“พูดตามตรงนะ ข้าอยากรู้มากเลยว่าทำไมคามิลล์ถึงรู้ว่าแก่นแท้ของไฟอยู่ในหุบเขาลึกทางทิศตะวันตกนี้” เฮยหยู่พูดอย่างเคร่งขรึม
“สรุปง่ายๆ คือเขาไม่ใช่คนธรรมดา” ไป๋ตี้พูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ทำร้ายอ้าวชวางนะ ก่อนอื่นเราไปหาแก่นแท้ของไฟและช่วยชีอ้าวชวางเพิ่มความแข็งแกร่งของนางก่อนดีกว่า”
เฮยหยู่เงียบลงและรีบเดินไปด้านหน้า ชีอ้าวชวางเดินอยู่ตรงกลางแล้วปิดท้ายด้วยไป๋ตี้ทั้งสามคนเดินไปตามไหล่เขาและเดินเข้าไปในป่าทึบ
“ระวังตัวด้วย” ไป๋ตี้ขมวดคิ้วแล้วเตือนเฮยหยู่ที่อยู่ข้างหน้า
“เข้าใจแล้ว” น่าแปลกที่เฮยหยู่ผู้เคยเป็นปฏิปักษ์กับไป๋ตี้อยู่ตอบกลับมาแบบนี้ แต่น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ในสถานที่นี้มีอันตรายที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง ดังนั้นในทุกขั้นตอนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
ในขณะที่เฮยหยู่เพิ่งจะตอบรับ เท้าของเขาก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างแล้ว จากนั้นเสียงแหลมคมก็หวีดร้องออกมา
เฮยหยู่หันกลับมาแล้วเหวี่ยงชีอ้าวชวางลงกับพื้นโดยไม่ต้องคิด
เสียงหวีดร้องตามมาด้วยเสียงไม้เนื้อแข็ง
ทันใดนั้นเข็มเหล็กสามเล่มยาวประมาณสามสิบเซนติเมตรก็แทงเข้าไปในลำต้นของต้นไม้เหนือศีรษะของพวกเขา เข็มเหล็กนั้นมีแสงสีเขียวอยู่ เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีพิษ
มีคนซุ่มโจมตีอยู่หรือ? ชีอ้าวชวางนึกถึงเรื่องนี้เป็นอย่างแรก นางตกใจมากเพราะนางไม่รู้สึกว่ามีใครอยู่รอบๆ นี้เลย
“ระวังเท้าของเจ้าด้วยสิ” ไป๋ตี้ยืนขึ้นและพูดอย่างเย็นชาเมื่อมองไปตรงที่ที่เฮยหยู่เคยเหยียบ
เฮยหยู่บ่น “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ารากของดอกไม้นี้จะเติบโตได้ขนาดนี้?”
ชีอ้าวชวาตะลึงนี่มันหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าที่พวกเขาถูกโจมตีเมื่อกี้ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์?
