทของฉันคนหนึ่งช่วงนี้เธอหงุดหงิดมาก มาบ่นกับฉันตลอดเลย ที่เธอคบกับแฟนเธอ ไม่ใช่เพราะชอบเขา แต่ต้องแสดงละครเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่าง ตอนนี้เพื่อนสนิทฉันกลุ้มใจมากว่าควรบอกแฟนเธอเรื่องนี้ดีไหม”

 

 

เผยอวี้เฉิงฟังหญิงสาวพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง สีหน้านิ่งสงบล้ำลึก ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่แม้แต่น้อย

 

 

“คุณเผย เรื่องแบบนี้คุณคิดว่ายังไงคะ” หลินเยียนพูดอย่างระมัดระวัง

 

 

เมื่อหลินเยียนพูดจบ ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง ห้องเล็กอันคับแคบนั้นเงียบกริบ

 

 

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังอยู่ข้างใบหู “ความแตกต่างระหว่างการทำตามอำเภอใจกับความหลงใหลตลอดชีวิตก็คือการทำตามอำเภอใจจะยาวนานกว่าเล็กน้อย[1]”

 

 

 

 

[1] ความแตกต่างระหว่างการทำตามอำเภอใจกับความหลงใหลตลอดชีวิตก็คือการทำตามอำเภอใจจะยาวนานกว่าเล็กน้อย ข้อความจากนิยายเรื่อง ภาพวาดโดเรียนเกรย์ : The Picture of Dorian Gray โดย ออสการ์ ไวลด์