บทที่ 178 อำนาจที่ติดมากับตัว

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ครั้งนี้ถึงแม้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะอยู่ไกล แต่ก็สั่งการอาหู่ที่เป็นลูกน้องมากความสามารถของตนลงมา เพื่อเป็นการระบายความโกรธแทนน้องชายของตน และเพื่อพิสูจน์อำนาจของตนเองที่เป็นหนึ่งในสามคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง  อาหู่เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องในครั้งนี้มาก เขารู้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงอารมณ์รุนแรง เซวียนเยวี๋ยนอวี่ที่เป็นน้องชายแท้ๆ ถูกอัด เซวียนเยวี๋ยนเถิงให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเองมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เย่เทียนเฉินตาย และอาหู่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ

อาหู่เองก็เป็นคนมีแผนการและความโหดเหี้ยม เมื่อเริ่มลงมือก็สั่งการอันธพาลสามร้อยกว่าคนลงไป แต่ละคนต่างก็ใช้มีดตัดฟืน คิดจะให้พวกเขาใช้มีดล้อมฆ่าเย่เทียนเฉินในซอยแคบ และดูเหมือนว่าลูกน้องที่ส่งออกไปต่างก็เป็นคนมากฝีมือ ดังนั้นจะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินได้อย่างแน่นอน

การต่อสู้น้องเลือดอันดุเดือดทำให้ทั้งซอยกลายเป็นนรกบนดิน เย่เทียนเฉินฆ่าคนด้วยความโกรธแค้นประหนึ่งเทพแห่งความตาย บนไหล่ซ้ายแบกผู้หญิงของตนเอาไว้ มีดยาวในมือขวาฟันออกไปราวกับหั่นผัก เก็บเกี่ยวชีวิตกลุ่มนักฆ่าที่เป็นลูกน้องของอาหู่

เย่เทียนเฉินใช้การฆ่าฟันเพื่อเปิดเส้นทางด้วยเลือด เขาอุ้มเสี้ยวหยาด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือด ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้พลังพิเศษ เขาสามารถฆ่ากองกำลังที่ใช้มีดยาวสามร้อยกว่าคมและบ่มเพาะกายเนื้อของตนออกมาได้ และเริ่มรู้สึกว่าพลังกายแทบจะเหือดแห้ง ในใจของเขารู้สึกเสียใจ หากไม่ใช่เพราะว่าตนเองต้องการที่จะฝึกฝนกายเนื้อจึงไม่ยอมใช้พลังพิเศษ มิฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังถือมีดยาวจำนวนสามร้อยกว่าคนนี้เลย ต่อให้นับพันคน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันย์ก็ยังไม่พอให้เหลือบมอง ในตอนที่เย่เทียนเฉินอุ้มเสี้ยวหยาเดินออกมานอกซอย ตำรวจหน่วยรบพิเศษติดอาวุธจำนวนร้อยกว่าคนต่างใช้ปืนเล็งมาที่พวกเขา

“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์ เธอเป็นไงบ้าง?” เย่เทียนเฉินไม่สนใจตำรวจหน่วยรบพิเศษที่เล็งอาวุธมาที่เขาเลย ยังคงอุ้มยากจนที่หมดสติไปแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์ พวกเราออกมาแล้ว พวกเราไม่เป็นไรแล้ว…ขอโทษ!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูดอย่างสะเทือนอารมณ์

ผู้คนที่มาล้อมดู รวมไปถึงตำรวจหน่วยรบพิเศษที่ผ่านสนามรบมานับร้อยเหล่านั้น ต่างก็พากันสูดหายใจเย็นยะเยือก ทั่วทั้งร่างของเย่เทียนเฉินต่างเต็มไปด้วยเลือด บนใบหน้าไม่รู้ว่าเป็นเลือดหรือว่าเหงื่อ บางทีอาจจะเป็นเลือดผสมกับเหงื่อและไหลหยดลงมา ดูแล้วทำให้รู้สึกหวาดผวาจริงๆ และไม่รู้ว่าบนร่างกายของเย่เทียนเฉินมีบาดแผลจากมีดมากน้อยแค่ไหน ในตอนที่เขาฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่งได้ลืมใช้พลังพิเศษของตน และไม่ได้ใช้โล่พลังพิเศษป้องกันอะไรเลย อาศัยเพียงกายเนื้อที่แข็งแกร่งในการฆ่าฟันเท่านั้น นี่เป็นส่วนที่ทำให้จิตวิญญาณของผู้อื่นต้องสั่นสะท้าน เขาในตอนนี้กู่ร้องเรียกชื่อของผู้หญิงในอ้อมกอดจากหัวใจ

