เล่มที่ 8 บทที่ 231 เซี่ยยวี่หลัวเป็นนางจิ้งจอก

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวเข้าหมู่บ้านไป ระหว่างทางกลับบ้านก็ได้พบกับเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งที่เพิ่งซักเสื้อผ้าเสร็จ

ทั้งสามคนกลับบ้านอย่างมีความสุข ระหว่างทาง เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามเด็กสองคนอย่างละเอียดว่ากินอิ่มหรือไม่ มือหนึ่งจูงคนหนึ่ง เด็กสองคนพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายนาง ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก

ทั้งสามคนเดินกลับถึงบ้าน เซียวจื่อเซวียนกำลังจะเปิดประตูเข้าไป ก็โดนเซี่ยยวี่หลัวที่หูดีขวางเอาไว้

“พี่สะใภ้ใหญ่…” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย

เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “จื่อเซวียน พวกเราอย่าเพิ่งเข้าไป! ”

จากนั้นจึงพาเด็กสองคนเดินออกห่างเล็กน้อย เช่นนี้พวกเขาก็จะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของคนด้านใน

เดิมทีเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งไม่ได้ยินเสียงพูดคุยด้านใน ถูกเซี่ยยวี่หลัวพาเดินออกห่างจากบ้านไปห้าถึงหกหมี่จึงรู้สึกประหลาดใจ แหงนหน้าเอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

เซี่ยยวี่หลัวเผยรอยยิ้ม คนที่อยู่ด้านในคือผู้ใด แค่นางได้ยินก็ฟังออกแล้ว นั่นคือเซียวหมิงจู

“พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังสนทนากับผู้อื่นอยู่ข้างใน พวกเราอย่าเข้าไปรบกวนเลย”

“พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดพวกเราถึงต้องออกมาห่างถึงเพียงนี้ด้วยเจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

เซี่ยยวี่หลัวถือโอกาสอบรมเด็กสองคน “ผู้อื่นพูดคุยสนทนาเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ว่าพวกเราจะได้ยินหรือไม่ พวกเราก็ฟังไม่ได้ พวกเราต้องออกมาให้ห่าง นี่คือมารยาท เข้าใจหรือไม่? ”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่งเป็นเด็กดี จะแอบฟังคนอื่นคุยกันไม่ได้ ชู่ว์ ฟังไม่ได้! ”

ส่วนเซียวจื่อเซวียนก็หันมองไปทางประตูใหญ่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาอายุมากกว่าเซียวจื่อเมิ่งสองปี ย่อมฟังออกอย่างรวดเร็วว่าคนที่อยู่ด้านในคือผู้ใด

พวกเขาต่างไม่อยู่บ้าน เซียวหมิงจูแอบมาหาพี่ใหญ่ ต้องมีเจตนาไม่ดีแน่

เซียวจื่อเซวียนเพ่งมองประตูใหญ่ด้วยความขุ่นเคือง เซี่ยยวี่หลัวกลับแสดงสีหน้าเรียบสงบ

เซียวหมิงจูฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาล้วนไม่อยู่บ้านมาหาเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย

กลับเป็นวาจาของเซียวหมิงจู ที่ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกใจ

ในหนังสือนิยายไม่เคยมีสตรีนามเซียวหมิงจูปรากฏตัวมาก่อน นางรักมั่นในเซียวยวี่ถึงเพียงนี้ ไม่เคยถูกกล่าวถึงในหนังสือนิยาย แต่กลับปรากฏตัวหลังจากนางทะลุมิติมา คำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้คือ เพราะนางข้ามมิติมา ก่อให้เกิดเรื่องราวหลายอย่างที่ไม่ถูกเขียนไว้ในหนังสือ และในตอนนั้นนางก็เพียงแค่เปิดอ่านคร่าวๆ ด้วยความเบื่อหน่ายเท่านั้น ไม่ได้อ่านโดยละเอียดทั้งเรื่อง เดิมทีนางเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวที่เขียนไว้มากนัก เช่นนั้นในชีวิตจริง ย่อมต้องเกิดเรื่องราวมากมายที่นางไม่อาจคาดเดาได้

ช่างจัดการยากเสียจริง!

เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจเบา ไม่รู้ว่านางข้ามมิติมา อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก นางไม่ได้กระทำผิดต่อเซียวยวี่ ก็น่าจะไม่ต้องตายกระมัง! แต่ก็ไม่แน่เช่นกัน เซียวหมิงจูถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด นางไม่เคยปรากฏตัวในหนังสือนิยายมาก่อน แต่กลับปรากฏตัวในชีวิตของนาง

ไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องน่ายินดีหรือเรื่องน่ากลัดกลุ้ม

เผชิญกับการยั่วยวนอย่างโจ่งแจ้งของเซียวหมิงจู เซียวยวี่ไม่มีความหวั่นไหว เขาเพียงมองเซียวหมิงจูด้วยแววตาเย็นเยียบ ความเย็นชาในแววตา ความแจ่มชัดและเด็ดขาดในแววตา ทำให้เซียวหมิงจูที่หมายจะใช้ร่างกายตัวเองยั่วยวนเซียวยวี่รู้สึกว่าการยั่วยวนเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี

นางเป็นฝ่ายยั่วยวน เขากลับไม่หวั่นไหว ทั้งยังมองดูด้วยความสะอิดสะเอียน มองดูด้วยความรังเกียจ ราวกับไม่ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์

เซียวหมิงจูเกิดความรู้สึกอัปยศอดสูราวกับถูกคนเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าต่อหน้าผู้คน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า ชักเสื้อที่ดึงลงไปเมื่อครู่กลับขึ้นไปเงียบๆ ก่อนจะผูกผ้าคาดเอวที่ปลดออกเมื่อครู่

เซียวยวี่ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย!

