ตอนที่ 201 : การเดินทาง

ทุกคนต่างก็เอาหม้อและแร่ไฟออกมาพร้อมเอาเนื้อจระเข้มาต้ม ไม่นานเนื้อนั่นก็เริ่มส่งกลิ่นหอมออกมา

หวังเย่าชิมดูและพบว่าเนื้อของมันนุ่มเด้งลิ้นเป็นอย่างมาก แถมยังเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่สูง

หลังจากที่พักได้ไม่นานทุกคนก็เดินทางต่อด้วยความระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาไม่กล้าที่จะประมาทเพราะกลัวว่าจะเจอกับสัตว์อสูรขอบเขตราชันย์อีก

พวกเขาเดินผ่านที่ราบและแม่น้ำรวมถึงเนินเขา…พวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรมากมายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าจะมีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแต่ก็ยากที่จะได้เห็นในเขตชานเมืองได้

สัตว์อสูรพวกนี้ก็มีอาณาเขตของมันเอง

หลังจากที่เดินทางมาได้ 6-7 วัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย

นี่เป็นภูเขาธรรมดา มันไม่ได้มีพื้นที่มากนัก ไม่ได้มีป่าหนาทึบ

มีนกจำนวนมากบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นร้อย ๆ ตัว

ฝูงแกะได้จับจองพื้นที่บนเนินเขาเพื่อกินใบไม้และต้นหญ้า

มีแพะเดินลงมากินน้ำที่แม่น้ำซึ่งมีปลากระโดดไปมาอยู่ตลอด

เมื่อมองตอนแรกก็อาจจะคิดว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความฝัน มันดูสงบสุขร่มเย็นเป็นอย่างมาก

อันที่จริงแล้วผลของมิติดวงจันทร์นั้นค่อนข้างรุนแรง มันทำให้ที่นี่กลายเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูร

ยิ่งกว่านั้นห่วงโซ่อาหารที่นี่ก็โหดร้ายมากกว่าที่คิด

บนยอดเขาข้าง ๆ กับแม่น้ำ สูงขึ้นจากพื้นไป 500 เมตร บนยอดเขานั้นมีเมฆสีชมพูขนาดใหญ่ ขนาดของมันเท่ากับเนินเขาหลายลูก

ระหว่างก้อนเมฆนั้นมีหลุมดำ มันคือทางเข้าของมิติดวงจันทร์

“หัวหน้า เราจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปงั้นหรือ ? ”  พวกทหารรับจ้างถามขึ้นมา

หวังเย่าครุ่นคิด ที่นี่มีนกอยู่เยอะเกินไป ตัวของมันใหญ่กว่าเฮลิคอปเตอร์เสียอีก หากต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปนั้นคงดูไม่เหมาะเท่าไหร่

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ  “ตามฉันมา”

หวังเย่าเรียกการ์ฟิลด์ออกมาแล้วให้การ์ฟิลด์แผ่พลังออกมาจนทำให้พวกสัตว์อสูรที่อ่อนแอพากันหวาดกลัวและรีบหนีไป

ถ้ายังมีสัตว์อสูรขวางทางพวกเขาอยู่ พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่ามัน

ห่างออกไปไม่ถึงร้อยไมล์นั้นมีสัตว์อสูรจำนวนมากแห่กันเข้ามา

กลุ่มแรกคือพวกหมาป่าระดับทองเลเวล 30-40 มันมีกว่า 60-70 ตัว พวกมันไม่กลัวคลื่นพลังของการ์ฟิลด์และได้พุ่งเข้ามาล้อมกลุ่มของหวังเย่าเอาไว้

คงไม่ต้องบอกว่าพวกมันจะมีชะตากรรมแบบไหน

ทุกคนสวมอุปกรณ์อย่างดี แน่นอนว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพวกหมาป่านี้อยู่แล้ว หลังจากที่สู้กันได้สักพักพวกเขาก็ฆ่าหมาป่าไปกว่า 20 ตัวก่อนจะไล่พวกมันกลับไป

อันที่จริงแล้วตราบใดที่หวังเย่าลงมือ แค่ลูกแก้ววิญญาณไฟก็เพียงพอที่จะจบการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว

แต่เขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เพื่อพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างของเขา เหล่าทหารรับจ้างจำเป็นต้องผ่านการต่อสู้เพื่อที่จะได้เพิ่มประสบการณ์มากยิ่งขึ้น

ตลอดหลายวันมานี้กลุ่มทหารรับจ้างโลกาได้ผ่านการต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรกว่า 60 ครั้ง ประสิทธิภาพในการต่อสู้และความสามัคคีนั้นเพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์

แน่นอนว่าระหว่างนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่พวกเขามีเกราะและยาดีจึงไม่ได้เสียหายอะไรมาก

