บทที่ 176 ประมาทไปแล้ว เสี้ยวหยาได้รับบาดเจ็บ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

“หยาเอ๋อร์ อยู่ใกล้ฉันเอาไว้ ฉันจะพาเธอฝ่าออกไป” เย่เทียนเฉินหันไปยิ้มให้กับเสี้ยวหยาที่มีใบหน้าซีดขาวแล้วพูดขึ้น

ในตอนนี้ เหล่าพี่น้องกลุ่มนี้ที่เป็นลูกน้องของอาหู่ จากเดิมทีที่คิดว่าจะสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ด้วยคนเพียงไม่กี่คน ต่อให้ไม่ลงมือแต่ก็มีพละกำลังมากกว่าขนาดนี้ ชายฉกรรจ์ที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือทั้งสามร้อยกว่าคน สามารถทำให้คนตกใจตายได้ แต่เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับลงมืออย่างโหดเหี้ยม พริบตาเดียวก็ฟันชายฉกรรจ์สิบกว่าคนจนล้มตาย ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงจนนิ่งไป

เย่เทียนเฉินมองเหล่าอันธพาลทั้งซ้ายขวา กลยุทธ์ของตนถูกต้องจริงดังคาด วิธีการนองเลือดอันโหดเหี้ยมจะทำให้ทุกคนต้องสั่นสะท้านจนนิ่งไป จึงจะมีโอกาสฝ่าวงล้อม มิเช่นนั้นหากปะทะกันอย่างรุนแรงเข้ามาจริงๆ หากตนเองไม่ใช้พลังพิเศษและต้องการฆ่าคนทั้งสามร้อยกว่าคนนี้ ต่อให้หั่นแตงกวาสามร้อยลูกก็ยังหันจนมือไม้อ่อนได้

เสี้ยวหยาอยู่ด้านหลังของเย่เทียนเฉิน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดสดๆ มือซ้ายกุมมือเสี้ยวหยาเอาไว้ มีดตัดฟืนในมือขวาชี้ลงพื้นมีเลือดสดๆ ไหลหยดลงมาไม่หยุด ทุกก้าวที่เขาก้าวไปข้างหน้า เหล่าชายฉกรรจ์โหดเหี้ยมที่ยืนอยู่ขวางด้านหน้าเขา ต่างก็ตกใจจนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป

“แม่งเอ๊ย ฟัน ฟันมันให้ตาย หากว่าไอ้หมอนี่มันหนีไป พี่หู่ก็ไม่ปล่อยพวกเราไปแน่…” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนขึ้น

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว กลุ่มคนทะลักเข้ามาทั้งหน้าและหลัง สะบัดมีดตัดฟืนจนมั่วซั่ว ชายฉกรรจ์คนหนึ่งแทงมีดเขามายังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเอี้ยวตัวแล้วฟันมีดกลับไป เสียงร้องอย่างอนาถดังขึ้น แขนทั้งแขนของชายฉกรรจ์ผู้นั้นถูกเย่เทียนเฉินฟันจนขาดทั้งดุ้น ล้มลงไปแล้วกลิ้งไปมาท่ามกลางกองเลือด

ชายฉกรรจ์อีกสองคน คนหนึ่งฟันไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉิน อีกคนหนึ่งฟันแนวขวางไปยังอวของเย่เทียนเฉิน

ฉัวะ!

มือขวาของเย่เทียนเฉินฟันออกไปเป็นแนวนอน ปะทะเข้ากับมีดตัดฟืนที่ฟันมายังศีรษะของตนจนกระเด็นออกไป ในขณะเดียวกันก็ใช้เท้าแตะชายฉกรรจ์ที่ฟันมีดมายังศีรษะของตนผู้นั้นจนปลิว กระแทกกับเหล่านักฆ่าที่ทะลักเข้ามาไปแถบหนึ่ง

 ในขณะเดียวกันนี้ เย่เทียนเฉินก็ปล่อยมือเสี้ยวหยา ใช้มือซ้ายจับข้อมือของชายฉกรรจ์ที่ฟันมีดลงมาบริเวณเอวของเขา หยุดไม่ถึงครึ่งวินาทีก็ได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้น เย่เทียนเฉินหักข้อมือของชายฉกรรจ์โหดเหี้ยมคนนั้นอย่างรุนแรง และใช้เท้าถีบจนปลิวออกไปเช่นกัน

“อา… เทียนเฉินระวัง” ทันใดนั้นเสี้ยวหยาตะโกนเรียก เพราะด้านหลังของเย่เทียนเฉินมีชายฉกรรจ์ผู้โหดเหี้ยมคนหนึ่งแทงมีดเข้าไปด้านหลังของเย่เทียนเฉิน

