เล่มที่ 8 บทที่ 232 ช่วยพี่ใหญ่เอาใจพี่สะใภ้ใหญ่

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องครัว ถกแขนเสื้อขึ้น เริ่มเตรียมอาหาร

นำกระดูกที่ล้างจนสะอาดแล้วไปใส่ไว้ในหม้อด้านใน เคี่ยวด้วยไฟแรง วางแป้งที่นวดเสร็จแล้วไว้ในถาดไม้เพื่อพักแป้ง เด็ดต้นหอมสดใหม่กำใหญ่มาจากสวนหลังบ้าน หั่นเป็นชิ้นเล็กทั้งหมด

ล้างเนื้อหมูเจ็ดจินจนสะอาด ตัดแบ่งมาประมาณสามจิน ไขมันสามส่วนเนื้อแดงเจ็ดส่วน สับจนละเอียดทั้งหมด จากนั้นจึงใส่ต้นหอม แล้วจึงสับต่อ ใส่เนื้อหมูที่สับจนละเอียดไว้ในชามใหญ่ ตอกไข่ไก่สองฟอง คนให้เข้ากับหมูสับ เช่นนี้เนื้อหมูที่ต้มสุกแล้วจะนุ่มลื่นกว่าเดิม

หลังจากเตรียมหมูสับเสร็จ จึงเติมเกลือและซีอิ๊วเพื่อปรุงแต่งรสชาติ เวลานี้ก็พักแป้งเสร็จแล้ว ยืดแป้งเป็นเส้นยาว หั่นแบ่งเป็นชิ้นๆ ใช้กระบอกไม้ไผ่ท่อนหนึ่งที่มีความหนาพอเหมาะซึ่งนางตัดมาก่อนหน้านี้ หลังจากนำกระบอกไผ่ไปต้มในน้ำจนเดือด ก็ขัดจนเรียบ เวลานี้นำมาใช้เป็นไม้รีดแป้ง ถือว่าเหมาะมือมากทีเดียว

ครั้งหน้าสามารถตัดกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่กลับมาจำนวนหนึ่ง ต้มเสร็จแล้วขัดจนเรียบ ใช้เป็นแจกันดอกไม้ไว้ปักดอกไม้หรือใช้เป็นกระบอกใส่พู่กันก็น่าจะไม่เลว!

รีดแป้งจนเป็นแผ่นบาง ไส้เนื้อหมูทั้งหอมทั้งสดใหม่ เซี่ยยวี่หลัวตระเตรียมอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ก็ห่อเกี๊ยวเสร็จยี่สิบกว่าตัวแล้ว

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งห่อเกี๊ยวไม่เป็น จึงอยู่ข้างๆ คอยตบแป้งที่หั่นเป็นชิ้นแล้วให้แบน พอได้ฟังว่าจะต้มน้ำเพื่อต้มเกี๊ยวแล้ว เซียวจื่อเซวียนจึงรีบวิ่งไปต้มน้ำ

แค่เห็นเกี๊ยวดิบเหล่านี้เขายังอยากกินจนน้ำลายแทบไหลออกมา

เซี่ยยวี่หลัวตักน้ำเย็นสองกระบวยใส่ในหม้อ ปิดฝาหม้อ ไฟก็ถูกจุดจนโหมไหม้แล้ว

เซียวจื่อเซวียนมองดูแสงเปลวไฟที่สาดส่องออกมาจากเตาไฟ ก่อนแอบมองไปทางใบหน้าเซี่ยยวี่หลัว ภายในใจมีเรื่องอยากพูดมากมาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มกล่าวอย่างไร

ภายในห้องหนังสือ เซียวยวี่ยกตำราขึ้น ปกติตัวหนังสือบนตำรา เขาท่องจำได้จนขึ้นใจแล้ว แทบจะสามารถท่องกลับหลังได้อย่างลื่นไหล แต่มาบัดนี้ เขากลับไม่รู้จักตัวหนังสือบนนั้นแม้แต่ตัวเดียว จิตใจไม่อาจสงบลงได้เลย ทั้งยังรู้สึกกระวนกระวายมากด้วย

จนสุดท้าย เซียวยวี่โยนตำราในมือทิ้งไป อ่านไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเดียว ขืนอ่านอีกมีแต่จะยิ่งวุ่นวายใจ

ไม่รู้ว่าเดินวนอยู่ภายในห้องมากี่รอบแล้ว

เดินวนรอบแล้วรอบเล่า ภายในห้วงความคิดเซียวยวี่ไม่มีอะไรสักอย่าง มีเพียงภาพตอนประตูใหญ่เปิดออก เขาเองไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้หันกลับไปมอง

