หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.494 – ดอกไม้คริสตัล

 

ประตูของสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมถูกกระแทกออกในฉับพลัน

 

พร้อมกับฝูงคนกลุ่มหนึ่งที่เดินโซซัดโซเซออกมา

 

มันคือกลุ่มของเหล่าชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำล่ำสัน แม้ว่าใบหน้าและจมูกของพวกเขาจะบวมช้ำ ทว่าท่าที่ตื่นเต้นบนใบหน้ากลับไม่ได้จางหายไปเลย

 

“เจ็บชะมัด นี่เมื่อกี้แกต่อยเต็มกำลังเลยใช่ไหม?” ชายคนหนึ่งที่กุมท้องหันไปมองอีกคนหนึ่ง

 

“แน่นอน ถ้าไม่เต็มกำลังแล้วจะรับมือกับนายได้ยังไง” อีกคนหนึ่งกล่าว

 

“นี่แกไม่ได้ใช้สกิลจริงๆใช่ไหม?”

 

“บ้าหน่า! จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง! ตาของแบรี่มันแหลมคมจาตาย นอกจากกำลังกายแล้ว ฉันก็ไม่มีทางใช้พลังอย่างอื่นได้เลย!” อีกคนบ่น

 

“อย่างงั้นหรอ ถ้าแบบนั้นถึงแพ้ฉันก็ไม่เสียใจแล้ว” คนแรกกล่าวด้วยท่าทีพอใจ

 

“ไปกันเถอะ” บางคนตะโกนขึ้น

 

“วันนี้ต่อยได้ดีไปเลยนี่นา”

 

“ไว้คราวหน้าอย่าลืมมาเรียกฉันอีกล่ะ”

 

“แล้วเจอกัน”

 

เหล่าชายกำยำล่ำสันยื่นกำปั้นออกไปชนกัน เพื่อบอกลาเพื่อนๆของพวกเขา

 

เห็นแค่เพียงร่างของคนทั้งหลายวูบไหวอย่างรวดเร็ว

 

พร้อมกับหลุมดำที่ถูกกระแทกเปิดขึ้นในความว่างเปล่าด้วยฝีมือของพวกเขา

 

แล้วคนเหล่านั้นก็เข้าไปในหลุมดำ กระจายตัวไปตามทิศทางของตนเอง และหายไป

 

กู่ฉิงซานที่กำลังเฝ้าดูขมวดคิ้ว

 

นี่พวกเขาสามารถออกจากโลกมิติอนันต์ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

 

โดยใช้เพียงร่างกายมนุษย์เปล่าๆ แต่กลับสามารถเดินทางไปมาในโลกนับล้านๆได้อย่างเสรีเลยเนี่ยนะ

 

จักต้องมีความแข็งแกร่งเพียงใดกัน จึงจะบรรลุขั้นตอนเช่นนี้ได้?

 

เพียงแค่คิด ไฟสว่างจากภายในสมาคมก็ถูกดับลง

 

พร้อมกับผู้ชายคนสุดท้ายที่เดินออกมา

 

เขาสวมแจ็คเก็ตหนัง คาบบุหรี่เอาไว้ในปาก สวมหมวกปีกกว้างไว้บนหัว เหมือนกับบนรูปปั้นทองคำไม่มีผิดเพี้ยน

 

ขาเป๋แบรี่

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาลงมองท่อนล่างของเขา

 

—และพบว่ามันเป็นกางเกงยีนส์ที่ขาดรุ่งริ่ง

 

เออ ก็ยังดีที่ไม่ได้ใส่แค่บ็อกเซอร์เหมือนในรูปปั้น

 

ขาเป๋แบรี่เริ่มตื่นตัว เขาหยุดฝีเท้าลงและเอ่ยถามจากระยะไกล

 

“เสี่ยวเหมียว เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน?” เขาเอ่ยถาม

 

“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าจะใช่พวกหิวเงินนะ”

 

เสี่ยวเหมียวก้มหน้าลง และเขียนต่อไป

 

อ่า ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พวกเจ้าหนี้แฮะ ..