แต่มันก็มีบ้างที่ยากจะจัดการกับสัตว์อสูรได้

อย่างฝูงสัตว์อสูรฝูงที่สอง กลุ่มทหารรับจ้างโลกาไม่อาจจะรับมือได้และต้องพึ่งหวังเย่าในการจัดการกับพวกมัน

พวกมันคือฝูงแมงมุมที่มีขนาดเท่ากับรถ มันมีใบหน้าที่น่ากลัวและสามารถยิงใยขนาดเท่ากับนิ้วมือออกมาได้

ตอนนั้นมีใยแมงมุมกว่าสองร้อยเส้นถูกยิงออกมา

ทุกคนต่างก็ยกโล่ขึ้นเพื่อกันการโจมตีเอาไว้แต่ไม่คิดว่าใยนั่นกลับมีแรงผลักมหาศาล แม้ว่าจะหยุดการโจมตีนี้ไว้ได้แต่ก็ทำให้ทหารหลายคนนั้นต้องล้มลงไป

เมื่อเห็นแบบนั้น พวกแมงมุมก็เดินหน้าเข้าหา เมื่อเข้ามาในระยะ 50 เมตร พวกมันก็พ่นใยออกมาแต่เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่พวกทหารแต่เป็นการสร้างพื้นที่ใยของตัวเองเพิ่มขึ้น

ทันทีที่ใยพวกนั้นก่อตัวเสร็จ พวกมันถึงได้มุ่งหน้าเข้าโจมตีต่อ

หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ หน้าถอดสีทันทีถ้ายังอยู่ในเขตใยพวกนี้ งั้นพวกเขาก็อาจจะหนีไม่ได้

แล้วสุดท้ายพวกเขาก็จะติดอยู่กับใยพวกนี้และได้แต่รอความตาย

พวกเขาได้แต่ดิ้นรนเพื่อฝ่าออกไปจากเขตใยพวกนี้

หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ได้เอาลูกแก้ววิญญาณไฟออกมา เขาควบคุมพลังไฟในลูกแก้ววิญญาณเพื่อเผาใยพวกนั้น

ไม่นานใยพวกนั้นก็โดนเผาไปอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนั้นแมงมุมที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 10 ฟุต  พวกมันยกขาของตัวเองขึ้นพร้อมกับล้อมพวกเขาเอาไว้

เมื่อใยที่พวกมันสร้างขึ้นไม่อาจจะล้อมมนุษย์พวกนี้ได้ งั้นพวกมันก็ตัดสินใจที่จะเข้าล้อมมนุษย์ด้วยตัวเองเพื่อกันไม่ให้เหยื่อหนีไป

หวังเย่าควบคุมลูกแก้ววิญญาณดินพร้อมกับมีกำแพงหินก่อตัวขึ้นมา กำแพงนี้สูงถึง 3 เมตรซึ่งสูงพอที่จะปกป้องพวกเขาได้

จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าสูงกว่า 100 เมตรก่อนจะพุ่งลงมายืนอยู่บนหลังของแมงมุม จากนั้นเขาก็ใช้ลูกแก้ววิญญาณไฟสร้างแส้ไฟขึ้นมาเพื่อเผาแมงมุมพวกนั้น

ฝูงแมงมุมเอาแต่โจมตีกำแพงดิน พวกมันหมดหนทางกับกำแพงดินที่หนาแบบนี้ เมื่อรู้สีกได้ถึงคลื่นความร้อนจากทางด้านหลัง พวกมันก็พากันหนีอย่างลนลาน

เพราะพวกมันอ่อนแอกับไฟ

“เอาแร่ไฟออกมา ! ”  หวังเย่าเห็นว่าทหารของเขาต่างก็หน้าซีดจึงได้สั่งให้พวกนั้นโยนแร่ไฟออกมา

แร่ไฟเมื่อระเบิดออกก็กลายเป็นก้อนไฟ เมื่อมันถูกโยนออกมา มันก็ได้ก่อตัวเป็นทะเลไฟ แมงมุมกว่าครึ่งไม่อาจจะหนีได้ทันและโดนเผาไป

กลิ่นเหม็นไหม้ลอยคลุ้งไปทั่วจนพวกทหารต้องใส่หมวกและเปิดเครื่องช่วยหายใจ

ทะเลไฟนี้คงอยู่กว่า 2 นาทีก่อนที่หวังเย่าจะใช้ลูกแก้ววิญญาณไฟเพื่อดับไฟทั้งหมด

ในใจของเขาคิด  “ พลังไฟที่ทรงพลังแบบนี้ปล่อยไว้ก็เสียเปล่า ฉันควรดึงพลังมันเข้ามาในลูกแก้ววิญญาณไฟจะดีกว่า”