“ทะ เทียนเฉิน…นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม…” เสี้ยวหยาลืมตาขึ้นมาด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง มองใบหน้าอันน่ากลัวของเย่เทียนเฉิน ดวงหน้างดงามของเธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

“ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร พวกเราออกมาแล้ว ฉันพาเธอออกมาแล้ว เธออดทนอีกหน่อยนะ ฉันจะรีบพาเธอไปโรงพยาบาล” เย่เทียนเฉินเห็นว่าเสี้ยวหยาได้สติขึ้นมา จึงกล่าวออกมาด้วยความวางใจ

“นาย…นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…” เสี้ยวหยาพูดจบก็หมดสติไปอีกครั้ง ได้เห็นเย่เทียนเฉินที่ปลอดภัยไร้สารอันตราย เสี้ยวหยาก็มีความสุขมากแล้ว เธอคิดว่าเย่เทียนเฉินดีต่อเธอเหลือเกิน เธอติดหนี้เขามากเหลือเกิน

“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์…”

เย่เทียนเฉินร้องเรียกชื่อของเสี้ยวหยา เขารู้ว่าเสี้ยวหยาอ่อนแอมาก ไม่รู้ว่ามีดตัดฟืนเล่นนั้นฟันโดนตรงไหน ทั่วทั้งร่างต่างเต็มไปด้วยเลือด เขาอุ้มเสี้ยวหยาขึ้นมาเตรียมจะจากไป แต่กลับถูกตำรวจหน่วยรบพิเศษขวางเอาไว้

“ขอเชิญคุณกลับไปกับพวกเราด้วยครับ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้คุณไปได้” ตำรวจหน่วยรบพิเศษคนหนึ่งเอ่ยปากออกมาอย่างจริงจัง

“ไสหัวไป ถ้าหากเพื่อนของฉันเป็นอะไรขึ้นมา พวกคุณคงรับผิดชอบไม่ไหว รวมถึงหลูเซิ่งต๋าด้วย” เย่เทียนเฉินกล่าวออกมาเสียงดัง

ตำรวจหน่วยรบพิเศษคนนั้นตกใจจนชะงักไป จากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นอีก “พะ พวกเราเรียกรถพยาบาลแล้ว คิดว่าอีกไม่นานก็จะมาถึง”

“ไสหัวไป!”

ตอนนี้เย่เทียนเฉินจิตใจสับสนเป็นอย่างมาก เขากลัวว่าเสี้ยวหยาจะเป็นอะไรไป กังวลว่าผู้หญิงที่งดงามคนนี้จะเกิดเรื่อง ในตอนนี้เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า บางทีตัวเขาเองคงจะหวั่นไหวกับผู้หญิงที่น่ารักบริสุทธิ์คนนี้เข้าจริงๆ แล้ว และไม่ใช่เพียงเพราะเสี้ยวหยามีเงาของผู้หญิงที่เขารักในช่วงยุคสิ้นโลกเท่านั้น

“คุณโปรดอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม มิฉะนั้นพวกเราจะต้องยิงปืนวิสามัญคุณ” ตำรวจหน่วยรบพิเศษคนนั้นยกปืนกลในมือขึ้นแล้วเอ่ยปาก

เย่เทียนเฉินไม่พูดอะไรอีก อุ้มเสี้ยวหยาเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ตำรวจหน่วยรบพิเศษที่โอบล้อมอยู่นั้นชะงักไป ตกใจจนถอยหลังไม่หยุด พวกเขาไม่กล้ายิงและก็ไม่กล้าปล่อยให้เย่เทียนเฉินจากไป เนื่องจากได้รับรายงานจากพลเมืองมาว่าที่นี่เกิดเหตุนองเลือดอันรุนแรงขึ้น มีคนตายอย่างน้อยนับร้อยคน คิดว่าเป็นการสู้กันระหว่างแก๊ง

เอี๊ยด! เสียงรถตํารวจคันหนึ่งเบรกอย่างกะทันหัน จอดอยู่ข้างพวกเย่เทียนเฉิน หลูเซิ่งต๋าซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยสาธารณะแห่งเมืองหลวงรีบลงมาจากรถตำรวจคันนั้น เมื่อเขาเห็นเย่เทียนเฉินที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดพลันต้องตกตะลึงและสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากไหลซึมออกมาในพริบตา เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์แจ้งความจากหลายคน หลูเซิ่งต๋าก็คิดไปว่าเป็นสองแก๊งไหนต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเขตแดน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเย่เทียนเฉินที่อยู่ที่นี่ เมื่อเห็นร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดและบาดแผลของเย่เทียนเฉิน หลูเซิ่งต๋าก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้ต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก

“คะ คุณชายเย่ คะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หลูเซิ่งต๋าเอ่ยถามด้วยเสียงอันสั่นเทา