 

หลังจากได้ที่ยินประโยคนี้ แบรี่ก็ผ่อนคลายความตึงเครียดลง ทั้งคนทั้งร่างของเขากลับคืนสู่ความเกียจคร้าน

 

“มันพยายามจะจีบเธองั้นหรอ?” เขาเอ่ยถามหยอกล้อ

 

“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นกับฉันนะ ไม่อย่างงั้นฉันคงไม่มีสมาธิเขียนอัปเดตเรื่องราวในวันนี้แน่ๆ” เสี่ยวเหมียวยังคงวุ่นอยู่กับการขีดเขียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

 

“เฮ้เฮ้ นั่นคือวิธีการที่ใช้พูดคุยกับพี่ชายเธออย่างงั้นหรอ?” แบรี่บ่น

 

แล้วหางที่ส่ายไปมาของเสี่ยวเหมียวก็หยุดลง

 

เธอวางปากกา และจ้องไปทางแบรี่ “ก็ถ้าฉันไม่เขียน แล้วฉันจะไปเอารายได้แต่ละเดือนมาจากที่ไหน? ถ้าไม่มีเงิน แล้วพี่จะทำอะไรให้ฉันกิน?”

 

แบรี่ยืดอกขึ้นและกล่าว “จะไปยากอะไร พวกเราก็ไปล่ามอนสเตอร์เอกภพกินกันไง”

 

“แล้วเรื่องจัดการล้างเครื่องในมันล่ะจะว่ายังไง?” เสี่ยวเหมี่ยวส่งเสียงฮึฮะในลำคอ “คราวก่อนฉันต้องพยายามดึงหัวมันตั้งสามวันสามคืน สลับกับพี่ที่เอามันไปต้มอีกสี่วันถึงจะกินได้ แถมรสชาติก็ไม่อร่อยอีก นี่ยังไม่เข็ดอีกหรอ?”

 

แบรี่พ่นควันบุหรี่ออกเป็นวง แต่สายตาของเขากลับเบนหลบ ไม่กล้าสบตาแววตาขุ่นเขียวของอีกฝ่าย

 

กู่ฉิงซาน “ … ”

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายลึกลับของโลกมิติอนันต์ก็ถล่มทับลงมาในจิตใจของเขา

 

พิจารณาจากคำมากมายบนผนังด้านนอกแล้ว พี่ชายและน้องสาวคู่นี้ดูเหมือนว่าจะกำลังเป็นหนี้สินจำนวนมาก

 

แม้กระทั่งในเรื่องการกินก็ดูเหมือนว่าจะยังมีปัญหา

 

แบรี่ไม่คิดยั่วยุน้องสาวตัวเองอีกต่อไป เขาหันมามองกู่ฉิงซาน “เฮ้เจ้าเด็กแปลกหน้า … ตกลงว่าแกมาทำอะไรที่นี่?”

 

“คุณคือแบรี่ใช่รึเปล่า? ขาเป๋แบรี่น่ะ?” กู่ฉิงซานถามยืนยัน

 

“รับประกันได้เลยว่าฉันนี่แหละของแท้ไม่มีปลอมแปลงอย่างแน่นอน” แบรี่กล่าว

 

กู่ฉิงซานจึงหยิบเอาดอกไม้คริสตัลโปร่งใสออกมาจากถุงสัมภาระ

 

“เสี่ยวถายขอให้ผมนำดอกไม้นี้มามอบให้กับคุณ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

แบรี่มองดูดอกไม้ด้วยความประหลาดใจ

 

ในดวงตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ดอกไม้ คล้ายกำลังค้นถึงความทรงจำบางอย่าง

 

“เสี่ยวถายงั้นหรอ ฉันจำได้แล้ว เธอคือเด็กสาวที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตลอดเวลาน่ะเอง”

 

แบรี่เอ่ยพึมพำ

 

“ในตอนนั้นโลกที่เธออาศัยอยู่ได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉันไปไม่ทันการณ์ เลยมีเวลาพอแค่ช่วยเหลือเธอเอาไว้เท่านั้น”

 

แบรี่คีบบุหรี่ในปากออก แล้วโยนมันทิ้งไปเบื้องหลัง ก่อนจะปัดๆสองมือแล้วรับเอาดอกไม้มา

 

นี่นับว่าเป็นการแสดงออกที่จริงจังอันหาได้ยากยิ่งของเขา

 

