บทที่ 177 ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่า เสี้ยวหยาจะได้รับบาดเจ็บ หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่า เขาคิดไม่ถึงอย่างเด็ดขาดว่าจะมีคนถ่อยไร้ยางอายเหมือนเฮยหวาอยู่ด้วย กระทั่งผู้หญิงที่ไม่มีแรงจะฆ่าไก่ก็ยังลงมือได้ น่าขายหน้าจริงๆ!

หยาเอ๋อร์!” เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง พุ่งเข้าไปหาเสี้ยวหยาโดยไม่สนใจอะไร

“แม่งเอ๊ย พวกแกยังจะมัวตะลึงอะไรกันอยู่อีก ฟันมันให้ตายซะ ถือโอกาสนี้ฟันมันให้ตายซะ” เฮยหวาเห็นเย่เทียนเฉินมีท่าทางสับสน จึงตะโกนออกมาใส่อันธพาลที่เหลืออย่างตื่นเต้น

อันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือกลุ่มนี้ซึ่งเป็นลูกน้องของอาหู่ล้วนมีใบหน้าหวาดกลัว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าพุ่งเข้าไปตามใจ เมื่อครู่ฉากที่เย่เทียนเฉินฆ่าคนราวกับผักปลาทำให้ในใจของใครหลายคนรู้สึกเย็นยะเยือก เย่เทียนเฉินร่างกายชุ่มไปด้วยเลือดสด กระทั่งเส้นผมก็มีเลือดไหลหยดลงมา ราวกับเทพแห่งความตายที่ออกมาจากขุมนรก ไม่มีใครสามารถขวางเขาได้

“พวกแก…บุกเข้าไปพร้อมกัน ฟันมันให้ตาย ใครฟันมันได้ครั้งหนึ่งจะได้รางวัลหนึ่งแสน ฆ่ามันได้จะได้รางวัลหนึ่งล้าน…”

เฮยหวาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกลูกน้องของพี่ชายเขาต่างถูกเย่เทียนเฉินทำให้หวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปสักคน หากเป็นแบบนี้จะต้องฆ่าเขาไม่ได้แน่

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮยหวา พวกอันธพาลที่เหลือก็ชะงักไปสักพักหนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งสองแดงก่ำขึ้น จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ถึงแม้พวกเขาจะถูกเย่เทียนเฉินทำให้ผวา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเงิน ทุกคนต่างก็ไม่คิดชีวิต ในใจก็คิดว่าอาจจะโชคดี ไม่เชื่อว่าตนเองมีคนเยอะขนาดนี้จะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้

ฟันฉัวะลงไปครั้งหนึ่ง อันธพาฃตัวดำคนหนึ่งกัดฟันแน่น ใช้มีดฟันลงไปที่บริเวณหลังของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินดวงตาเย็นยะเยือก หันมาจับอันธพาลตัวดำคนนั้น ใช้มือขวาบีบลงไปที่คอของเขา ได้ยินเสียงกรอบครั้งหนึ่ง อันธพาลตัวดำถูกเย่เทียนเฉินหักคอตายทั้งเป็น นอนตายตาไม่หลับอยู่บนพื้น

เย่เทียนเฉินหยิบมีดตัดฟืนในมือของอันธพาลตัวดำคนนั้นขึ้นมา เขาโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว เสี้ยวหยาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งการฆ่าในใจของตัวเองออกมาอย่างรุนแรง เป็นสิ่งที่ออกมาจากความโกรธแค้นของเขาจริงๆ

“ขะ เข้าไปพร้อมกัน พะ พวกเรามีมากขนาดนี้ ต้องฆ่ามันได้แน่!” ตอนนี้เอง มีอันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา

พริบตานั้น อันธพาลสิบกว่าคนที่ไม่กลัวตายล้อมเย่เทียนเฉินเอาไว้ แกว่งมีดตัดฟืนในมือไปยังจุดตายของเขา เย่เทียนเฉินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ในตอนที่มีดตัดฟืนในมือของอันธพาลเหล่านี้ฟันลงมาพร้อมกัน เย่เทียนเฉินก็ใช้เท้าขวาออกแรงเหยียบพื้นส่งตัวเองขึ้นสู่อากาศแล้วม้วนตัวครั้งหนึ่ง อันธพาลสิบกว่าคนที่ล้อมเขอยู่มองจนตาค้าง ไม่ขยับเขยื้อน