“มันคือดอกเข็มพิษ” ไป๋ตี้อธิบายขณะมองสีหน้างงงวยของชีอ้าวชวาง “ดอกไม้ชนิดนี้จะไม่โจมตีใครก่อน นอกจากว่าจะมีคนไปทำร้ายมันถึงจะโจมตีกลับ เมื่อกี้เฮยหยู่ไปเหยียบรากของดอกเข็มพิษเข้าน่ะ”
ชีอ้าวชวางหันไปมองก็เห็นรากว่างเปล่าที่อยู่ใกล้กับที่เฮยหยู่ยืนอยู่ในตอนนี้ เมื่อมองตามรากยาวๆ ของมันนางก็เห็นดอกไม้สีดำที่มีขนาดใหญ่เท่ากับอ่างและเข็มพิษที่ส่องแสงสีเขียวอยู่
“ระวังไว้หน่อยนะ ดอกไม้นี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่พวกสัตว์หรือพืชเล็กๆ น้อยๆ น่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก” ไป๋ตี้ช่วยพยุงชีอ้าวชวางขึ้นแล้วกำชับ
เฮยหยู่ขมวดคิ้วอย่างอึดอัดที่ถูกไป๋ตี้สั่งสอน มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากกว่ามาฆ่ากันเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มานำเลย!” เฮยหยู่และไป๋ตี้จึงสลับตำแหน่งกัน
ไป๋ตี้ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาก็แค่เดินนำไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังและคอยเปิดทางให้ สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการใช้เวทมนตร์ เพราะหากเกิดปัญหาโดยไม่จำเป็นจะไม่ดีแน่ ในโลกนี้ไม่มีกฎใดๆ ทั้งนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งคือราชา ไม่ต้องมีเหตุผลที่จะฆ่าและชิงสมบัติ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง
เห็นได้ชัดว่าไป๋ตี้ระมัดระวังมากพอ ชีอ้าวชวางและเฮยหยู่เดินผ่านป่าไปอย่างระมัดระวังและก็ไม่มีอันตรายอีกเลย
ใขณะที่กำลังจะข้ามพ้นป่านั้น เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้น
“เหมียว…” เสียงร้องแผ่วเบาของแมวดังขึ้น
ไป๋ตี้หยุดอย่างระมัดระวังและมองดูสภาพแวดล้อมอย่างตื่นตัว
“มันคืออะไร?” เฮยหยู่ก็ระวังตัวเช่นกัน
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูด แต่ก็พยายามค้นหาที่มาของเสียง
“เหมียวๆ…” เสียงนั้นดังมาจากหลังต้นไม้ จากนั้นแมวสีขาวตัวหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นนั้น มันคือลูกแมวที่ตัวโตเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ ตัวของมันเป็นสีขาว ปราศจากสีอื่นแม้แต่เส้นเดียว ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันกลมโตและกำลังมองมาที่พวกของชีอ้าวชวางอย่างอยากรู้อยากเห็น
“นี่…น่ะหรือ?” ไป๋ตี้กระซิบ
“น่าจะใช่นะ แต่ก็น่าจะมีเจ้าของสิ” ใบหน้าของเฮยหยู่เรียบนิ่ง เขาหันไปมองรอบๆ เพื่อสัมผัวว่ามีคนอื่นอยู่รอบๆ นี้หรือไม่
“ไม่มีใครเลย” ไป๋ตี้ขมวดคิ้ว “หรือว่ามันจะเพิ่งเกิดเลยยังไม่มีเจ้าของ?”
“นี่มันสัตว์ชนิดไหนกัน?” ชีอ้าวชวางมองชายสองคนที่มีท่าทีเคร่งขรึมก็เข้าใจว่าสัตว์ตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้านี้คงจะไม่ธรรมดาแน่นอน มันคงไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกแมวธรรมดาแน่ๆ
“มันคือแมวเรียกทรัพย์ หรือจะเรียกว่าแมวล่าสมบัติก็ได้ มันเป็นสัตว์ล่าสมบัติ!” ไป๋ตี้ไม่กล้าวางใจ เขายังคงสัมผัสสภาพแวดล้อมอยู่เลย แม้ว่าเมื่อครู่นี้จะไม่มีใครอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนอยู่จริงๆ โดยปกติแล้วสัตว์ที่หายากเช่นนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีเจ้าของ
“แมวล่าสมบัติ?” ชีอ้าวชวางอึ้ง “หมายความว่ามันตามล่าหาสมบัติได้หรือ?”