เขาอังดอกไม้คริสตัลไว้ใต้จมูกและสูดดมมันเบาๆ

 

ทันใดนั้นตลอดทั้งดอกไม้ก็แปรสภาพเป็นผู้หญิงที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีเขียว พร้อมด้วยปีกทั้งหกคู่บนแผ่นหลัง และถือไม้เรืองแสงเล็กๆในมือของเธอ

 

เธอเป็นผู้หญิงที่ดูบอบบางและมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของผู้ใหญ่เท่านั้น

 

เธอโบกไม้เท้าไปทางแบรี่ และร่ายคาถาลึกลับในปากออกมา

 

กู่ฉิงซานรับฟัง และตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นภาษาของภูติ

 

แปลได้ใจความว่า “ขอให้ทุกมนต์ดำชั่วร้ายถูกชำระล้างออกโดยเทคนิคแห่งภูติ”

 

หลังจากที่ร่ายคาถาจบ หญิงสาวในชุดกระโปรงเขียวก็ยิ้มให้กับแบรี่และหายตัวไป

 

ทั้งคนทั้งร่างของแบรี่พลันกลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้นในทันใด

 

เขาหลับตาลงและใช้ความรู้สึกสัมผัสถึงมันอยู่ครู่หนึ่ง

 

“มันเป็นเรื่องจริงงั้นหรือนี่” เขาเอ่ยพึมพำด้วยความประหลาดใจ

 

เสี่ยวเหมียวที่แทบจะก้มหน้าเขียนหนังสืออยู่ตลอดเวลาได้เงยหน้าขึ้น จ้องมองฉากนี้ตาไม่กระพริบ

 

เธอเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “นั่นคือดอกไม้คริสตัลภูติจริงๆอย่างงั้นหรอ?”

 

“เป็นของจริง ฉันรู้สึกได้ว่าขาของฉันดีขึ้นมากทีเดียว คำสาปแช่งแห่ง8000อสูรกายก็กำลังสลายไป และในอีกไม่กี่วันฉันก็น่าจะจัดการกับมันได้แล้ว” แบรี่ลองสะบัดๆขาตัวเอง การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เผยถึงความประหลาดใจเช่นกัน

 

แม้กระทั่งตัวเอง ก็ดูเหมือนว่ายังไม่อยากจะเชื่อ

 

ทันใดนั้นเขาก็ง้างกำปั้น และชกมันขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

มันเป็นเพียงกำปั้นดาดๆที่เงียบสงบ

 

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในมิติที่ว่างเปล่า บังเกิดชั้นแยกออกเป็นสองด้าน คล้ายกับม่านการแสดงในละครเวทีที่กำลังถูกเปิดออกอย่างช้าๆ

 

ในความเป็นจริงแล้ว กำปั้นนี้ทรงพลังมิแตกต่างจากเทพวิญญาณที่สามารถแบ่งผืนฟ้า ผ่าผืนสมุทรออกจากกันเลย

 

มิติที่ว่างเปล่าทั้งสองแยกออกจากกัน เผยให้เห็นถึงแสงและเงาของโลกนับไม่ถ้วนที่คาบเกี่ยวกัน ฉากของโลกชั้นแล้ว ชั้นเล่าปรากฏขึ้นเหนือหัวของทั้งสาม

 

หมัดนี้ได้ทำลายอุปสรรคของมิติ เผยให้เห็นถึงโลกนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่า

 

“นั่นคือโลกของมังกรเขียว” เสี่ยวเหมียวเอ่ยขึ้นและชี้ไปทางฉากของโลกหนึ่งและกล่าว

 

“ส่วนนั่นก็คุกนรกมืด” แบรี่ชี้ไปทางอีกโลกอีกฉากหนึ่งที่พึ่งปรากฏ

 

“ดูนั่น! นั่นมันท่าเรือนางฟ้านี่! ในที่สุดก็ได้เห็นท่าเรือนางฟ้าอีกครั้งแล้ว!” เสี่ยวเหมียวตะโกนออกมา

 

“ยังไม่หมดเท่านี้หรอกนะ นั่นไง นั่นคือโลกชิงอำนาจ ที่ไม่ว่าจะเป็นพวกฉลาดสุดๆหรือโง่สุดๆต่างก็แย่งชิงกัน” แบรี่ชี้ไปทางเงาตะคุ่มๆของโลกหนึ่ง

 

เสี่ยวเหมียวร้องเสียงหลงออกมา

 

“พี่ชาย! พี่สามารถทะลวงมิติเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจได้อีกครั้งแล้ว!”

