มีคนที่ทิ้งเคสรักษาราคาเป็นแสนแล้วมาเลือกเคสที่ทำเงินให้นิดเดียวจริงๆเหรอ?
เย่เสียวอวี่ไม่เชื่อ มันขัดกับทัศนคติเธอ
พ่อของเธอเป็นผู้จัดการหน่วยงานเอกชน บอกว่าเป็นผู้จัดการฟังแล้วดูดี แต่ใครๆก็รู้ว่าหน่วยงานเอกชนไม่มั่นคง วันนี้ได้เงินเดือนสูงไม่แน่พรุ่งนี้อาจต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน
แม่ของเธอเป็นเซลล์ นามบัตรที่แจกคนอื่นเขียนว่าเป็นผู้จัดการ แต่มันก็แค่เปลือก ต้องหอบเอกสารเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อไปเสนอขาย กำไรดีก็จริง ขายได้เครื่องหนึ่งมีกินไปครึ่งปี แต่อย่างเก่งก็ขายได้แค่ปีละเครื่องสองเครื่อง
เธอมีงานที่มั่นคง แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดัน ครอบครัวเธอก็แค่ฐานะเล็กๆ ในสายตาคนอื่นครอบครัวเธอมีฐานะปานกลาง แต่เพื่อใช้ชีวิตให้มีเกียรติทุกคนต่างพยายามกันเต็มที่
เงินหลายแสน เย่เสียวอวี่ไม่เชื่อว่าจะมีคนไม่แคร์
แต่เสี่ยวเชี่ยนก็แค่ทำเสียง หึ ออกมาอย่างดูถูก ศาสตราจารย์หลิวไม่สนเรื่องเงินหรอก
“เธอยังคงไม่เข้าใจเกียรติของหมอสินะ จิตวิญญาณของอาจารย์ฉันชาตินี้เธอไม่มีทางเข้าถึงหรอก ในสายตาของเขาบางสิ่งบางอย่างสำคัญกว่าเงินทอง ฉันขอพนันว่าเขารับ”
“ฉันพนันว่าไม่รับ เธอจะพนันเท่าไร?” เย่เสียวอวี่ไม่เชื่อว่าศาสตราจารย์หลิวที่ไม่มีเวลารับเคสราคาหลักแสนของหลี่เจียจะมีเวลามาสนใจน้องสาวเธอ
“เชยมาก! ฉันเป็นว่าที่ครอบครัวทหาร ถ้าเสี่ยวเฉียงรู้ว่าฉันเล่นพนันเงินเขาไม่มานั่งอบรมฉันเลยเหรอ?”
ฉึก เหมือนมีหอกมาทิ่มกลางใจเย่เสียวอวี่ เธอเคืองจนสีหน้าบูดบึ้ง
“ทำไมชอบทำให้ฉันเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ?”
“เธอจะเกลียดฉันหรือชอบฉันมันไม่ได้ส่งผลอะไรกับฉันเลย ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นทางเดิม กินได้นอนหลับ ฉันก็ต้องแต่งงานเหมือนเดิม”
รับมือกับศัตรูหัวใจประธานเชี่ยนไม่เคยออมมือ
“ตกลงเธอต้องการพนันกับอะไร?”
“แต่งหน้า ถ้าอาจารย์ฉันรับรักษา ฉันต้องการให้เธองดแต่งหน้าหนึ่งอาทิตย์แล้วออกไปเจอผู้คนในสภาพหน้าสด แต่ถ้าอาจารย์ไม่รับ—”
“เธอจะทำไม?”
“ฉันจะแต่งหน้าจัดหนึ่งอาทิตย์เป็นไง?”
“ฉันไม่พนันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก!”
“อ้อ เธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้านี่เอง ไม่เป็นไร ไม่กล้าก็ไม่ต้องรับคำท้า”
“ฉันไม่ได้เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำนะ!”
“ไม่ได้เป็นแล้วทำไมไม่กล้าพนันล่ะ?”
“ก็แค่ไม่อยาก”
“อ้อ ก็โรคย้ำคิดย้ำทำนั่นแหละ ก็ได้ๆ ฉันไม่บังคับคนป่วย”
“พนันก็ได้!” เย่เสียวอวี่ถูกเสี่ยวเชี่ยนยุจนรับคำท้าที่ไม่เป็นธรรม
พอเธอสังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเสี่ยวเชี่ยนถึงได้พบว่าดูเหมือนเธอจะ…ถูกหลอกเข้าแล้ว!