“อื้ม มันหาสมบัติได้ภายในรัศมีหนึ่งพันไมล์ เรียกได้ว่ามันรักสมบัติเท่าชีวิตเลยละ” ไป๋ตี้พยักหน้า “มันน่าจะมีเจ้าของนะ บางทีมันอาจจะหลุดออกมาตอนที่เจ้าของไม่ทันมองก็ได้ เราไปกันเถอะ คนที่จะมีแมวล่าสมบัติไว้ในครอบครองได้มักจะไม่ใช่คนธรรมดา”
ชีอ้าวชวางมองท่าทางเคร่งขรึมของไป๋ตี้และไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นพวกเขาก็ยังคงเดินตามหลังไป๋ตี้ไป
“เหมียว!” ใครจะไปรู้ว่าการที่พวกเขาอยากไปก็ไม่ได้หมายความว่าลูกแมวจะอยากปล่อยพวกเขาไป เวลาต่อมาแมวล่าสมบัติก็มานั่งอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวาง
รวดเร็วอะไรขนาดนี้! แมวมานั่งอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวางโดยไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของมันเลย
ชีอ้าวชวางตะลึงแล้วมองแมวล่าสมบัติที่นั่งบนไหล่ของนางจากหางตา แมวเริ่มเหยียดอุ้งเท้าของมันแล้วเลีย จากนั้นก็มองมาที่ชีอ้าวชวาง ในดวงตาของมันประกายแสงสีเขียว ทั้งที่จริงดวงตาของแมวไม่ได้เป็นสีเขียวแต่เป็นสีเหลืองอำพัน แต่ในสายตาของชีอ้าวชวาง ตอนนี้ดูเหมือนว่าแมวกำลังมองมาที่นางด้วยดวงตาสีเขียว ราวกับว่ากำลังมองสิ่งที่มันชอบมากๆ อยู่
“หืม บนตัวเจ้ามีสมบัติที่มันชอบอยู่หรือเปล่า?” เฮยหยู่ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ อย่างประหม่า ถ้าเจ้าของแมวตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี
สมบัติหรือ? ชีอ้าวชวางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความสงสัย “บนตัวข้ามีเพียงหินหมึกแก้วหลากสีนี่แหละ นับว่าเป็นสมบัติหรือไม่?”
“เช่นนั้นก็เอาออกมาสิ แล้วข้าจะละเว้นพวกเจ้า!” ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นในอากาศและในหูของพวกเขา
“ใครน่ะ?” หัวใจของเฮยหยู่ดิ่งลงทันที มีเสียงคนพูด แต่พวกเขาสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาไม่ได้เลย! นี่มันแสดงว่าคู่ต่อสู้ต้องเป็นถึงปรมาจารย์แน่ๆ! พวกเขาสู้ไม่ได้แน่นอนเฮยหยู่แอบบ่นในใจ ช่างโชคร้ายจริงที่ได้เจอผู้ที่ทรงพลังตั้งแต่แรกแบบนี้
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว หินหมึกแก้วหลากสีจะส่งให้ได้ง่ายๆ เช่นนั้นเลยหรือ? ล้อเล่นหรืออย่างไร! เมื่อครู่สาวน้อยน่ารักยังคงเรียกตนเองว่าแม่สามีอย่างมีความสุขอยู่เลย จะให้ส่งไปแบบนี้ได้อย่างไร
“ฮึ่ม! ถ้าไม่ส่งมา ข้าก็จะลงมือแล้วนะ!” เสียงที่มีความโกรธอยู่ในนั้นดังขึ้น และในช่วงเวลาถัดมาก็มีลมหายใจที่รุนแรงมาห่อหุ้มชีอ้าวชวางไว้
ทันใดนั้น ชีอ้าวชวางก็รู้สึกอ่อนแอไปทั้งร่าง และก็หายใจลำบากขึ้น
ไป๋ตี้และเฮยหยู่กำลังจะโจมตี แต่แมวล่าสมบัติก็กรีดร้องอย่างกระวนกระวาย ทันใดนั้นลมหายใจอันเลวร้ายที่ห่อหุ้มชีอ้าวชวางอยู่ก็หายไป หัวใจของชีอ้าวชวางรู้สึกหวาดกลัวมาก นางต่อสู้กลับไม่ได้เลย นางเกือบตายในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่ต่อสู้เป็นอย่างไร
“เป่าเอ๋อร์ มานี่เร็วเข้า แล้วข้าจะไม่ฆ่าพวกเขา” มีเสียงดังขึ้น แต่ไม่ได้เป็นเสียงที่มีความโกรธอยู่ในนั้นแบบเมื่อครู่
มีเสียงเกิดขึ้นแล้วหินหมึกแก้วที่อยู่ในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางก็หลุดออกจากอ้อมกอดของนางลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นค่อยๆ เข้าไปหาแมวที่หมอบอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวาง
“แม่สามีช่วยข้าด้วยฮือๆๆๆ ข้าไม่อยากแยกจากสามีนะ” เสียงร้องของหินหมึกแก้วดังขึ้นในความคิดของชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางพยายามเอื้อมมือไปคว้าหินหมึกแก้วไว้แต่ก็พบว่านางขยับตัวไม่ได้เลย
“เหมียว!” ใครจะรู้ว่าแมวล่าสมบัติจะนั่งอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวางอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วหันหน้าหนีจากหินหมึกแก้ว จากนั้นมันก็ยังคงมองไปที่ชีอ้าวชวางด้วยตาประกายสีเขียวต่อ
“อาเปา เจ้าไม่ได้ต้องการสิ่งนี้แล้วเจ้าต้องการอะไร?” เสียงที่ดังขึ้นเจือความสงสัยอยู่ในนั้น
“เหมียว!” แมวยกขาไปคว้าผมของชีอ้าวชวาง
“เจ้ามีสมบัติอะไรก็ให้ข้ามาเร็วๆ แล้วพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องตาย” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เวลานี้หินหมึกแก้วตกลงอย่างเสียการควมคุม ช่วงเวลาต่อมาร่างกายของชีอ้าวชวางก็เบาขึ้นแล้วเคลื่อนไหวได้
ชีอ้าวชวางคุกเข่าลงหยิบหินหมึกแก้วขึ้นมาแล้วยัดกลับเข้าไปในอ้อมแขนของนาง จากนั้นพูดกับอากาศตรงหน้า “เจ้าก็ได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดแล้ว นอกจากสิ่งนี้ข้าก็ไม่มีสมบัติอื่นอีกแล้ว”
“โกหก! เจ้าไม่มีสมบัติแล้วเป่าเอ๋อร์ของข้าจะไปตามเจ้าทำไมล่ะ?” เสียงนั้นโกรธเกรี้ยวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรล่ะ!” ชีอ้าวชวางโต้กลับ
ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย คนตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างแน่นอน หากไปยั่วโมโหอีกฝ่าย ไม่ต้องพูดเรื่องจะไปเอาแก่นแท้ของไฟหรอก แม้แต่ร่างกายตัวเองก็คงจะรับประกันความปลอดภัยไม่ได้
“เจ้าเด็กนี่!” เสียงนั้นไม่ได้มีความโกรธอยู่เลย จากนั้นอากาศที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยแล้วมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนช้าๆ
ชายที่อยู่ตรงหน้าเขามีผมยาวสลวยและเสื้อคลุมสีพระจันทร์เสี้ยวบนร่างเพรียว เขามีเรียวปากบางเย้ายวน และดวงตาสีพีชคู่หนึ่งที่ดูมีความสุขก็จ้องมองไปที่ชีอ้าวชวาง ชายผู้เย้ายวนเช่นนี้กลับพูดคำสบถออกมา
“อาเป่ามานี่” ชายผู้เย้ายวนยื่นมือออกมากวักมือเรียกแมวที่หมอบอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวาง ใครจะรู้ว่าแมวล่าสมบัติจะไม่สนใจการเรียกของผู้ชายที่มีเสน่ห์ผู้นั้นเลย แต่มันก็ยังมองไปที่ชีอ้าวชวางด้วยดวงตาสีเขียวต่อ
“รีบส่งสมบัติของเจ้ามาสิ” ชายผู้ยั่วยวนเห็นว่าอาเป่าของเขาไม่สนใจเขา เขาก็ยิ่งโกรธแล้วตะคอกใส่ชีอ้าวชวาง “ถ้าไม่ให้ ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วข้าจะเอาของทุกสิ่งในแหวนมิติของเจ้า”
“เหมียว!” ทันใดนั้นแมวล่าสมบัติก็ยกอุ้งเท้าขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของ มันไปปรากฏตัวที่บนใบหน้าของชายผู้เย้ายวนแล้วในวินาทีถัดมาก็ยกขาขึ้นตะกุยอย่างไร้ความปรานีเข้าที่ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น ทันใดนั้นคราบเลือดจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย้ายวนทันที