หนานกงเยี่ยเก็บทะเบียนสมรสกลับเข้าไปด้วยความระมัดระวัง “หลานซี ถึงแม้คุณจะเป็นคุณหนูของตระกูลหนานกง แต่สุดท้ายคุณก็ต้องแต่งงานออกจากตระกูลอยู่วันยังค่ำ อนาคตข้างหน้าคุณจะกลายเป็นคนของครอบครัวอื่น ดังนั้น ก่อนที่คุณจะแต่งงานออกจากตระกูล คุณอยู่ที่คฤหาสน์ได้ แต่คุณต้องทำตัวดีๆ ให้ความเคารพคุณผู้หญิง”
สุดท้ายหนานกงเยี่ยคลี่ยิ้ม “ผมพูดจบแล้ว คุณไสหัวไปได้แล้ว!”
ถูกต้อง เขาใช้คำว่า “ไสหัว” เมื่อกี้อวี้หลานซีพูดแดกดันตาของเหลิ่งรั่วปิง เขาโกรธมาก ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อวี้หลานซี เขาคงหักคอเธอทิ้งไปแล้ว
เมื่อหนานกงเยี่ยพูดคำนี้ออกมา ทุกคนตกใจมาก เมื่อก่อนหนานกงเยี่ยปกป้องอวี้หลานซีทุกอย่าง แม้แต่พูดกับเธอยังพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่วันนี้เขากลับบอกให้เธอไสหัวไป แน่นอน เราบอกว่าเขาผิดไม่ได้ เพราะอวี้หลานซีในวันนี้ไม่ใช่อวี้หลานซีคนเดิมแล้ว อวี้หลานซีคนเดิม เป็นกุลสตรีและมีมารยาท เป็นผู้หญิงใจดีอ่อนหวาน ทว่าอวี้หลานซีในวันนี้….ไม่อาจบรรยายได้! ถึงอย่างไร เธอก็ทำลายความอดทนของหนานกงเยี่ยไปจนหมดแล้ว
บนตาชั่งของความรู้สึก หนานกงเยี่ยอยู่ข้างเหลิ่งรั่วปิง
เวินอี๋โล่งอก ถอนหายใจอย่างห้ามใจไม่ได้ พี่รั่วปิงของเธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ แต่ภายในใจของมู่เฉิงซีกลับเจ็บปวดมาก เพราะเขาทำได้แบบหนานกงเยี่ยไม่ได้ ระหว่างความรักและครอบครัว เขายังคงติดอยู่ตรงกลาง
เหลิ่งรั่วปิงนั่งเงียบ สีหน้าของเธอนิ่งเฉย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เธอไม่ต้องทำอะไร ก็เป็นฝ่ายชนะ นี่คือเสน่ห์ของเธอ ไม่ชิงดีชิงเด่น แต่กลับคว้าหัวใจหนานกงเยี่ยเอาไว้ได้ ทว่าอวี้หลานซียอมเสียศักดิ์ศรีและใช้เล่ห์เพทุบายทุกอย่าง ก็ไม่อาจได้ความรักจากหนานกงเยี่ยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเธอกลับทำลายความรู้สึกตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาจนหมด
อวี้หลานซีไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยิน เธออยากที่จะให้ตนเองตาบอด และหูหนวก
ภาพที่เห็นคือทะเบียนสมรสสีแดง เขาแต่งงานแล้ว โดยไม่สนใจคำสั่งของผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย แต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงทั้งๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่เห็นอวี้หลานซีคนนี้อยู่ในสายตา หนานกงเยี่ยคนเดิมไม่มีวันทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้มาก่อน
สิ่งที่ได้ยินคือคำพูดเย็นชาไร้เยื่อใยของเขา เขาบอกว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง และเธอไม่ว่ายังไงสุดท้ายก็ต้องเป็นคนของครอบครัวอื่น ทั้งยังขับไล่เธอ! หนานกงเยี่ยคนเดิมไม่มีวันทำให้เธออับอายแบบนี้
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิง!