มองเพียงแวบเดียว เขาก็เห็นคนผู้นั้นที่ยืนอยู่ในตำแหน่งห่างจากประตูใหญ่ห้าถึงหกหมี่

ดวงตาทั้งคู่ใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำ ใสสะอาดไร้จุดด่างพร้อย คิ้วหงส์คู่งามเลิกขึ้นเล็กน้อย ยังมีใบหน้างดงามเย้ายวนและนัยน์ตาคู่นั้นที่เพิ่มเสน่ห์ชวนหลงใหลไม่น้อย

นางมองเซียวหมิงจูด้วยสีหน้าเรียบสงบ ผ่านไปครู่เดียว สายตาของนางก็หันมามองเขา

เซียวยวี่อยู่ห่างถึงเพียงนั้น กลับสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ว่าเบื้องลึกแววตานางนิ่งสงบดุจผิวน้ำ ไม่มีคลื่นมรสุมหรือความเดือดดาลเพราะเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ตรงกันข้าม นางยังหันมาแสยะปากแย้มรอยยิ้มบางให้เขาด้วย

นางไม่โมโหเลยแม้แต่น้อยจริงหรือ?

เซี่ยยวี่หลัวไม่โมโห ไม่อาละวาด เขาควรรู้สึกดีใจไม่ใช่หรือ? เขาจะรู้สึกผิดทำไม? เขาจะกระวนกระวายใจทำไม?

เรื่องที่ควรดีใจกลับไม่อาจดีใจได้เลย ก้นบึ้งจิตใจเหมือนมีค้อนเหล็กหนักอึ้งหล่นทับจนเขารู้สึกจิตใจไม่สงบ

ในภายหลังเซียวยวี่ก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ผลักเปิดประตูมายังห้องครัว

เสียงของเด็กสองคนดังขึ้นจากภายในห้องครัว ยังมีกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากด้านใน จากนั้นเสียงของเซี่ยยวี่หลัวจึงดังขึ้น “พวกเจ้าดู นี่คือน้ำเดือดหนแรก เมื่อเดือดแล้ว เราค่อยตักน้ำเย็นใส่หนึ่งกระบวย รอให้น้ำเดือดเป็นหนที่สอง”

ฝีเท้าของเซียวยวี่ที่กำลังจะก้าวเข้าไปพลันหยุดชะงัก

เขาเกิดความลังเลขึ้น ลืมกระทั่งเรื่องที่ตัวเองต้องก้าวเท้าข้างใดเพื่อเดินต่อไป

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะทำอะไรหรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม

เสียงมีดกระทบเขียงดังขึ้นจากด้านในอีกครั้ง

“ข้ากำลังเตรียมน้ำจิ้มสำหรับทานกับเกี๊ยว” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว

“ครั้งก่อนท่านบอกว่าใช้น้ำส้มสายชูก็พอแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

มีครั้งหนึ่งเซี่ยยวี่หลัวเรียกสุราขมว่าน้ำส้มสายชู นับแต่นั้นมาเด็กสองคนจึงเรียกตามนาง

“ใช่แล้ว ข้าจะปรุงน้ำจิ้มรสเผ็ดเพิ่ม”

เซียวจื่อเซวียนยิ้มทันที พี่ใหญ่ชอบกินรสเผ็ด แต่ก่อนพี่สะใภ้ใหญ่ไม่เคยเตรียมน้ำจิ้มอีกแบบหนึ่งเป็นพิเศษ ดูท่าพี่สะใภ้ใหญ่จะเตรียมน้ำจิ้มนี้ไว้ให้พี่ใหญ่

เพียงแต่เมื่อครู่เซียวหมิงจูอยู่ในบ้าน พี่ใหญ่ยังไม่ได้อธิบายกับพี่สะใภ้ใหญ่ให้ชัดเจนเลย! พี่สะใภ้ใหญ่ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจนางจะคิดฟุ้งซ่านหรือไม่!

ด้วยนิสัยของพี่ใหญ่ เขาคงต้องไปเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่ให้มาเอาใจพี่สะใภ้ใหญ่เสียแล้ว

ภายในใจพี่สะใภ้ใหญ่ต้องกำลังโมโหอยู่เป็นแน่!

