ทั้งสามคนตกตะลึง สัตว์เลี้ยงจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อเจ้าของได้อย่างไรกัน?! แต่ท่าทีของชายผู้เย้ายวนนั้นทำให้ชีอ้าวชวางคาดไม่ถึงยิ่งกว่าเดิม เขากอดแมวล่าสมบัติที่นอนอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวังแล้วถามอย่างอ่อนโยน “อาเป่า เจ้าต้องการอะไรล่ะ? ข้าแค่ไม่ฆ่านางก็น่าจะพอแล้วนี่?”
เอ่อ…
พวกของชีอ้าวชวางมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วขากรรไกรของพวกเขาก็แทบจะหลุดออกมา คราบเลือดไหลลงมาบนใบหน้าไร้ที่ตินั้น แต่ใบหน้าที่สวยงามนั้นกลับยังคงมีรอยยิ้มประจบแมวอยู่เลย
“เหมียวๆ!” แมวล่าสมบัติกระโดดกลับไปนั่งที่ไหล่ของชีอ้าวชวาง
ใบหน้าของชายผู้เย้ายวนจมดิ่งลง เขามองชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ แล้วพูด “เจ้าเด็กน้อย เจ้าทำอะไร ทำไมอาเป่าของข้าถึงชอบเจ้ามากเลย นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่กับอสูรทั้งสองนี้ล่ะ?” หัวใจของชายหนุ่มรู้สึกเคืองมาก เขาฆ่าไม่ได้ และอาเป่าก็ไม่ยอมกลับมาด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ข้ามาที่นี่เพื่อค้นหาแก่นแท้ของไฟ” ชีอ้าวชวางตอบพลางมองลูกแมวสีขาวหิมะที่หมอบอยู่บนไหล่ของนางจากหางตา นางรู้ว่าพวกเขาทั้งหมดรอดได้เพราะเจ้าตัวเล็กนี้ ความแข็งแกร่งของชายตรงหน้านั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้เลยจริงๆ และก็ง่ายมากหากชายผู้นั้นจะฆ่าพวกเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอมเลี้ยงลูกแมวตัวนี้ เพียงเพราะว่าลูกแมวตัวนี้เป็นแมวที่หาสมบัติได้งั้นหรือ? มันแค่นั้นจริงหรือ?
“อ๋อ เข้ามาได้อย่างไรล่ะ?” ดูเหมือนว่าชายผู้ยั่วยวนจะรู้มานานแล้วว่าพวกเขามาจากโลกภายนอก แต่ยังคงถามต่อ
“เพื่อนของข้าส่งเรามา” ชีอ้าวชวางตอบอย่างให้ความร่วมมือ
“หืม?” ชายผู้เย้ายวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ ไม่ได้ขยับตัวแล้วรออย่างเงียบๆ
“หาของเสร็จก็จะกลับไป?” ชายผู้ยั่วยวนถามคำถามสำคัญ
“ใช่” ชีอ้าวชวางพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดี” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่หางตาของชายผู้เย้ายวน หากเด็กน่ารำคาญนี้หายไป อาเป่าก็จะกลับมาหาเขา ถ้าเช่นนั้นเขารีบช่วยคนพวกนี้หาของที่พวกเขาต้องการให้เจอเร็วๆ ดีกว่า จะได้ให้พวกเขากลับไปเร็วๆ
“มันอยู่ในหุบเขาลึกทางทิศตะวันตก” ชีอ้าวชวางสังเกตเห็นการแสดงออกของผู้ชายที่เย้ายวนและทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่าง นางหันหน้าไปมองแมวล่าสมบัติที่นั่งบนไหล่แล้วนึกสงสัยในใจ นางไม่คาดคิดว่าลูกแมวตัวนี้จะมีความสำคัญกับผู้ชายคนนี้จนทำให้เขาเป็นห่วงมากขนาดนี้
“ตามข้ามาสิ” ชายผู้ยั่วยวนมองแมวบนไหล่ของชีอ้าวชวางแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ “เจ้าไม่มีสมบัติอื่นแล้วทำไมอาเป่าของข้าถึงเกาะติดเจ้ามากขนาดนี้ล่ะ? มันเป็นไปไม่ได้”