 

“ในที่สุดอาการบาดเจ็บของพี่ก็ดีขึ้นซักที!”

 

แบรี่เงียบไปสักพักหนึ่ง

 

“ … ฉันไม่คิดเลยว่าเสี่ยวถายตัวน้อยจะสามารถค้นพบดอกไม้ภูติแล้วนำมันมาให้ฉันได้จริงๆ” เขาเอ่ยด้วยคำที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

“ฉันใช้เวลาค้นหามันมาตั้งหลายปี แต่กลับไม่พบโลกของภูติเลย แล้วเด็กสาวตัวน้อยๆนั่นสามารถทำได้อย่างไรกัน?” เสี่ยวเหมียวกล่าวด้วยความแปลกใจ

 

“เสี่ยวถายเป็นผู้ใช้คัมภีร์ เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์(เทียนซวน)ที่มีอยู่ บางทีในระหว่างผจญภัยเธออาจจะค้นพบมันโดยบังเกิดก็ได้” แบรี่ฉีกยิ้ม

 

เขาหันมามองกู่ฉิงซาน ปากเอ่ยกล่าวด้วยความจริงใจ “ขอบคุณมากนะ สำหรับของล้ำค่าที่เอามาส่ง”

 

“ด้วยความยินดี เพราะยังไงนั่นก็คือสัญญาที่ผมได้ให้เอาไว้กับเสี่ยวถายอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เนื่องจากมีระบบเทพสงคราม ดังนั้นเขาย่อมรู้ดีเป็นธรรมดาว่าดอกไม้นี้คืออะไร

 

มันคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในโลกนับล้านๆ

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ กู่ฉิงซานเพียงแค่เก็บดอกไม้เอาไว้ หลังจากนั้นก็นำมันออกมามอบให้แก่แบรี่เท่านั้นเอง

 

แบรี่เอ่ยถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ทำไมเสี่ยวถายถึงต้องขอให้นายมามอบให้ด้วย แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงไม่มาหาฉันด้วยตัวเอง?”

 

กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป “อ๋อจริงสิ เธอยังฝากอีกประโยคนึงมาให้คุณด้วยนะ”

 

แบรี่แสดงออกทางสีหน้าว่ากำลังรับฟังอย่างตั้งใจ

 

“เธอฝากบอกมาว่า หวังว่าคุณจะยังคงสบายดี”

 

เมื่อกู่ฉิงซานเปล่งประโยคนี้จบ ม้วนคัมภีร์นับสิบในร่างเขาก็ผุดออกมาทันใด

 

ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทั้งสาม ม้วนคัมภีร์ก็ทำการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นรูปภาพแนวตั้งขนาดใหญ่

 

ภายในภาพ เป็นเด็กสาวตัวเล็กน่ารักที่กำลังนั่งบนเก้าอี้โยกและกินลูกกวาดอยู่

 

เด็กสาวตัวเล็กดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เธอผุดลุกจากเก้าอี้โยกแล้วหันไปมองรอบๆ

 

แต่เธอกลับไม่เห็นอะไรเลย

 

เด็กสาวตัวน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวล

 

“เธอสามารถจัดการกับเทคนิคมนตรานี้ได้ไหม?” แบรี่หันไปถามเสี่ยวเหมียว

 

“เธอจะต้องได้รับการนำทางซักเล็กน้อยๆซะก่อน ถึงจะสามารถฝ่าอุปสรรคของมิติได้” เสี่ยวเหมียวอธิบายอย่างรวดเร็ว

 

“ฉันเข้าใจแล้ว!”