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว หมุนตัวพร้อทั้งเตะกลับไปจนชายฉกรรจ์ที่ลอบโจมตีตัวเองผู้นั้นกระเด็นออกไป ปะทะเข้ากับชายฉกรรจ์ถือมีดตัดฟืนที่อยู่ด้านหน้าสุดหลายคน

อันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือทะลักเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดต่างก็มีดวงตาแดงก่ำด้วยความต้องการฆ่า เย่เทียนเฉินถอยหลังไปหลายก้าว ปกป้องเสี้ยวหยาให้อยู่ด้านหลังติดๆ เสี้ยวหยาเกาะแขนเย่เทียนเฉินไว้แน่น สถานการณ์เช่นนี้หากไม่กลัวก็โกหกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเสี้ยวหยาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้ชายตัวใหญ่ได้มาเห็น เกรงว่าจะถูกทำให้ตกใจจนฉี่ราด

“หยาเอ๋อร์ อย่ากลัว ไม่มีอะไรหรอก!” เย่เทียนเฉินหันไป เช็ดอยากเลือกบนหน้าออก ยิ้มให้เสี้ยวหยาแล้วพูดขึ้น

เสี้ยวหยาเห็นท่าทางเช่นนี้ของเย่เทียนเฉิน น้ำตาก็พลันไหลออกมา เธอรู้ว่านี่ล้วนเป็นเพราะต้องปกป้องตน มิเช่นนั้นเย่เทียนเฉินจะต้องสู้อย่างลำบากขนาดนี้ได้อย่างไร ด้วยฝีมือของเขา ในที่นี้ไม่มีใครที่จะขวางเขาไว้ได้

“เทียนเฉิน นายไม่ต้องสนใจฉัน นายรีบไป รีบไปเถอะ…” เสี้ยวหยาผลักเย่เทียนเฉินออกไป เธอรู้ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของเย่เทียนเฉิน

“เด็กโง่ ต่อให้ฉันตายก็จะไม่ทิ้งเธอเอาไว้ อีกอย่างด้วยฝีมือของพวกเขา…ฆ่าฉันไม่ได้หรอก!” อเย่เทียนเฉินยิ้มอย่างมาดเท่พูดกับเสี้ยวหยา

“เทียนเฉิน นายไม่ต้องสนใจฉันแล้ว รีบไปเถอะ หากว่านายต้องการจะออกไปก็ไม่มีใครขวางนายได้!” เสี้ยวหยาร้องไห้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

“ฉันจะพาเธอออกไปด้วยกัน พวกเราไปด้วยกัน!”

คำพูดอันหนักแน่นของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะพูดออกมา เขาก็ไม่ยอมถอยแต่กลับบุกเข้าไป พุ่งเข้าไปยังอันธพาลกลุ่มนั้นที่ไหลทะลักเข้ามา ทำให้ชายฉกรรจ์หลายคนตกใจจนชะงัก อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าตนเองลง กระทั่งมีคนถอยหลังออกไป

“ไอ้…ไอ้หนูนี่ ระ รนหาที่ตายหรือไง?”

“ถึงกับกล้าพุ่งเข้ามาเลย?”

“ฆะ ฆ่ามัน”

อันธพาลกลุ่มนี้เดิมทีก็ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา ในตอนนี้ถูกฉากนองเลือดกระตุ้นนิสัยบ้าเลือดขึ้น ชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าสุดตวัดมีดตัดฟืน ด้านหลังยังมีเงาคนทะลักเข้ามาจนไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุดได้

เย่เทียนเฉินรู้ว่าในตอนนี้ไม่มีทางแล้ว ต้องพึ่งพาตนเอง พึ่งพามีดในเมือง ฆ่าเปิดทางออกไปอย่างดุดัน เขาเป็นคนที่แน่วแน่คนหนึ่ง เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็จะต้องทำให้ได้ กล่าวแล้วว่าจะไม่ใช้พลังพิเศษก็จะต้องไม่ใช้พลังพิเศษ อีกทั้งแบบนี้ยังมีผลดีต่อการฝึกฝนกายเนื้อเป็นอย่างมาก ยากที่จะมีโอกาสเช่นนี้ได้

สถานการณ์เช่นในตอนนี้ เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องลงมือฆ่า มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่เขาที่ต้องตาย เสี้ยวหยาเองก็คงไม่รอด เขาจะต้องปกป้องเสี้ยวหยา ปกป้องให้ผู้หญิงคนนี้ฝ่าออกไปให้ได้

การต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านเริ่มขึ้นแล้ว เย่เทียนเฉินคนเดียวเผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือหลายสิบคน ด้านหลังยังมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลักเข้ามา มีดตัดฟืนในมือขวาสะบัดออกไปไม่หยุด เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุด เงาคนเบียดเสียดเข้ามา

เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินต่อสู้นองเลือดอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างยากลำบาก เสี้ยวหยาก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจระงับ ผู้ชายเช่นนี้ เพื่อที่จะปกป้องตนเอง ไม่เสียดายที่จะทำให้ทั้งร่างของตนย้อมไปด้วยเลือด คนขวางก็ฆ่าคน พระขวางก็ฆ่าพระ น้ำตาของเธอไหลออกมาเพื่อเขา

ในตอนที่เย่เทียนเฉินจับหัวชายฉกรรจ์คนหนึ่ง ตวัดมีดตัดฟืนในเมืองขวาออกไปแนวนอน ตัดศีรษะของชายฉกรรจ์ผู้นั้นออกมา เสาเลือดพุ่งทะยานขึ้น ฉากนี้ทั้งสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด จนทุกคนชะงักไป ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าขยับ มีชายฉกรรจ์บางคนตกใจจนฉี่ราด ในใจของหลายคนต่างก็เย็นเยียบขึ้น คิดว่านี่ยังเป็นคนอยู่อีกหรือ? เป็นคนหรือเป็นเทพแห่งความตายกันแน่?

ในซอยแคบพลันเงียบงั้น แสงไฟอันมืดสลัวเรากลับกำลังไว้อาลัยให้ผู้ตาย ชายฉกรรจ์ที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือที่เหลืออีกสองร้อยกว่าคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่พุ่งไปด้านหน้าสุด หรือว่าจะถูกขวางเอาไว้ข้างหลัง ทั้งหมดต่างก็ใบหน้าซีดขาว มีเหงื่อเย็นๆไหลซึมออกมา มองไปยังด้านหน้าอย่างตะลึงจนแข็งเป็นหิน

ตรงกลางสุดของซอย มีเงาร่างสูงใหญ่ผอมเพรียวร่างหนึ่ง ใบหน้าเย็นยะเยือก ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด มือซ้ายถือหัวคน มืดตัดฟืนในมือขวาเต็มไปด้วยรอยบิ่นตั้งนานแล้ว เลือดสดๆ หยดไหลลงติ๋งๆ ทุกครั้งที่หยดลง ต่างก็สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณของผู้คน

เย่เทียนเฉิน ตัวตนที่เป็นดั่งเทพแห่งความตาย เขาลงมือเอง ไม่ถึงสิบนาทีรอบเช้าของเขาก็มีศพยี่สิบกว่าศพนอนอยู่ โดยเฉพาะศพของชายฉกรรจ์ศพหนึ่ง  คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของเขา และในมือซ้ายของเย่เทียนเฉินถือหัวของชายฉกรรจ์ผู้นั้นอยู่

นรกบนดิน น่าสยดสยองมากนัก หลายคนกระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้า สองตาเบิกกว้าง เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาไม่หยุด

เสียงพลั่กดังขึ้น เย่เทียนเฉินโยนมีดตัดฟืนที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นลงสู่พื้น พาร่างที่เต็มไปด้วยหยาดเลือดเดินไปเบื้องหน้าเสี้ยวหยา หอบหายใจครั้งใหญ่ เขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษ แม้จะฝีมือแข็งแกร่งเช่นเขาก็ยังต้องใช้พลังกายออกไปมาก เผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือทั้งสามร้อยกว่าคน มือขวาของเย่เทียนเฉินฟันจนล้าไปหมดแล้ว

“เทียนเฉิน เทียนเฉิน นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม…” เสี้ยวหยาสูดจมูก ใบหน้าอันงดงามมีน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า ผู้ชายเช่นนี้ควรค่าที่จะทำให้เธอร้องไห้เพื่อเขา ควรค่าที่เธอจะรักอย่างลึกซึ้ง

“เด็กโง่ ฉันไม่เป็นไร อย่าร้องเลย พวกเราไปกันเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

เสี้ยวหยาตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ จับมือซ้ายของเย่เทียนเฉิน กุมเอาไว้จนแน่น ดูเหมือนจะกลัวว่าหากไม่ระวังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป

เย่เทียนเฉินจูงมือเสี้ยวหยา เดินเหยียบย่างไปบนซากศพของเหล่าชายฉกรรจ์ ชายฉกรรจ์ที่เหลืออีกหลายร้อยคนที่ขวางหน้าเย่เทียนเฉินเอาไว้ ต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง มีดตัดฟืนภายในมือขวาแทบจะประคองไว้ไม่ได้ เย่เทียนเฉินพาเสี้ยวหยาไป ทุกครั้งที่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว คนเหล่านี้ก็จะถอยไปหนึ่งก้าว ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว

 เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนเฉินที่เป็นเหมือนปีศาจฆ่าคน ใครจะไม่กลัวบ้าง? จิตวิญญาณต่างก็กำลังสั่นเทา ไม่ถึงสิบนาทีก็ ไปแล้วสามสิบกว่าคน แต่ละมีดล้วนเอาชีวิต โดยเฉพาะช่วงเวลาสุดท้ายนั้น ตัดศีรษะคนผู้หนึ่งจนขาดร่วง เสาเลือดพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ภาพเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมปรากฏต่อสายตา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่กลัว