“หึ ยังไม่ตาย หลูเซิ่งต๋า คุณมาเร็วจริงๆ เลยนะ” เย่เทียนเฉินมองหลูเซิ่งต๋าปราดหนึ่ง แค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“อา ผม ผมได้รับแจ้งก็รีบส่งคนมาเลยครับ” หลูเซิ่งต๋าตกใจจนรีบเอ่ยปากพูดด้วยความร้อนรน

เย่เทียนเฉินเป็นใครกัน มีเบื้องหลังอย่างไร หลูเซิ่งต๋ารู้ดี บางทีตระกูลเย่อาจจะตกต่ำไปตั้งนานแล้ว ต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็เป็นคนเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ว่า หลังจากที่เย่เทียนเฉินกลับเมืองหลวงมาแล้ว หากดูจากทุกเรื่องที่กระทำแล้ว การจะบีบหลูเซิ่งต๋าให้ตายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก อย่างน้อยเขาหลูเซิ่งต๋าก็ไม่กล้าล่วงเกิน

“ตอนนี้ผมไปได้แล้วหรือยัง?” เย่เทียนเฉินไม่อยากพูดอะไรมาก ช่วยเสี้ยวหยาสำคัญกว่า ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ที่ตนลงมือกับลูกน้องของอาหู่จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ความรวดเร็วในการที่พวกหลูเซิ่งต๋าส่งตำรวจมาก็ไม่นับว่าช้า

“อา แน่นอน แน่นอนครับ ถ้างั้นผมจะให้คนไปส่งคุณ” หลูเซิ่งต๋ารีบพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องแล้ว ยืมรถตำรวจของคุณมาใช้หน่อยก็พอ” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

หลูเซิ่งต๋าพยักหน้า ตะโกนใส่ข้าราชการตำรวจตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ “แม่งเอ๊ย ยังมัวอึ้งอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบขับรถมาอีก!”

เย่เทียนเฉินพาเสี้ยวหยาไปวางไว้ที่ตำแหน่งข้างคนขับอย่างระมัดระวัง ส่วนตัวเองก็เข้าไปนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ ในตอนที่กำลังจะขับรถออกไปนั้น เย่เทียนเฉินก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงกวักมือเรียกหลูเซิ่งต๋า อีกฝ่ายจึงรีบวิ่งเข้ามา

“คุณชายเย่ มีอะไรจะสั่งหรือครับ?” หลูเซิ่งต๋าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“คุณพาคนไปจัดการอาหู่ซะ ส่วนเซวียนเยวี๋ยนเถิงผมจะทำให้มันได้รู้ซึ้งเอง” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

ในขณะที่หลูเซิ่งต๋าอึ้งอยู่นั้น เย่เทียนเฉินก็ขับรถจากไปด้วยความเร็ว หลูเซิ่งต๋าเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก โชคดีที่คุณชายท่านนี้ไม่ได้โกรธจริงๆ ไม่งั้นตนเองคงไม่จบแค่สูญเสียตำแหน่ง แต่เป็นไปได้มากว่าจะสิ้นชีพไปด้วย

“ผู้อำนวยการหลู จะปล่อยเขาไปแบบนี้เหรอครับ?” ตำรวจนายหนึ่งถามด้วยความหวาดกลัว

“อะไรที่ไม่ควรพูดก็อย่าไปพูดให้มันมากความ ไสหัวไปจัดการซะ” หลูเซิ่งต๋าหันไปถลึงตามองอย่างดุดัน แล้วเอ่ยปากพูดกับตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไม่รู้ความคนนั้น

“ผู้อำนวยการหลู นี่…ครั้งนี้อย่างน้อยก็มีคนบาดเจ็บล้มตายไปร้อยกว่าคน ไอ้หนูนั่น…” นายตำรวจชั้นผู้น้อยคนนั้นถามอย่างตกใจ มีเหงื่อไหลออกมาเต็มหัว

“อะไรนะ?”

หลูเซิ่งต๋าตกตะลึง มองเงาของเย่เทียนเฉินที่ขับรถจากไปไกลแล้วด้วยความอึ้ง จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ อาหู่ที่เป็นลูกน้องของเซวียนเยวี๋ยนเถิงใช้คนถึงสามร้อยกว่าคน ทุกคนต่างก็ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือ แต่เย่เทียนเฉินก็ยังสามารถฆ่าเพื่อเปิดทางออกมาได้ นี่เป็นฝีมือที่จะทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงระดับไหนกัน ทำให้เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการ

“แจ้งทุกคนไปว่า ให้เก็บเรื่องในคืนนี้เอาไว้ให้เงียบ หากมีใครทำข่าวหลุดออกไป จะมีความผิดฐานละเมิดวินัย” หลูเซิ่งต๋าได้สติกลับมาก็รีบเอ่ยปากพูดอย่างเคร่งขรึม

“ครับ!”