 

แบรี่ยื่นมือออกไป แล้ววาดมันลงบนภาพ

 

และดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างถูกทำลายลงโดยแบรี่

 

ในวินาทีต่อมา เด็กสาวตัวน้อยก็สามารถมองเห็นแบรี่กับเสี่ยวเหมี่ยวได้ในที่สุด

 

เธอฉีกรอยยิ้มแห่งความสุข และโบกมือให้กับทั้งสอง

 

“ลุงแบรี่ พี่สาวเสี่ยวเหมี่ยว ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!” เด็กสาวตัวเล็กกล่าว

 

“อา นี่มันเป็นพลังของม้วนคัมภีร์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เสี่ยวถาย เธอคงเติบโตขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงสามารถหาดอกไม้คริสตัลพบ” เสี่ยวเหมียวยกสองแขนขึ้นกอดอกแล้วกล่าว

 

ขณะที่แบรี่พยักหน้าว่าเขาก็เห็นด้วยอย่างชัดเจน

 

เพียงมองจากมุมนี้ ก็พอจะบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายคงทะยานสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนเกือบจะไล่ตามเขาในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดได้ทันแล้ว

 

“ลุงแบรี่ เรื่องที่ช่วยหนูไว้ในอดีต ตอนนั้นขอบคุณมากเลยนะ” เสี่ยวถายกล่าวขอบคุณอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

 

“ด้วยความยินดี” แบรี่ชูกำปั้นของเขาและกล่าวว่า “ฉันได้ช่วยชีวิตเธอไว้ก็จริง แต่ก็เป็นเธอเองเหมือนกันที่ตามหาดอกไม้นี้ให้แก่ฉัน”

 

เสี่ยวถายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก แต่เธอก็ไม่ยอมละสายตาไปจากแบรี่เลย

 

แบรี่ยิ้มและเอ่ยหยอกออกมา “นี่มันก็ตั้งหลายปีมาแล้วนะ ทำไมเธอถึงได้ปรากฏตัวขึ้นในร่างเมื่อครั้งอดีตอยู่อีกล่ะ? แบบนี้ฉันก็ไม่รู้น่ะสิว่ารูปร่างหน้าตาของสาวน้อยในครั้งก่อน ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว”

 

“เอ่อ พอดีว่าตอนนี้หนูน่าเกลียดมากเลยน่ะ” เสี่ยวถายก้มหน้าลงและกล่าว

 

แบรี่ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติทันที

 

เสียงของเขาค่อยๆเบาลง ปากเอ่ยถาม “มีใครบางคนแกล้งเธองั้นหรอ? บอกมาได้เลย เดี๋ยวลุงแบรี่คนนี้จะไปทุบตีมันให้เอง”

 

“ไม่ใช่หรอก ” เสี่ยวถายเร่งเผยใบหน้ายิ้มแย้ม “ก็แค่ตอนนี้หนูพึ่งมีลูก แถมร่างกายก็ยังกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ตอนนี้เลยดูน่าเกลียดนิดหน่อย เลยไม่อยากออกไปพบปะผู้คนน่ะ”

 

แบรี่ตาสว่างขึ้นทันใด

 

ในเวลาที่มนุษย์ผู้หญิงให้กำเนิดบุตร พวกเธอก็มักจะเผชิญกับช่วงเวลาดังกล่าวนี้จริงๆ

 

เขาหันไปมองเสี่ยวเหมียว ก่อนที่ทั้งสองตะหัวเราะร่างออกมาเต็มที่

 

“เด็กตัวน้อยเมื่อตอนนั้น ได้เติบโตขึ้นจนมีลูกเป็นของตัวเองแล้วสินะ”

 

“ใช่ วันเวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ”

 

ทั้งสองคนถอนหายใจด้วยความสุข

 

เสี่ยวถายฉวยโอกาสนี้ชำเลืองมองกู่ฉิงซาน ส่งสัญญาณอ้อนวอนถึงความตั้งใจของเธออย่างลับๆ

 

แน่นอนว่ากู่ฉิงซานเข้าใจทันที

 

เขาลอบพยักหน้าเล็กน้อย

 

เสี่ยวถายส่งยิ้มจางๆให้แก่เขา

 

‘โปรดอย่าบอกถึงความจริงออกไป ไม่ว่าจะในตอนนี้ หรือนับจากนี้ไปในอนาคต’

 

‘เข้าใจแล้ว’

 

‘ขอบคุณมากนะ’

 

นี่คือการสนทนาโดยไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆระหว่างทั้งสอง