สิ่งที่นางทำตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน

เมื่อเห็นเซียวหมิงจูสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย น้ำเสียงของเซียวยวี่ก็เย็นเยียบประหนึ่งก้อนน้ำแข็ง “เซียวหมิงจู เรื่องในวันนี้ ข้าหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย หากยังมีครั้งหน้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า! ”

เมื่อกล่าวอย่างเย็นชาจบ ก็ไม่มองเซียวหมิงจูอีกแม้แต่แวบเดียว ราวกับว่าหากมองอีก จะทำให้ดวงตาของเขามัวหมองอย่างไรอย่างนั้น หันขวับเดินจากไปโดยไม่หันหลังด้วยซ้ำ

ภายในลานว่างเปล่าถูกทำความสะอาดเก็บกวาดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย บ้านตระกูลเซียวในยามนี้ ไม่ใช่บ้านตระกูลเซียวในอดีตอีก ที่นี่มีนายหญิงที่ขยันขันแข็งและมีความสามารถ ทั้งยังมีเด็กสองคนที่ว่าง่ายและรู้ความ ส่วนนาง เซียวหมิงจู ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ อีกต่อไป

เมื่อก่อนยังสามารถมาที่นี่เพื่อทำความสะอาด ทุกครั้งที่มา เขาจะมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้นาง ต่อให้เป็นผ้าเพียงผืนหนึ่ง ต่อให้เป็นขนมสองชิ้น ขอเพียงนางมา เซียวยวี่ต้องมอบของบางอย่างให้นาง เมื่อก่อนนางคิดว่านั่นเป็นเพราะเซียวยวี่ชอบนาง พอมาบัดนี้ลองคิดดู นั่นเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้นางเพื่อตอบแทน เขาไม่สามารถให้ค่าแรงกับนาง ได้แต่ใช้ข้าวของในบ้านในการตอบแทน

ของตอบแทน ของตอบแทน ความช่วยเหลือของนาง เขาได้ตอบแทนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมีความคิดเป็นอื่นกับนางจริงๆ !

เซียวหมิงจูถลึงตามองแผ่นหลังของเซียวยวี่ พร้อมตะคอกเสียงดังราวคนเสียสติ “เซียวยวี่ เจ้าโดนนางจิ้งจอกเซี่ยยวี่หลัวนั่นล่อลวงจนสติเลอะเลือนแล้วใช่หรือไม่ นางหลอกล่ออาเซวียนกับอาเมิ่ง ทั้งยังล่อลวงเจ้า! อายวี่ นางเป็นนางจิ้งจอก! เจ้าดูให้ชัดๆ สิ! ”

เซียวยวี่หยุดเดิน ไม่ได้หันกลับมา เพียงกล่าวอย่างตั้งใจ “นางเป็นภรรยาของข้า”

เซียวหมิงจูผงะไป ก่อนจะหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งด้วยสีหน้าดุร้าย “ภรรยา? เซียวยวี่ เจ้ารอก่อน ข้าจะให้เจ้าได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยยวี่หลัว เจ้ารอก่อน เจ้าจะได้รู้เอง ว่าข้าถึงจะเป็นคนที่รักเจ้าที่สุดบนโลกใบนี้! ”

เสียงตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราดราวคนเสียสติของเซียวหมิงจูดังขึ้นจากด้านในอีกครั้ง ไม่นานประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เซียวหมิงจูพุ่งพรวดออกมา ดวงตาคู่โตประหนึ่งผลซิ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาไหลริน ดูไปแล้วเหมือนจะได้รับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง

เซียวหมิงจูเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอกในตำแหน่งที่ไม่ห่างนัก ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นจึงถลึงตาใส่เซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาดุดันราวกับใบมีดอันแหลมคม แล้วจึงวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เซี่ยยวี่หลัวเห็นนางวิ่งไปไกลด้วยท่าทางทุลักทุเล พอหันกลับมา ก็เห็นเซียวยวี่ยืนอยู่ใต้ชายคา มองนางด้วยอาการเหม่อลอย เซี่ยยวี่หลัวแสยะปาก แย้มรอยยิ้มบางให้เซียวยวี่ จากนั้นจึงจูงมือเด็กสองคนเข้าประตูบ้านไป

ภายใต้การจับจ้องจากเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนตากเสี้อผ้า เสร็จแล้วจึงเข้าห้องครัวไป

สีหน้าของนางเรียบสงบ ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แม้แต่น้อย

เซียวจื่อเซวียนหันมองพี่สะใภ้ใหญ่เป็นครั้งคราว ก่อนหันมองพี่ใหญ่ เขาที่อายุแปดขวบ พอจะประสาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในสังคมบ้างแล้ว

เมื่อครู่เซียวหมิงจูออกจากบ้านไปด้วยท่าทางเศร้าโศก เขาที่เป็นเด็กยังคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา

แล้วพี่สะใภ้ใหญ่เล่า?

เวลานี้พี่สะใภ้ใหญ่สีหน้าเรียบสงบ ท่าทางเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลย

แล้วพี่ใหญ่เล่า?

เซียวจื่อเซวียนหันมองพี่ใหญ่

พี่ใหญ่สีหน้าแปลกพิกล สายตามองทอดไปทางที่พี่สะใภ้ใหญ่ ดูไม่ออกว่าจะสื่ออะไร

ในจังหวะที่เซียวจื่อเซวียนกำลังคิดฟุ้งซ่าน เซี่ยยวี่หลัวก็เอ่ยเรียกเขา “จื่อเซวียน ไปห่อเกี๊ยวกับพี่สะใภ้ใหญ่ที่ห้องครัว”

เซียวจื่อเซวียนได้ยินว่าจะกินเกี๊ยว ก็สลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป ตามเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องครัว