ตอนที่ 200 จิตวิญญาณแห่งเทพกสิกรรมคงอยู่ตลอดกาล

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ตัวแทนของแต่ละอิทธิพลใช้วิชาคุ้มกันต้านทานแรงดันน้ำอันน่ากลัวของก้นทะเลทันที

แม้ร่างกายของพวกเขาจะทนแรงดันเช่นนี้ได้ แต่เมล็ดพันธุ์ชีวิตนั้นรับไม่ไหว

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนก็ขอบคุณหงโต้วที่ตกรอบไปแล้วในใจอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง

ใต้ทะเลลึกมืดสนิท เงียบสงัดไร้เสียง

ออกัสใช้วิชาแสงสว่างสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบทันที

ไม่เห็นไม่รู้ เมื่อเห็นก็สะดุ้งโหยง นี่มันเกมมอนสเตอร์แคมป์ชัดๆ พับผ่าสิ!

เงาดำทะมึนมากมายนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่รอบตัว ปลาทะเลลึกหน้าตาแปลกประหลาดนานาชนิด อ้าปากกว้างค่อยๆ แหวกว่ายผ่านไป ซ้ำยังมีสัตว์บิดเบี้ยวเลือนรางบางส่วนอีกด้วย วัตถุที่เข้าใกล้มันล้วนแหลกละเอียดเป็นเศษเนื้อ จากนั้นก็เขมือบลงท้องไปช้าๆ

ดวงตาของพวกมันแทบจะเสื่อมโทรมไปหมดแล้ว ฉะนั้นเมื่อออกัสปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า จึงไม่ได้กระทำการอุกอาจเกินกว่าเหตุ

“พวกเราอยู่เงียบๆ เช่นนี้ น่าจะไม่มีเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม” หลิวเชียนฮ่วนพูดผ่านกระแสจิต

“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร ด่านก่อนหน้านี้มีหิมะถล่ม ด่านนี้จะง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร” อันหลินกลอกตาพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ขณะนั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่ก็ลอยมาทางพวกเขาพร้อมกับอ้าปากกว้าง

กระแสน้ำเริ่มไหลเชี่ยวในปากของมัน ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาล

“ทุกคนระวังตัวด้วย ข้าจะจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้เอง!” ชิงเหยียนตะโกนลั่น พุ่งตัวเข้าใส่เงาดำมหึมานั่น ฝ่ามือปล่อยลำแสงสีทองสว่างโชติช่วง “ฝ่ามือวัชรปาณี!”

“ศิษย์น้อง อย่าวู่วาม!” ชิงจือตวาดเสียงดัง

แต่ทว่า เสียงของชิงจือเพิ่งเงียบลง ชิงเหยียนก็ถึงตัวเงาดำแล้ว ฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่ราวสิบจั้งฟาดเงาดำทะมึนนั่นด้วยอานุภาพที่ยิ่งใหญ่

โครม! เงาดำถูกฝ่ามือตบจนกระเด็น

แต่ความรู้สึกที่อันตรายอย่างยิ่งกลับแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวชิงเหยียน

ชิงเหยียนเบิกตากว้าง ท่ามกลางทะเลมืดมิด เงาดำขนาดยักษ์เหลือคณานับเริ่มปรากฏตัว กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา

คมเล็บ หนวดปลาหมึก สัตว์มีพิษ หนามแหลม…การจู่โจมม้วนตัวมาอย่างไม่สิ้นสุด

“อ๊าก…” เสียงร้องโหยหวนของชิงเหยียนดังก้องทะเลลึก

ส่วนคนอื่นๆ หลบหนีไปไกลเป็นพันเมตรนานแล้ว ซ้ำยังหนีห่างออกไปไม่หยุดด้วย…

ชิงจือกับชิงซินเหลียวมองชิงเหยียนที่อยู่ไกลออกไปทางด้านหลังแวบหนึ่ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย สุดท้ายก็ยกมือขึ้นพนมแล้วพูดว่า ‘อมิตาพุทธ’

ชั่วขณะที่ชิงเหยียนโจมตีสัตว์ประหลาดตัวนั้น พวกเขาก็เห็นเงาดำมืดฟ้ามัวดินหลังสัตว์ประหลาดตัวนั้นแล้ว

สัตว์ประหลาดมากมายปานนี้ ต่อให้ตัวแทนของทั้งสี่อิทธิพลลุยพร้อมกัน จะชนะหรือไม่ก็ยังไม่รู้

อีกสามกลุ่มอิทธิพลที่เหลือจนใจ เลือกที่จะเสียคนคนหนึ่งไปโดยแทบจะไม่ลังเลเลย…

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขายังจะสู้ทำไมอีก!