ความเกลียดชัง คล้ายกับหมอกควันสีดำที่ออกมาจากปล่องไฟ ลอยล่องขึ้นไปบนท้องฟ้า
มือของอวี้หลานซีที่วางอยู่บนโต๊ะ กำหมัดแน่น เล็บยาวแทงเข้าไปในเนื้อ เธอเกลียดเหลิ่งรั่วปิง ตลอดยี่สิบหกปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอเกลียดคนคนหนึ่งมากขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงแย่งเอาความสุขของเธอไป เธอจะให้เหลิ่งรั่วปิงชดใช้!
ถึงแม้ความแค้นกำลังก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่ในหัวใจของเธอ แต่อวี้หลานซีกลับร้องไห้อย่างน่าสงสาร เสียงของเธอน้อยเนื้อต่ำใจมาก “เยี่ย คุณต้องทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอคะ”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยนิ่งเฉย เอาก้างปลาออกให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความตั้งใจ จากนั้นใช้ส้อมจิ้มลงไป ยื่นไปที่มือของเธอ “หลานซี ในฐานะพี่ชาย ผมดูแลคุณมานานยี่สิบสี่ปีแล้ว มันมากพอแล้ว เมื่อไหร่ที่คุณแต่งงาน ผมจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับคุณ มอบหน้าที่นี้ให้กับเขาคนนั้น คุณทำตัวดีๆ เถอะ”
หนานกงเยี่ยเอาแต่พูดว่าหลังจากที่เธอแต่งงานแล้วจะทำอะไรบ้าง อวี้หลานซีแทบบ้า คนที่เธออยากจะแต่งงานด้วยมีแค่เขาเท่านั้น “เยี่ย ทำไมคุณถึงไร้เยื่อใยกับฉันแบบนี้คะ!”
อวี้หลานซีพูดเสียงสะอื้น เธอดูน่าสงสารมาก แต่หนานกงเยี่ยยังคงทำหน้านิ่ง เอาแต่ตักอาหารให้เหลิ่งรั่วปิง ดูแลด้านการกินของเธอ น้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น “ไม่ใช่ว่าผมให้คุณไม่มากพอ แต่สิ่งที่คุณต้องการมันมากเกินไป”
อวี้หลานซียืนขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง ชี้หน้าเหลิ่งรั่วปิง “ตอนนี้เธอเป็นแค่คนตาบอด ไม่มีสิทธิ์เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง!”
เหลิ่งรั่วปิงไม่มีปฏิกิริยายาใดๆ เธอยังกินอาหารเงียบๆ ทว่าหนานกงเยี่ยกลับหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ ตามด้วยเขวี้ยงตะเกียบทิ้ง ใบหน้าหล่อเหลากระตุกริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาสีนิลเผยเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจน เขาเหมือนเสือชีตาห์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เพียงแค่คิดเล็กน้อย ก็พร้อมกระโจนเข้ากัดคอเหยื่อในวินาทีต่อมา
ทุกคนรู้ดี คำพูดนี้ของอวี้หลานซีกระตุกหนวดเสือของหนานกงเยี่ย เขาโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ดูแลเหลิ่งรั่วปิงได้ไม่ดีตอนที่เกิดแผ่นดินไหว จึงทำให้เหลิ่งรั่วปิงสูญเสียการมองเห็น หนานกงเยี่ยพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาเธอให้หาย ไม่อยากได้ยินคำว่า “ตาบอด” เด็ดขาด ทว่าอวี้หลานซีกลับพูดไม่คิด เป็นการเอามีดแทงเข้าไปที่หัวใจของเขาชัดๆ
ตอนที่เขาไม่โมโห คือราชาที่สง่างาม ทว่าตอนที่เขาโมโห เขาคือยมบาลจากนรก
หนานกงเยี่ยลุกขึ้น มองอวี้หลานซีด้วยแววตาเย็นยะเยือก พลังที่น่ากลัวพัดผ่านเธอราวกับลมหนาว ทำให้อวี้หลานซีสั่นเทาและหวาดกลัว เธอก้าวถอยหลัง ม่านตาหดเล็กเพราะความกลัว เสียงสั่นเทา “เยี่ย คุณฆ่าฉันไม่ได้”