“คือ…” ชีอ้าวชวางครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นก็ส่ายหัวน้อยๆ “ข้าไม่มีสมบัติจริงๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าอาเป่าของเจ้าต้องการอะไร”
“สมบัติที่เป็นสมบัติที่หายากน่ะ” ชายผู้เย้ายวนมองชีอ้าวชวางและเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีความสุข จริงๆ จะพูดให้ถูกก็คือลอยไปข้างหน้า ชีอ้าวชวางมองชายผู้เย้ายวนตรงหน้าที่ไม่ได้เดินด้วยเท้าแต่ลอยอยู่บนพื้นแทน
“เร็วเข้าสิ ไปเอาแก่นแท้ของไฟแล้วจะได้ออกไป” ชายผู้เย้ายวนหันไปหากลุ่มของชีอ้าวชวางที่อยู่ข้างหลัง
ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันด้วยแววตาตกใจ พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความแข็งแกร่งของชายตรงหน้า เพียงแต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะช่วยพวกเขาหาแก่นแท้ของไฟด้วย
สำหรับผู้ชายที่มีพลังและยั่วยวนผู้นั้น ทุกอย่างล้วนกลายเป็นเรื่องง่ายมาก สิ่งมีชีวิตที่ขัดขวางและสิ่งมีชีวิตที่พยายามจะโจมตีพวกเขาล้วนถูกชายผู้นั้นทำลายจนเป็นขยะไปหมด ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพืชที่ปราศจากความคิด สัตว์ต่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เลย ระหว่างทาง พวกเขายังพบกับปีศาจอีก แต่พอพวกมันเห็นชายผู้นี้ก็วิ่งหนีไปอย่างเร็ว ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าปีศาจและสัตว์เหล่านี้ รวมถึงพวกของชีอ้าวชวางด้วย ชีอ้าวชวางสงสัยว่าชายคนนี้คือใครกันแน่? ความแข็งแกร่งของเขาคืออะไร? และโลกนี้ดำรงชีวิตกันอยู่แบบไหน?
ที่นี่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นผู้คนจึงตรวจสอบเวลาไม่ได้
ไม่รู้เลยว่าพวกชีอ้าวชวางเดินกันมานานแค่ไหน แต่ชายผู้เย้ายวนไม่ได้มีความเหนื่อยล้าเลย แต่หนึ่งในพวกเขากลับเหนื่อยแล้ว
แมวล่าสมบัติที่นั่งบนไหล่ของชีอ้าวชวางเริ่มหาวและหรี่ตาลง
“หยุดพักก่อน นอนสักพักแล้วค่อยไปต่อ” ชายผู้เย้ายวนไม่สนใจว่าชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ จะคัดค้านหรือไม่ เขาหยุดทันที
ชีอ้าวชวางและไป๋ตี้กับเฮยหยู่จ้องมองกันโดยไม่พูดอะไรแล้วหยุด เดิมทีพวกเขาเข้ามาในโลกนี้ในเวลากลางคืน เดินมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาเองก็เหนื่อยเช่นกัน
ชายผู้เย้ายวนยืนพิงต้นไม้ดูพวกชีอ้าวชวางตั้งกระโจมและก่อกองไฟเพื่อย่างเนื้อ
“อืม…หอมจัง ข้าไม่ได้กินอาหารปรุงสุกมานานแค่ไหนแล้วนะ?” ชายผู้เย้ายวนโน้มตัวไปข้างหน้าเขาขมวดคิ้วแล้วคิด
“เหมียว?” ดวงตาของแมวล่าสมบัติเบิกโตอย่างรวดเร็ว มันจ้องมองไปที่เนื้อย่างในมือของชีอ้าวชวางจากนั้นก็ส่งเสียงร้องไม่หยุด
“ยังไม่สุกเลย ถ้าสุกแล้วข้าจะให้เจ้ากินนะ” ชีอ้าวชวางพูดด้วยรอยยิ้มแล้วมองไปที่แมวล่าสมบัติที่ดวงตาเบิกกว้างบนไหล่ ชีอ้าวชวางชอบลูกแมวน่ารักตัวนี้มาก แม้ว่าเจ้าของมันจะไม่ชอบนางก็ตาม