หากพวกเขาพุ่งออกไปอย่างโง่เขลาเหมือนชิงเหยียนอีก เช่นนั้นตัวแทนของเมืองพุทธก็จะตายยกกลุ่มในด่านนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากช่วยชิงเหยียน แต่ไม่มีทางช่วยได้เลยต่างหาก

“ชิงเหยียนตกรอบ ได้สองคะแนน” เสียงของวาเนสซ่าดังขึ้น

ร่างของชิงเหยียนก็ถูกส่งออกไปตอนนั้นทันที

“แค่พบหน้าก็บุกอย่างไม่มีสมอง ชิงเหยียนคนนี้โง่พอตัวเลย” หลิวเชียนฮ่วนส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง พูดเหน็บแนมอย่างหนักว่า “สติแค่นี้ ถ้าชิงเหยียนเล่นลีคออฟคิง คงเป็นผู้เล่นระดับบรอนซ์แน่ๆ”

อันหลินเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง หากคำพูดนี้ออกมาจากปากคนอื่นน่ะไม่มีปัญหา

แต่ออกมาจากปากของนาง อันหลินคิดว่าชิงเหยียนถูกลบหลู่เสียแล้ว

ท่ามกลางทะเลลึก ทุกคนต่างก็หลบหนีเมื่อเจอสัตว์ประหลาด ยึดหลักไม่หาเรื่องเด็ดขาด หลบซ้ายหลบขวา สุดท้ายก็ผ่านด่านนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

“ยินดีด้วย ผ่านด่านที่สามไปอย่างราบรื่น!”

วาเนสซ่าประกาศผล พร้อมกับมิติที่เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

ครั้งนี้พวกเขามาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง

ทุกคนงงงวย อย่างน้อยด่านก่อนหน้านี้ยังมีลักษณะของทางตันอยู่บ้าง ตอนนี้มาโผล่ที่ร้านอาหารมันเรื่องอะไรกัน

ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีเสียงของวาเนสซ่าดังขึ้นมา “ค่ายกลพิษอ่อนแรง!”

ร่างของตัวแทนต่างก็โอนเอน เริ่มอ่อนระโหยโรยแรง

จากนั้นก็มีวัตถุดิบที่กองเป็นภูเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

เสียงของวาเนสซ่าดังขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ในร่างกายของพวกเจ้ามีพิษร้าย จำต้องค้นหาสมุนไพรแก้พิษจากกองวัตถุดิบพวกนี้ แน่นอนว่า ในวัตถุดิบเหล่านี้มีบางส่วนที่ช่วยชีวิตได้ บางส่วนถึงตายได้ เวลากระชั้นชิด ขอให้ตัวแทนทุกท่านตัดสินใจเลือกให้ไว”

นัยน์ตาของทุกคนลุกวาวเมื่อได้ฟัง พุ่งใส่กองวัตถุดิบอย่างไม่ลังเล!

พูดเป็นเล่นไป หากว่ามียาแก้พิษแค่ไม่กี่ต้น แน่นอนว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอาน่ะสิ!

ไม่แย่งตอนนี้ จะรอตอนไหน!

“พิษในร่างพวกเราเป็นพิษร้ายที่ทำให้เส้นลมปราณอ่อนแอ พลังปราณกระจาย เป็นธาตุเย็น พวกเราต้องใช้วัตถุดิบที่มีผลต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เส้นลมปราณอันมีธาตุหยาง จากนั้นค่อยๆ ตัดสินใจเลือก” หวังเสวียนจ้านพูดเสียงร้อนรน

อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็เริ่มค้นหาสมุนไพร

สองนาทีต่อมา

อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนหยุดการกระทำลง เงยหน้ามองฟ้า ใบหน้าฉายความกลัดกลุ้ม

วัตถุดิบประหลาดหายากเหล่านี้มาจากที่ใดกัน ทำไมพวกเขาถึงแยกไม่ออกเลยสักอย่าง…

ในเวลาแบบนี้ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรก็ดูสำคัญขึ้นมาทันที

หนุ่มน้อยที่เพิ่งบำเพ็ญเซียนได้หนึ่งปีคนหนึ่ง กับหญิงสาวติดอินเทอร์เน็ตที่หมกมุ่นกับการเล่นเกมตลอดเวลาไม่มีแรงแข่งขันในด่านนี้เลยสักนิด

อันหลินไม่ยอมตายใจ หยิบสมุนไพรที่หน้าตาคล้ายโสมต้นหนึ่งขึ้นมาแล้วใช้วิชาญาณทิพย์

ข้อมูลเริ่มผุดขึ้นมาในสมอง “โสมทะเลโบราณ เติบโตในใต้ทะเลลึก แปรสภาพจากเกล็ดของหมึกพันหนามผสมกับปะการังไม้ ยาวิเศษขั้นเก้า รสชาติเผ็ด รักษาภาวะไตพร่อง ไม่มีน้ำตาล…”

อันหลิน “…”

เยี่ยมมาก วินิจฉัยได้แม้กระทั่งรสชาติ แต่กลับไม่บอกธาตุนี่สิให้ตายเถอะ!