มือทั้งสองข้างของหนานกงเยี่ยที่วางระนาบตัว กำหมัดแน่น เสียงข้อกระดูกเสียดสี ราวกับเสียงฟ้าผ่า เขาไม่เคยคิดจะฆ่าเธอมาก่อน อีกทั้งยังพยายามทำหน้าที่ของตระกูลหนานกงให้ดีที่สุด คอยปกป้องเธอ ดูแลเธอ แต่เธอกลับเอาแต่ทำร้ายคนที่เขารักมากที่สุด ความอดทนของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ฆ่าเธอทิ้ง ช่วยระบายความโมโหของเขาได้
ถึงแม้เรื่องของหนานกงเยี่ยไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งมาก่อน แต่ตอนนี้เขาจะฆ่าอวี้หลานซี ทุกคนไม่ยุ่งไม่ได้ ถึงอย่างไรแม้อวี้หลานซีจะทำผิดแค่ไหน แต่เธอก็เติบโตมาพร้อมกับพวกเขา ทั้งยังมีหัวหน้าตระกูลหนานกงคอยปกป้องเอาไว้ ฆ่าเรื่อยเปื่อยไม่ได้
ก่วนอวี้เป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูก เพื่อปกป้องอวี้หลานซี เขายอมทิ้งได้แม้กระทั่งชีวิต แต่เขาห้ามหนานกงเยี่ยไม่ได้
มู่เฉิงซีรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตบบ่าหนานกงเยี่ยเบาๆ “หนานกง ใจเย็น!”
ถังเฮ่าเองก็รีบลุกขึ้น ยืนตรงหน้าอวี้หลานซี “หนานกง ผู้หญิงเวลาหึงพูดอะไรไม่ค่อยคิด ไม่ถึงขั้นต้องฆ่าทิ้งหรอก”
อวี้ไป่หันเองก็รีบลุกขึ้น มองดูอวี้หลานซีที่ตกใจจนตัวสั่นเทาไปหมด แล้วหันไปมองหนานกงเยี่ย “หนานกง ไม่ว่ายังไง หลานซีก็ยังเป็นคุณหนูของตระกูลหนานกง ถือเป็นน้องสาวของแก อะไรนิดอะไรหน่อยอย่าคิดฆ่าแกงกันเลย” เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยไม่มีท่าทีจะใจอ่อน จึงหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความร้อนใจ “รั่วปิง คุณพูดอะไรหน่อยสิ”
ถึงแม้เธอจะเกลียดอวี้หลานซีมาก แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่คิดจะเอาชีวิตอวี้หลานซีมาก่อน เพราะเธอกับอวี้หลานซีใช้ชีวิตคนละระดับ ชีวิตของอวี้หลานซีบ้าคลั่งเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาของเหลิ่งรั่วปิง ถ้าฆ่าผู้หญิงอ่อนแอที่รู้จักแต่การแย่งผู้ชาย เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าเป็นการดูถูกสิ่งที่เธอร่ำเรียนมา
ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงวางส้อมในมือลง ยิ้มบางเบา เสียงของเธอไพเราะน่าฟัง “คุณหนานกงเยี่ย วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา ฉันไม่อยากเห็นเลือด คุณเองก็พูดแล้ว ตอนนี้ฉันคือคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง เรื่องของผู้หญิงคนนั้นให้ฉันจัดการเองเถอะค่ะ”
คำพูดของเหลิ่งรั่วปิงเหมือนธารน้ำใส รินไหลเข้าไปในใจของหนานกงเยี่ยพร้อมกับดับความโมโหของเขา หนานกงเยี่ยใจเย็นลง คลายมือที่กำหมัดแน่น หันไปนั่งข้างเหลิ่งรั่วปิง
เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยใจเย็นลง ทุกคนพากันโล่งอก แยกย้ายกันกลับไปนั่งที่ตนเอง มีเพียงอวี้หลานซีเท่านั้นที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ผู้ชายที่ปกป้องเธอมานานยี่สิบกว่าปี วันนี้กลับคิดจะฆ่าเธอได้ เป็นเพราะเขาไม่มีหัวใจ หรือเป็นเพราะเธอทำเกินไปแล้วจริงๆ
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงนิ่งสงบ มีรอยยิ้มบางเบาราวกับดอกเบญจมาศ “คุณอวี้หลานซี ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะมองไม่เห็น แต่ฉันก็เอาชีวิตคุณได้ทุกวินาที ถ้าฉันคิดอยากจะเอาชีวิตคุณ แม้แต่สวรรค์ก็ช่วยคุณไม่ได้ มีดในมือฉันเชือดคอคุณได้ภายในหนึ่งวินาที!”