เซียวจื่อเซวียนคิดได้ดังนั้น จึงหาข้ออ้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าออกไปห้องน้ำก่อนนะขอรับ”

เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดสงสัย “ไปสิ! รีบกลับมากินเกี๊ยวด้วย”

เซียวจื่อเซวียนวิ่งออกไป

เพิ่งถึงตรงประตู ก็เห็นพี่ใหญ่ที่กำลังยืนลังเลอยู่หน้าประตู “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงไม่เข้าไปขอรับ? ”

เมื่อครู่เซียวยวี่ลองอยู่หลายครั้ง แต่เขาไม่อาจก้าวเท้าเดินเข้าไปได้เลย

“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า นาง…” เซียวยวี่เหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ไม่กล้า

เซียวจื่อเซวียนเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งทันที “พี่ใหญ่ ท่านยืนอยู่หน้าประตู เพราะไม่กล้าเข้าไปใช่หรือไม่ขอรับ? ”

ใบหน้าขาวผ่องดุจหยกของเซียวยวี่พลันกลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนสีตับหมู “อาเซวียน…”

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร เมื่อครู่ยังนึกว่าต้องไปบอกกล่าวพี่ใหญ่ ใครจะรู้ว่าพี่ใหญ่รู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว จึงมาขอขมาพี่สะใภ้ใหญ่!

“พี่ใหญ่ ท่านรอก่อน! ” เซียวจื่อเซวียนวิ่งไปยังประตูห้องครัวก่อนตะโกนเสียงดัง “จื่อเมิ่ง กระต่ายของเจ้าหลุดออกมาแล้ว เจ้ารีบมาช่วยข้าจับกลับไปเร็ว”

เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ด้านในส่งเสียง “หา” ทีหนึ่ง ก่อนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นเซียวยวี่เพียงเอ่ยเรียกพี่ใหญ่ แล้วจึงรีบวิ่งไปยังสวนหลังบ้าน

เซียวจื่อเซวียนตามอยู่ด้านหลัง เดินไปพลางขยิบตาให้เซียวยวี่ “พี่ใหญ่ ตอนนี้ในห้องครัวมีพี่สะใภ้ใหญ่อยู่คนเดียวแล้ว ท่านต้องขอขมาพี่สะใภ้ใหญ่ดีๆ นะขอรับ! ”

ไม่รอให้เซียวยวี่เอ่ยปาก เซียวจื่อเซวียนรีบวิ่งเข้าห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว

เซียวยวี่ “…” เขาไม่ได้บอกว่าจะขอขมาเซี่ยยวี่หลัวเสียหน่อย!

เพียงแต่ ที่อาเซวียนกล่าวมาก็ดูจะมีเหตุผลมากทีเดียว

เซียวยวี่กำหมัดแน่น ปล่อยมือลู่ลงสองข้างลำตัว สูดลมหายใจเข้าลึกสองที จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้องครัว

เซียวจื่อเมิ่งวิ่งไปถึงสวนหลังบ้าน ก็รีบไปดูกระต่ายของตัวเอง พอเห็นกระต่ายสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะยังกินหญ้าอย่างมีความสุขอยู่ภายในกรง เซียวจื่อเมิ่งก็ไม่พอใจทันที “พี่รอง ทำไมท่านต้องหลอกข้า? ”

เซียวจื่อเซวียนหัวเราะร่า “ไม่หลอกเจ้า เจ้าจะยอมออกมาหรือ? เจ้าแมวตะกละ น้ำลายจะไหลลงหม้ออยู่แล้ว”

เซียวจื่อเมิ่งเช็ดปากทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทางดุดัน “ข้าเปล่าเสียหน่อย! พี่รองท่านหลอกข้า ฮึ ข้าไม่สนใจท่านแล้ว ข้าจะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่”

“จื่อเมิ่ง อย่าไป” เซียวจื่อเซวียนขวางนางไว้

เซียวจื่อเมิ่งกะพริบตา “พี่รอง ท่านจะทำอะไร? ”

“เด็กโง่ พวกเราเล่นกันในสวนครู่หนึ่ง อีกเดี๋ยวค่อยไป พี่ใหญ่ไปหาพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อคุยธุระ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางมีลับลมคมใน

เซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่าพี่ใหญ่หาพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อคุยธุระ ก็ปริปากยิ้มทันที “ได้ เช่นนั้นพวกเราก็รอพวกเขาอยู่ที่นี่แล้วกัน! ”

ทั้งสองคนจึงเล่นกันอยู่ที่สวนหลังบ้าน