การไม่แต่งหน้าสำหรับเธอแล้วจะทำให้เสียสมาธิ ในใจก็หวาดหวั่น วันนี้เพราะเป็นห่วงน้องสาวถึงได้รีบมา แต่ก็ไม่สบายไปทั้งตัวคล้ายกับคนเป็นไข้สูง ถ้าไม่แต่งหน้าหนึ่งอาทิตย์เธอว่าตัวเองต้องตายแน่
เย่เสียวอวี่พอคิดถึงเรื่องแต่งหน้ามือก็เริ่มควานหาลิปสติกในกระเป๋าอย่างควบคุมไม่ได้ ระหว่างเดินขึ้นตึกก็ทาไปด้วย เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็ทึ่ง ทักษะเทพมาก ทำไมถึงทาได้ไม่ตกขอบปากเลย?
“เย่เสียวอวี่ เธอเป็นอะไรกับเย่เสี่ยวเวย? แม่เธอไม่น่าจะใช่แม่แท้ๆของเขาหรือเปล่า?”
“เธอรู้ได้ยังไง?เวยเวยบอกเหรอ?”
“อืม”
“อันที่จริงเวยเวยเป็นลูกของอาฉัน แม่เขาพอคลอดเขาออกมาก็เสีย พ่อออกไปทำงานจนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วก็ตาย พ่อฉันเลยไปรับมาอยู่ด้วย โตในครอบครัวฉันตั้งแต่เล็กๆ เลยเรียกพ่อฉันว่าพ่อ เรียกแม่ฉันว่าแม่”
“เธอชอบน้องเธอมากเลยเหรอ?” ชอบถึงขนาดที่รีบมาโดยไม่มีเวลาสนใจเรื่องแต่งหน้า
“อืม เขาเป็นเด็กที่ดีมากเลยนะ บางครั้งฉันเหนื่อยมาจากข้างนอกพอเห็นรอยยิ้มของเขาก็หายเหนื่อยลงไปเยอะ—ทำไมฉันต้องบอกเธอเรื่องพวกนี้ด้วยเนี่ย ฉันเกลียดเธอ”
“ฉันก็ไม่ได้ชอบเธอ”
ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องไอซียูแล้วเอาใบเสร็จยื่นให้พยาบาล หลุ่ยจือแม่ของเย่เสียวอวี่ตามไปรับของที่ต้องใช้ในโรงพยาบาล พ่อเย่เฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ศาสตราจารย์หลิวบอกสถานการณ์กับเขาไปแล้วรอบหนึ่ง ถึงตอนนี้เด็กคนนี้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หลังจากนี้ก็ต้องบำบัดจิตใจ เพราะโรคซึมเศร้าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่ได้รับคำแนะนำจากจิตแพทย์ก็อาจจะเกิดการฆ่าตัวตายได้อีก
“อาจารย์คะ ญาติผู้ป่วยไม่ต้องการให้หนูรักษาอาจารย์รับเคสนี้ได้ไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนพูดออกไปตรงๆ
“หืม? ทำไมล่ะ? เฉินเสี่ยวเชี่ยนเป็นนักเรียนที่โดเด่นที่สุดของฉัน เขามีความสามารถในการรักษาเวยเวยได้”
“เพราะ—” เย่เสียวอวี่อึกอัก
“เพราะเขาเคยแอบรักอวี๋ไข่เหล็ก อีกทั้งยังเคยไปตีเทนนิสด้วยกันระยะหนึ่ง ตอนนี้แค่เขาเห็นหนูก็หงุดหงิด หนูเห็นเขาก็รมณ์บ่จอยเหมือนกัน ประมาณนี้แหละค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดตรงมากจนทำให้เย่เสียวอวี่หน้าแดง
ศาสตราจารย์หลิว อ้อ ออกมา มองเย่เสียวอวี่อย่างพินิจ จากนั้นก็ส่ายหน้า
“ดูก็รู้ว่าไม่ใช่สเปกของอวี๋ไข่เหล็ก อวี๋ไข่เหล็กเป็นพวกสเปกสูง ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าเขาเป็นพวกละเอียดเรื่องความสัมพันธ์มาก ถ้าไม่ใช่เสี่ยวปืนเหล็กมีหวังเขาได้เลือกผู้หญิงจนตาย ถึงตอนนั้นคงเป็นคู่ที่ทรมานโลกน่าดู อืม เธอโชคดีมากแล้วนะ อยู่กับอวี๋ไข่เหล็กน่ะไม่มีความสุขหรอก ลูกศิษย์ฉันน่ะไม่เป็นไร เอารายนั้นอยู่หมัด อีกทั้งยังหาที่ติยาก อยู่กับคนแบบนั้นกำลังดี”
นี่สรุปว่าปลอบเย่เสียวอวี่หรือจะชมเสี่ยวเชี่ยนกันแน่?