ไม่นานสมุนไพรที่ใช้ได้ก็ถูกตัวแทนเหล่านี้แก่งแย่งจนว่างเปล่า

หวังเสวียนจ้านกอดสมุนไพรไว้อย่างตื่นเต้น จ้องมองอันหลินกับหลิวเชียนฮ่วน จากนั้นก็นิ่งไป

“สะ…สมุนไพรของพวกเจ้าล่ะ”

จู่ๆ เขาก็นึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา จึงเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ

มือของอันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนว่างเปล่า ต่างก็ก้มหน้าอย่างละอายใจ ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิด

หลิงเชียนฮ่วนพูดเสียงหวั่นๆ ว่า “คือว่า…ถึงพวกเราจะไม่ได้สมุนไพรมา แต่พวกเราเป็นเทพกสิกรรมได้นี่นา”

ดวงตาของอันหลินก็เป็นประกายเมื่อได้ยิน เพิ่งรู้สึกถึงคุณค่าการมีอยู่ของตน “นั่นสิ ศิษย์พี่หวังปรุงยา พวกเรามาทดสอบพิษ!”

เทพกสิกรรมทดลองร้อยสมุนไพร ก็ยิ่งใหญ่มากเหมือนกันนะ!

มุมปากของหวังเสวียนจ้านกระตุก เหนื่อยใจนัก หันกลับไปวิเคราะห์พิษภายในร่างกาย ไม่อยากคุยกับสองคนนี้แล้ว

เปลวไฟผุดขึ้นจากฝ่ามือของหวังเสวียนจ้าน สมุนไพรก็เริ่มลอยขึ้น

ดอกศิลาเปลวเพลิง สิบกรัม เถาวัลย์เก้ามังกร แปดกรัม รากเลือดสีชาด สิบหกกรัม…

“ปรุงยา!”

หวังเสวียนจ้านกำมือ ปราณของสมุนไพรเริ่มก่อตัวเป็นเม็ดยาสีทองแวววาว

ร่างกายของเขาได้รับผลกระทบจากพิษร้ายอยู่ก่อนแล้ว บัดนี้ตัวโอนเอน เกือบจะวูบไป แต่ก็ปรุงยาได้สำเร็จ

“ศิษย์พี่หวัง เอายามาให้ข้าเถอะ ข้าไม่กลัวตาย!” หลิวเชียนฮ่วนเป็นฝ่ายเอ่ยขอเม็ดยา

ยาจะแก้พิษได้หรือไม่ ต้องทดลองถึงจะรู้ หากอัตราส่วนไม่เหมาะสม อาจจะถึงตายได้

“ศิษย์พี่หวัง เรื่องที่อันตรายปานนี้ นอกจากข้าแล้วจะเป็นใครได้อีก” อันหลินเองก็วางท่าเด็ดเดี่ยวและองอาจ ยื่นมือมาหาทั้งสองคน

หวังเสวียนจ้านมองหลิวเชียนฮ่วนกับอันหลินด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยัดยาใส่ปากของตัวเอง

หลิวเชียนฮ่วน “…”

อันหลิน “…”

“ประการที่หนึ่ง เวลาไม่พอแล้ว ประการที่สอง สมุนไพรเหลือเพียงแค่น้อยนิด ไม่พอแม้แต่จะปรุงยาอีกเม็ดด้วยซ้ำ ประการที่สาม ข้าเองก็ไม่มีแรงจะปรุงยาเม็ดที่สองแล้ว” หวังเสวียนจ้านชี้แจงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เห็นได้ชัดว่าผิดหวังกับเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสองคนนี้เป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีแม้โอกาสจะได้เป็นเทพกสิกรรมแล้วหรือ…

เหลือเวลาแค่สามนาที

อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนเก็บวัตถุดิบที่หวังเสวียนจ้านใช้เหลือแล้วสบตากัน

“ท่านจะกินอันไหน” อันหลินถาม

หลิวเชียนฮ่วนหยิบยาที่มีสีฉูดฉาดหลายต้นขึ้นแล้วพูดว่า “พวกนี้หน้าตาไม่เลวเลย ท่าทางดูน่ากิน”

อันหลินพยักหน้า จากนั้นหลิวเชียนฮ่วนก็ส่งสมุนไพรที่เหลือเข้าปาก

เทพกสิกรรมทั้งสองกินสมุนไพรสดๆ แล้วเคี้ยวไม่หยุด…

รักษาม้าตายเหมือนม้าเป็น[1]

“ฮือ…ขมมาก…” ดวงตาสุกใสของหลิวเชียนฮ่วนหรี่ลง บ่นพลางยู่หน้า

“สมุนไพรหน้าตาน่าเกลียดพวกนี้ รสชาติไม่เลวเลย” อันหลินกินอย่างกระหยิ่มใจ แสดงอาการเหมือนจะบอกว่าได้กำไร

ถึงเวลาแล้ว

อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนตาเหลือก น้ำลายฟูมปาก ตายเพราะพิษกำเริบ…

……………..

[1] รักษาม้าตายเหมือนม้าเป็น ยังคงมีความหวังทั้งที่หมดหนทางเยียวยาแล้ว