“เหมียวๆ…” แมวล่าสมบัติแลบลิ้นเลียปาก
มือของชายผู้เย้ายวนสะบัดไปมาแล้วก็มีเบาะนุ่มและละเอียดอ่อนปรากฏอยู่ในมือของเขา จากนั้นเขาก็วางเบาะไว้ข้างๆ อย่างระมัดระวัง แมวล่าสมบัติร้องด้วยความพึงพอใจแล้วกระโดดจากไหล่ของชีอ้าวชวางลงบนเบาะนุ่มๆ มันขดตัวและนอนอยู่ตรงนั้น
ชีอ้าวชวางกำลังย่างเนื้อ ไป๋ตี้และเฮยหยู่คนหนึ่งกำลังเติมฟืน อีกคนกำลังต้มซุป ทั้งสามคนเงียบไม่พูดอะไรกัน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไม่มีสมบัติแล้ว?” ชายผู้ยั่วยวนลูบคางของเขาและถามอย่างไม่พอใจ “อาเป่าไม่เคยพลาดเลยนะ”
ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองชายผู้เย้ายว นจากนั้นก็พูดประโยคหนึ่งออกมา “ข้าแน่ใจว่าไม่มี จะให้ข้าเททุกอย่างในแหวนมิติออกมาให้เจ้าดูก็ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ตราบใดที่เจ้าและข้ายังอยู่ร่วมกันข้าก็ตรวจสอบได้” ชายผู้เย้ายวนวางมือของเขาบนหน้าผากของชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “อย่าต่อต้านจิตของข้า ร่วมมือกับจิตของข้าแล้วก็ผ่อนคลาย”
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ขมวดคิ้ว จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชีอ้าวชวางหยุดพวกเขาด้วยสายตา ชายผู้เย้ายวนไม่ได้เป็นคนที่จะมาทำร้ายนาง
ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากอย่างอึดอัด แต่นางรู้ว่าถ้าไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ทำเขาจะถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ ตนเองทำได้เพียงผ่อนคลายและทำตามจิตที่ค่อยๆ รุกล้ำเข้ามาในจิตใจของตนเอง หลังจากนั้นไม่นานชายผู้เย้ายวนก็ชักมือของเขากลับ
ชายผู้เย้ายวนแตะคางที่สวยงามของเขาและยังคงขมวดคิ้วมองไปที่ชีอ้าวชวางพลางพึมพำ “ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว แปลกมากจริงๆ ทำไมอาเป่าของข้าต้องตามเจ้าไปด้วย?”
ชีอ้าวชวางเลิกสนใจชายผู้เย้ายวนและยังคงใส่น้ำมันงาลงบนเนื้อย่างต่อไป กลิ่นหอมอบอวลในอากาศและเสียงฉ่าของน้ำมันที่ไหม้จากเนื้อย่างทำให้ความอยากอาหารของคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก หัวใจของชีอ้าวชวางหวาดกลัวคนๆ นี้ เขาควบคุมสติของคนอื่นแล้วดูแหวนมิติของคนอื่นได้ น่ากลัวมาก!
“เหมียว…” แมวล่าสมบัติจ้องไปที่เนื้อย่างในมือของชีอ้าวชวางอย่างไม่ละสายตา มันส่งเสียงราวกับกระตุ้นให้ชีอ้าวชวางเร็วขึ้น
หลังจากย่างเสร็จแล้ว ชีอ้าวชวางก็ฉีกเนื้อส่งให้แมวล่าสมบัติ ลูกแมวจับเนื้อย่างหอมกรุ่นด้วยอุ้งเท้าอย่างพอใจ ชีอ้าวชวางอดหัวเราะไปกับท่าทางไร้เดียงสาของแมวไม่ได้
“ข้าก็อยากกินเหมือนกัน” ชายผู้เย้ายวนพูดแล้วมองชีอ้าวชวาง ด้วยตัวตนของเขา เขาไม่อยากจะคว้าอาหารจากมือของชีอ้าวชวาง การคว้าสมบัติและการคว้าอาหารมันต่างกันโดนสิ้นเชิง!