บนใบมีดของเย่เทียนเฉินชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ใบหน้าของเขาเย็นชา ชั่วขณะนั้นจิตวิญญาณแห่งการฆ่าพุ่งทะยานขึ้น ไม่มีการกักเก็บเอาไว้แม้เพียงครึ่งส่วน เขาโกรธแล้ว ราวกับว่ากลายเป็นเทพแห่งความตายจริงๆ ใครก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้เขาได้แม้แต่ครึ่งก้าว

เฮยหวาตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาแทบจะทรุดลงกับพื้นจนก้นจ้ำเบ้า ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากเหล่าอันธพาลสิบกว่าคนที่ล้อมเขาเป็นวงกลมอยู่นั้น คนทั้งสิบกว่าคนที่เดิมทีพุ่งเข้าไปเพื่อต้องการที่จะฟันแขนเย่เทียนเฉิน ในตอนนี้กลับลงจมกองเลือด การฟันเมื่อครู่นี้ เย่เทียนเฉินได้ดับลมหายใจของพวกเขาทุกคนไปแล้ว เลือดหลั่งไหลออกมาประดุจทะเลสาบ

มือขวาของเย่เทียนเฉินถือมีดตัดฟืนอยู่เล่มหนึ่ง  เดินไปยังเฮยหวาทีละก้าว ในตอนนี้เฮยหวาตกใจจนหน้าซีด เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาราวกับสายฝน ความตาย ทั่วทั้งซอยฟุ้งกระจายไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของเหล่านักฆ่าอันธพาลที่เป็นลูกน้องของอาหู่เต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว

“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินนั่งลงกอดเสี้ยวหยาเอาไว้ในอ้อมกอด ตะโกนออกมาอย่างร้อนรน

เสี้ยวหยาลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เธอเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่ แต่กลับไปบังมีดให้เย่เทียนเฉินโดยที่ไม่ลังเลและไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจเป็นเพราะหลงรักอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว บางทีอาจเป็นเพราะบุญคุณ จะอย่างไรเธอก็ไม่อยากเห็นเย่เทียนเฉินได้รับบาดเจ็บ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงของเขา

“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์…” เย่เทียนเฉินก่อนเสี้ยวหยาเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น กําหมัดแน่นแล้วตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความร้อนใจ

“ทะ เทียนเฉิน ระ รีบไป…ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด…” เสี้ยวหยาลืมตาทั้งสองอย่างอ่อนแรง มองเย่เทียนเฉินด้วยความรักและสงสารแล้วพูดขึ้น

“ไม่ ใครกล้าแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฆ่ามันซะ!”

ในตอนนี้ เลือดแห่งการสู้รบของเย่เทียนเฉินได้พุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ในตอนที่พูดก็หันไปมองเหล่าอันธพาลที่อยู่ด้านหลัง ทำให้พวกอันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือเหล่านี้ตกใจจนถอยออกไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

“เทียนเฉิน นายรีบไปซะ อย่าสนใจฉัน ฉัน…”

คำพูดของเสี้ยวหยายังไม่ทันจบก็หมดสติไปภายในอ้อมกอดของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินชะงักไปทั้งร่าง จากนั้นจึงกัดฟันอย่างรุนแรง พูดพึมพำกับตัวเองว่า “หยาเอ๋อร์ เธอวางใจเถอะ ฉันจะพาเธอออกไป ไม่ว่าใครก็ขวางฉันกับเธอไม่ได้…”

เย่เทียนเฉินยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า เหล่าอันธพาลที่เหลืออยู่รอบๆ ต่างตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว ในตอนนี้ ไอสังหารของเย่เทียนเฉินบานสะพรั่ง เขาเตรียมพร้อมที่จะฆ่าแล้ว ความรู้สึกกดดันจนทำให้หายใจไม่ออกเช่นนั้น สามารถทำให้คนจิตวิปลาสได้เลยทีเดียว

เย่เทียนเฉินไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใช้มือขวาเช็ดเลือดบนหน้า สายตามีความเด็ดเดี่ยวยิ่งขึ้น เขาเก็บมีดตัดฟืนเปื้อนเลือดขึ้นมาจากพื้น ใช้ปากฉีดเศษผ้าออกมาจากเสื้อของตน แล้วนำมาพันไว้บนมือขวา อุ้มเสี้ยวหยาขึ้นแบกเอาไว้บนไหล่ซ้าย ใช้มือซ้ายจับหลังของเสี้ยวหยาเอาไว้