ในตอนนี้เอง ตำรวจหน่วยรบพิเศษและตำรวจกองคดีอาญาจำนวนหนึ่งเดินเข้าไปในซอยแคบแห่งนั้น ในตอนที่ทุกคนเห็นภาพภายในซอย ต่างก็ตกใจจนตาค้าง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยทำคดีมามาก เห็นฉากนองเลือดจนชินตา แต่ก็ยังตกตะลึง ทุกที่เต็มไปด้วยเศษซากอวัยวะ จะบอกว่าเลือดนองดุจทะเลสาบก็ไม่มากเกินไป ไม่มีแม้แต่ศพเดียวที่สมบูรณ์ อีกทั้งยังมีศีรษะคนกลิ้งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นแล้วทำให้รู้สึกหวาดผวาอยู่ในใจ

“อ๊อก…” ตำรวจหนุ่มหลายคนรับไม่ได้ ยันกำแพงแล้วอ้วกออกมา

“ยะ ยังมัวอึ้งอะไรกันอยู่ ทะ โทร 120…” ตำรวจอาวุโสคนหนึ่งได้สติกลับมา ตะโกนออกไปเสียงดัง

ในตอนนี้ ภายในคฤหาสน์อันเงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองหลวง อาหู่สูบซิการ์อยู่อย่างสบายอุรา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขาทั้งสองของอาหู่ โลมเลียกระบองท่อนใหญ่ของเขาไม่หยุด ถูกเขากดลึกเข้าไปในลำคอเป็นระยะ

“หึ เย่เทียนเฉิน ฉันจะดูซิว่า ครั้งนี้ไอ้ลูกเต่าอย่างแกยังจะรอดอีกไหม” อาหู่เอ่ยปากอย่างดุดัน

ในความคิดของอาหู่ ครั้งนี้เย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน ต่อให้เขาจะร้ายกาจมากขนาดไหน ก็ไม่ใช่คู่มือของกองทัพที่ใช้มีดยาวทั้งสามร้อยคน เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกฟันจนแหลกเหลว

เกิดเสียงดังปัง ประตูถูกเปิดออก ลูกน้องคนหนึ่งของอาหู่วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา อาหู่ตบลูกน้องคนนั้นจนคว่ำลงกับพื้นแล้วด่าว่า “รีบร้อนอะไรของแก? พูดมา”

“พะ พะ พี่ใหญ่ พวกเฮยหวาแพ้แล้ว ถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายไปร้อยกว่าคน ตอนนี้พวกเราถูกตำรวจล้อมเอาไว้แล้วครับ” ลูกน้องคนนั้นกล่าวขึ้น กลัวจนฉี่ราดกางเกง

“อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง เย่เทียนเฉินมัน…” อาหู่ยืนขึ้นทันที จากนั้นจึงหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ตกตะลึงจนแข็งเป็นหิน ความสูญเสียครั้งนี้สำหรับเขาแล้วนีบว่ามากเกินไปจริงๆ

ไม่นาน หลูเซิ่งต๋าก็พาตำรวจหน่วยรบพิเศษหลายสิบนายมาด้วยตัวเอง ล้อมคฤหาสน์ของอาหู่เอาไว้ ในตอนที่หลูเซิ่งต๋ายืนอยู่เบื้องหน้าอาหู่ อาหู่ถึงจะได้สติขึ้นมา

“หลูเซิ่งต๋า แกคิดจะทำอะไร?”

“ทำอะไร? ฉันจะบอกให้แกรู้เอาไว้ตอนนี้เลย อาหู่ แกทำผิดกฎหมาย สร้างความอันตรายให้กับสังคม ฉันขอจับแกอย่างเป็นทางการ” หลูเซิ่งต๋าพูดเสียงเย็น

“แกกล้าเหรอ หลูเซิ่งต๋า แกก็รู้ว่าฉันเป็นใคร เบื้องหลังของฉันคือคุณชายเซวียนเยวี๋ยนเถิง แกล่วงเกินไม่ได้!” อาหู่มองไปยังหลูเซิ่งต๋าด้วยสองตาที่เต็มไปด้วยความโมโหแล้วพูดขึ้น

“หึ เซวียนเยวี๋ยนเถิงฉันล่วงเกินไม่ได้จริงๆ แต่เย่เทียนเฉินล่วงเกินเขาได้ ฉันก็เป็นแค่คนที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น การต่อสู้ระหว่างเซวียนเยวี๋ยนเถิงและเย่เทียนเฉิน ใครจะแพ้ใครจะชนะ สำหรับฉันแล้วไม่มีผลอะไรมากมาย…” หลูเซิ่งต๋าแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

…………………………..