ชีอ้าวชวางหลุบตาลงมองไปที่ชายผู้เย้ายวนโดยไม่พูดอะไรสักคำ นางแบ่งเนื้อย่างออกเป็นสี่ส่วนและมอบอันที่เล็กที่สุดให้เขา ส่วนอีกสามส่วนจะแบ่งระหว่างตนเองไป๋ตี้และเฮยหยู่
ชายผู้เย้ายวนมองส่วนที่เล็กที่สุดในมือของเขาและเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจแล้วแอบด่าในใจ เจ้าคนลืมบุญคุณ! ไม่ใช่เพราะอาเป่าของข้าชอบเจ้าหรอกหรือ? รอให้อาเป่าของข้าไม่ชอบเจ้าก่อนเถอะ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ เลย เมื่อชายผู้ยั่วยวนโกร ธชายเสื้อผ้าของเขาก็ขยับเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงและเห็นอาเป่าที่เอาอุ้งเท้าอ้วนๆ มันแผล็บจากเนื้อย่างของมันมาถูกับชายเสื้อผ้าของเขา หลังจากเช็ดแล้วก็ตบหน้าท้องป่องๆ ด้วยอุ้งเท้าเล็กๆ นั่นแล้วล้มลงบนเบาะแล้วเริ่มนอน
ลูกแมวช่างน่ารักอะไรเช่นนี้นะ ชีอ้าวชวางมองแมวล่าสมบัติที่นอนอยู่ด้วยรอยยิ้ม ชายผู้เย้ายวนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขามองไปที่ชายเสื้อผ้ามันเยิ้มของตน แต่ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนลงเมื่อเขามองไปแมวตัวนั้น
ชายผู้เย้ายวนกินเนื้อย่างแล้วคว้าซุปที่เฮยหยู่เพิ่งรินมาจิบแล้วพูด “มันนานมากแล้วที่ไม่มีใครจากโลกภายนอกเข้ามาในโลกนี้ โอ้ ต้องบอกว่าไม่มีใครมาที่นี่เป็นเวลานานแล้วรอดชีวิตมากกว่า”
“เจ้าหมายถึงอะไร?” ชีอ้าวชวางงง
“พวกเจ้ามาจากไหนกัน? อ๋อ เจ้ามากับอสูรทั้งสองนี้ คงต้องมาจากโลกอสูรแน่นอนเลย” ชายผู้เย้ายวนเคี้ยวเนื้อของเขาด้วยความพึงพอใจและถาม
อสูร…ชีอ้าวชวางมองไป๋ตี้และเฮยหยู่ ก่อนหน้านี้ชายผู้เย้ายวนบอกว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่เป็นอสูร พวกเขาเป็นอสูรหรือ? การปรากฏตัวของเผ่าอสูรนั้นจะแปรผันโดยตรงกับความแข็งแกร่งของมัน ยิ่งดูดีมากความแข็งแกร่งก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากไป๋ตี้และเฮยหยู่เป็นเผ่าอสูรระดับสูง ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่มตนเองก็ไม่รู้ตัวตนของพวกเขา และในตอนแรกก็เข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นสัตว์เวทด้วย
“ข้ามาจากทวีปลังกา” ชีอ้าวชวางตอบ
“หึๆ ข้าหวังว่าต่อไปเจ้าจะมาที่โลกนี้ได้ด้วยกำลังของตัวเจ้าเองนะ” ชายผู้เย้ายวนพูดประโยคนั้นอย่างมีความหมาย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสงสัย
“ในอนาคตเจ้าก็จะได้รู้เอง” ชายผู้ยั่วยวนเคี้ยวเนื้อย่างแล้วตอบลวกๆ
ชีอ้าวชวางมองไป๋ตี้และเฮยหยู่อย่างต้องการคำตอบจากพวกเขา แต่พวกเขาทั้งคู่ส่ายหัวและพูด “ในอนาคตเจ้าจะได้รู้เอง”