ในซอยคับแคบที่เงียบงันราวกับความตาย ไม่มีใครกล้าขยับ กระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้า เงาร่างสูงใหญ่ดุดันร่างหนึ่ง ไหล่ซ้วาแบกสาวงามคนหนึ่งเอาไว้ มือซ้ายจับเอวของเธอแน่น มีดตัดฟืนในมือขวาพันเข้ากับมือ และยังมีดวงตาแน่วแน่เย็นชาคู่นั้น ดูแล้วทำให้ต้องสั่นทั้งๆ ที่ไม่หนาว

เย่เทียนเฉินแบกเสี้ยวหยาเอาไว้บนไหล่ซ้าย เดินตรงไปยังปากซอยทีละก้าวๆ ทุกก้าวที่เขาก้าวเดินไปข้างหน้า เหล่าอันธพาลที่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้าของเขาต่างก็ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ในขณะนี้เย่เทียนเฉินราวกับเป็นเทพแห่งความตายที่แบกสาวงามดุจนางฟ้าอยู่บนไหล่ เดินตรงไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่ ไม่มีผู้ใดกล้าขวาง

เฮยหวาหอบหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ใช่เพราะเหนื่อยจนเกินไป และไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นเพราะถูกกลิ่นอายอำนาจแห่งจักรพรรดิที่แผ่ออกมาจากเย่เทียนเฉินกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก มองเย่เทียนเฉินที่แบกเสี้ยวหยาอยู่บนไหล่เดินไปยังปากทางทีละก้าว เฮยหวากัดฟัน กำตัดฟืนในมือแน่น

“ฆ่า ฆ่ามันซะ มันได้รับบาดเจ็บแล้ว อย่าให้มันสองคนหนีไปด้วยกันได้…” เฮยหวาตะโกนเสียงดัง

ยังมีอันธพาลจำนวนหนึ่งที่ไม่กลัวตายพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน อารมณ์ของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่ครึ่งส่วน และไม่ได้ถอยแม้แต่หนึ่งก้าว ทำเพียงเดินต่อไปข้างหน้า

มีดตัดฟืนสะบัดราวกับเต้นรำ มีดตัดฟืนในมือขวาของเย่เทียนเฉินฟันออกไปไม่หยุด หยาดเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนให้ฆ่าดังขึ้นทั่วทั้งซอย เย่เทียนเฉินไม่ได้สนใจเลยว่าบนมือ บนขา และบนหลังของตนจะได้รับบาดเจ็บมากขนาดไหน ทำเพียงแบกเสี้ยวหยาเดินตรงไปข้างหน้าเท่านั้น ทุกมีดที่ฟันออกไป จะต้องมีอันธพาลคนหนึ่งนอนทอดตัวเป็นศพ

ในที่สุด เย่เทียนเฉินก็เริ่มฆ่าด้วยความโกรธแค้น แบกเสี้ยวหยาวิ่งตรงไปด้านหน้า มีดตัดฟืนในมือขวากวัดแกว่งออกไปเก็บเกี่ยวชีวิตผู้คนไม่หยุด แต่ละมีดต้องมีคนตาย

บางทีเป็นเพราะลืมไปแล้วหรืออาจเป็นเพราะเสี้ยวหยาได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้เย่เทียนเฉินโกรธ เขาในตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้พลังพิเศษ แต่ลืมใช้พลังพิเศษ มีดตัดฟืนในมือเก็บเกี่ยวชีวิตผู้คนราวกับผักปลา แบบนี้จะยิ่งเพิ่มความสะใจและความเลือดพล่านมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินได้ ร่างกายของเขาก็จะได้รับการบ่มเพาะครั้งใหญ่

“ทำไม…ทำไม ทำไมพวกแกต้องบีบบังคับฉัน!” เย่เทียนเฉินใช้มีดตัดฟืนฟันหัวของอันธพาลคนหนึ่งจนขาดกระเด็น ตะโกนออกมาเสียงดัง

“ฆ่ามันซะ อย่าให้มัน…”

เฮยหวาพุ่งออกมาจากด้านหลัง มีพี่น้องตายไปมากขนาดนี้ หากยังฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ พวกเขาก็ไม่อาจคุ้มถนนเส้นนี้ได้อีก แต่คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบ เย่เทียนเฉินก็หันมาอย่างฉับพลัน เขาจ้องมองเฮยหวาแล้วขว้างมีดตัดฟืนที่ผูกกับมือขวาออกไป

เสียงดังฉึก ท้องของเฮยหวาถูกมีดตัดฟืนเสียบทะลุ มีดตัดฟืนที่มีพลังในการโจมตีอันรุนแรงพาร่างของเฮยหวาไปปักอยู่บนกำแพง เลือดสดๆ ไหลหยดลงมาตามกำแพง ดูแล้วทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว และยังเป็นการกระตุ้นความเลือดร้อน

“มา มาฟันฉันสิ มา…” เย่เทียนเฉินตะโกน

“อ๊าก!”

อันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนไว้ในมือคนหนึ่งกลัวจนจิตตก ทั่วท้องซอยเต็มไปด้วยเลือด เศษซากอวัยวะ และยังมีศีรษะที่ถูกฟันขาด ดูราวกับนรกบนดิน อันธพาลคนนั้นทำมีดในมือตกพื้น มือทั้งสองกุมศีรษะของตน กรีดร้องออกมา จากนั้นจึงวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง

คนที่สอง…

คนที่สาม…

นักฆ่าที่เหลือต่างก็จิตใจแหลกสลาย พวกเขาไม่กล้าไปเป็นคู่ต่อสู้กับเทพแห่งความตาย ต่างพากันกรีดร้องออกมาและวิ่งหนีกันอย่างล้มลุกคลุกคลาน วิ่งได้ไกลเท่าไหร่ก็วิ่ง ไม่หันหน้ากลับมาอีก…

เย่เทียนเฉินผ่อนลมหายใจครั้งหนึ่ง ยืนไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นัก ต่อสู้อย่างรุนแรงเช่นนี้มาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้ใช้พลังพิเศษ เขาคนเดียวฆ่ากองกองอันธพาลที่ใช้มีดตัดฟืนไปสามร้อยกว่าคน ฟังดูน่าหวาดผวาเป็นอย่างมาก

เขาวางเสี้ยวหยาลง มองเธอที่หมดสติไป ในใจรู้สึกร้อนรน ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของผู้หญิงที่งดงามคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เธอถึงกับไม่สนใจอะไร ผลักเขาออกและเอาตัวมาขวางมีดให้เขา เย่เทียนเฉินรู้สึกผิด ต้องโทษเขาที่อยากจะถือโอกาสนี้ฝึกฝนกายเนื้อ มิเช่นนั้นเธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บ

มือทั้งสองของเย่เทียนเฉินอุ้มเสี้ยวหยาในท่าอุ้มเจ้าสาว เดินออกไปยังปากทางทีละก้าว ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ราวกับเปียกชุ่มไปด้วยฝนเลือด เดินออกไปยังปากซอย เขาไม่สนใจบาดแผลของตน ในใจคิดว่าจะต้องพาเสี้ยวหยาไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็ว หากผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไป เย่เทียนเฉินคงไม่ยกโทษให้ตนเองไปชั่วชีวิต

ในตอนที่เย่เทียนเฉินอุ้มเสี้ยวหยาเดินออกมาที่ปากซอยแล้ว ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนนอกซอยต่างพากันตกตะลึงจนตาค้าง มองเย่เทียนเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ บางคนรู้ว่าในซอยแคบแห่งนี้เกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่กล้าไปยุ่งให้มากเรื่อง ตอนนี้เห็นเย่เทียนเฉินถึงกับอุ้มเสี้ยวหยาออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ทำให้ต้องตกตะลึงจนแข็งเป็นหิน

“พะ พระเจ้า ขะ เขาฆ่าคนออกมาได้แล้ว”

“นะ นี่ยังเป็นคนอยู่อีกเหรอ? คนสามร้อยคนที่มีมีดตัดฟืนถึงกับฆ่าเขาไม่ได้เชียว?”

“ปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก ฆ่าคนเพื่อเปิดเส้นทางแห่งเลือด คนคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ”

ในตอนนี้ เสียงรถตํารวจดังขึ้น รอบด้านต่างก็มีตำรวจพุ่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก รถตำรวจสิบกว่าคันขวางเย่เทียนเฉินและเสี้ยวหยาเอาไว้ที่ปากทาง มีตำรวจอาวุธครบมือเกือบร้อยคนลงมาจากรถ ทุกคนต่างยกปืนขึ้น เล็งไปยังเย่เทียนเฉิน…

…………………………….