เป็นเช่นนี้เอง เย่เทียนเฉินจูงมือเล็กๆของเสี้ยวหยา เดินมุ่งไปยังปากซอยช้าๆทีละก้าว เมื่อผ่านการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านเมื่อสักครู่นี้มา ถึงแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บจากมีดๆ เพียงเล็กน้อย แต่พลังกายก็เริ่มจะประคองไว้ไม่ไหว เขาคอยสังเกตอันธพาลนักฆ่ากลุ่มนี้ที่เบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง เกรงว่าจะมีคนลอบโจมตี เขาไม่ต้องการให้เสี้ยวหยาได้รับบาดเจ็บ

เป็นไปอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเย่เทียนเฉินและเสี้ยวหยามองไปยังปากซอยที่มีระยะห่างไม่ถึงสิบเมตร ขอเพียงออกไปได้ก็ไม่มีใครกล้าขวางทางเย่เทียนเฉินอีก

“ไปตายซะ ไอ้ลูกหมา…”

ชั่วขณะนั้นเอง ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ลอบโจมตีขึ้นมาจากด้านหลัง แทงมีดไปยังหลังของเย่เทียนเฉิน

ชายฉกรรจ์คนที่ลอบโจมตีเย่เทียนเฉินขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ ก็คือน้องชายแท้ๆ ของอาหู่ มีฉายาว่าเฮยหวา(ทารกดำ) เดิมทีคิดว่าต่อให้เย่เทียนเฉินมีฝีมืออยู่บ้าง ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนที่มีคนมากถึงเพียงนี้ แต่ว่าตั้งแต่ชั่วขณะที่เริ่มประมือกัน เฮยหวาก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปด้านหน้า เย่เทียนเฉินก็เหมือนกับเทพแห่งความตาย ห้าวหาญจนมิอาจขวาง ทุกคนที่กล้าพุ่งเข้าไปต่างก็มีคำเดียวที่รออยู่นั่นคือ ตาย

ตอนนี้เฮยหวามองไปยังเย่เทียนเฉินที่จะหนีไป กัดฟันแน่น ต้องการจะลอบโจมตีเย่เทียนเฉิน ขอเพียงลอบโจมตีได้ คืนนี้พวกเขาก็จะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินได้อย่างแน่นอน

“เทียนเฉิน ระวัง!”

เสี้ยวหยาตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความตกใจ เธอผลักเย่เทียนเฉินออกไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ใช้ตัวเองบังอยู่ด้านหน้าของเย่เทียนเฉิน เสียงซวบดังขึ้น เป็นเสียงที่กล้ามเนื้อถูกตัดขาด มีดนี้ของเฮยหวาไม่ได้แทงถูกเย่เทียนเฉิน

ชั่วพริบตาที่เย่เทียนเฉินหันกลับมานั้น เขาเห็นรอยยิ้มหวานของเสี้ยวหยา ใบหน้างดงามทำให้ผู้คนหลงใหล ร่างกายอันมีเสน่ห์ล้มลงบนพื้น

“เทียนเฉิน รีบไป รีบไป รีบไปเร็ว…” เสี้ยวหยาล้มลงนอนจมกองเลือด ตะโกนออกมาอย่างยากลำบากด้วยความเจ็บปวด

“เสี้ยวหยา!”

เย่เทียนเฉินตะโกนขึ้น พุงเข้าไปหาเสี้ยวหยาโดยไม่สนใจสิ่งใด…

เสี้ยวหยาเอาตัวมาขวางมิให้เย่เทียนเฉินโดยไม่สนใจอะไร มีดนั้นของเฮยหวาฟันถูกร่างของเสี้ยวหยา เขาก็ชะงักไป จากนั้นใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมขึ้น เย่เทียนเฉินร้ายกาจมากจริงๆ พวกเขาไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉินอย่างแน่นอน นี่เป็นเทพแห่งความตายคนหนึ่ง ไม่มีใครขวางทางได้ เพียงแต่ตอนนี้ เฮยหวาพบจุดอ่อนของเย่เทียนเฉิน นั่นก็คือเสี้ยวหยา เมื่อเสี้ยวหยาได้รับบาดเจ็บหรือถูกโจมตี เย่เทียนเฉินก็จะสับสนวุ่นวายขึ้นมา นี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะฆ่าเย่เทียนเฉิน

“เทียนเฉิน ไม่ต้องสนใจฉัน นาย…นายรีบไปเถอะ…” เสี้ยวหยาล้มอยู่ท่ามกลางกองเลือด กัดฟันตะโกนบอกเย่เทียนเฉินอย่างยากลำบาก

……………………..