มันคือปริศนา…
เสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าเย่เสียวอวี่แล้วก็นึกขำ อาจารย์เป็นพวกเข้าข้างลูกศิษย์นี่นา
เย่เสียวอวี่ถูกศาสตราจารย์หลิวพูดแบบนั้นก็ไปไม่ถูก คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้าชอบเอาเรื่องทุกอย่างไปลงที่การไม่ได้แต่งหน้า เธอคิดทันทีว่าเป็นเพราะวันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหรือเปล่า ศาสตราจารย์หลิวถึงได้จงใจพูดเป็นนัยว่าเสี่ยวเชี่ยนหน้าสดสวยกว่าเธอ?
มือกำลังไปจับที่กระเป๋าก็ได้ยินศาสตราจารย์หลิวแทงเข้ามาอีกมีด
“ไม่ต้องแต่งแล้ว คราวก่อนฉันเห็นเธอเติมหน้าสามครั้งในหนึ่งชั่วโมงฉันก็สงสัยว่าเธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้าแล้ว นิสัยนี้ของเธอจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็กนะ อย่าคิดมากเลย ไม่ต้องเอาทุกเรื่องไปโทษที่การแต่งหน้าหรอก ดูอย่างเสี่ยวปืนเหล็กสิ วันๆหน้าซีดอย่างกับผี ถ้าวันไหนแต่งหน้าขึ้นมาอวี๋ไข่เหล็กกลับไม่ชอบด้วยซ้ำ บอกว่าต้องกินลิปสติก—”
“เขาพูดแบบนั้นเหรอคะ?!” อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็อยากอัดหมาฮัสกี้ที่บ้านขึ้นมาทันที
เรื่องแบบนี้ไปบอกผู้ใหญ่ทำไม!
“ตอนเขาคุยโม้กับลูกน้อง หัวหน้าใหญ่ได้ยินเข้าพอดี ได้ยินว่ามีการเปิดสอนเทคนิคการแยกแยะลิปสติกด้วยนะ…”
แม่งเอ๊ย! อวี๋เสี่ยวเฉียงรอก่อนเถอะ! เสี่ยวเชี่ยนอยากอัดอวี๋หมิงหลางให้ตาย นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แยกแยะลิปสติกบ้านเอ็งสิ!
ไหนจะหัวหน้าใหญ่ท่าทางเคร่งขรึมแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพวกชอบดักฟัง!
เย่เสียวอวี่ฟังบทสนทนาของศิษย์กับอาจารย์คู่นี้แล้วก็ทำหน้าไม่ถูก แม้แต่ความอยากแต่งหน้าก็หายไปเยอะ
“ศาสตราจารย์หลิวช่วยรักษาน้องสาวฉันได้ไหมคะ?” เย่เสียวอวี่วกกลับเข้าเรื่องสำคัญ
“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะเลื่อนโปรเจ็คต์ในมือออกไปก่อนสองโปรเจ็คต์ เธอ เธอนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นมองที่อื่น! ฉันรับมาแล้วเธอก็ต้องช่วยฉันทำงาน!” ศาสตราจารย์หลิวชี้ไปที่เสี่ยวเชี่ยนที่แกล้งทำเฉไฉ
“อาจารย์ หนูยังเป็นแค่เบบี๋นะคะอย่าดุนักสิ”
“อย่ามาแสร้งทำตัวเป็นเด็กใส่ฉัน! คิดจะสร้างเงื่อนไขกับฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
“ฮี่ๆ…”