ใช่แล้ว ถึงแม้เธอจะมองไม่เห็น แต่เธอยังคงได้ยิน อาศัยการฟังเธอก็รับรู้ได้ว่าศัตรูอยู่ตำแหน่งไหน และฆ่าทิ้งได้ทันที นี่เป็นความสามารถของเธอจากการฝึกฝนอย่างหนัก กับแค่อวี้หลานซี ไม่มีวันหลบมีดบินในมือเธอได้แน่นอน
เหลิ่งรั่วปิงยกยิ้มมุมปาก “รู้ไหมทำไมฉันถึงไม่ฆ่าคุณ เพราะคุณไม่มีค่ามากพอ! มีดบินในมือฉันจะฆ่าเฉพาะคนที่มีปัญญาทำร้ายฉันได้ คนอย่างคุณไม่อยู่ในสายตาของฉัน แต่ว่า ถ้าคุณยังพูดจาหยาบคายอีก ฉันไม่ถือสาที่จะแหกกฎของตนเองสักครั้ง” เสียงของเธอที่เปล่งออกมาอัดแน่นด้วยความอดทน “เรื่องหนึ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ต่อให้หนานกงเยี่ยเป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณ หลังจากแต่งงานแล้วภรรยามีอำนาจที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นคุณเป็นแค่น้องสาวบุญธรรมของเขาเท่านั้น ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่เพ้อฝันถึงผู้ชายตลอดเวลา หลังจากนี้ที่ไหนที่มีฉันอยู่ คุณต้องถอยออกไปให้ไกล
คำพูดของเหลิ่งรั่วปิง ทั้งทะนง แข็งแกร่งและยี่หระ แต่ละคำที่เธอพูดออกมา ราวกับค้อนทุบไปที่หูของทุกคน ทำให้ทุกคนนึกถึงงานเลี้ยงลองใจ วันนั้นเธอเท่และสง่ามาก
ทุกคนอึ้งกับความแข็งแกร่งและทระนงของเธอ ทว่าหนานกงเยี่ยกลับมีความสุขมาก เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร เธอไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่เพ้อฝันถึงผู้ชายของเธอ หึ ในที่สุดเธอก็กลัวว่าเขาจะถูกผู้หญิงคนอื่นสนใจ ใบทะเบียนสมรสมีประโยชน์เหนือความคาดหมายจริงๆ
แววตาของหนานกงเยี่ยฉายรอยยิ้มขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เข้ากับสถานการณ์ตึงเครียดในตอนนี้มาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลบตาลงด้วยความประหม่า เพื่อซ่อนความรู้สึกของตนเอง
เหลิ่งรั่วปิงมองไม่เห็น อีกทั้งหนานกงเยี่ยยังเก็บความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา เหลิ่งรั่วปิงยังพูดด้วยความทะนง “ก่วนอวี้ พาคุณอวี้กลับไป อย่ามาขวางหูขวางตาฉันอีก”
“ครับ” ราวกับก่วนอวี้ได้รับการยกโทษ เขาโค้งคำนับ เดินไปด้านหน้า ช้อนตัวอวี้หลานซีที่ตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วรีบออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถอย่างรวดเร็ว
เมื่ออวี้หลานซีออกไป ทุกคนจึงโล่งอก ใจหายวูบกันหมด ถ้าหากเมื่อกี้อวี้หลานซีตายที่นี่จริงๆ หัวหน้าตระกูลหนานกงที่อยู่อย่างสันโดษมานานต้องโมโหแน่นอน และต้องกลับมาที่คฤหาสน์หนานกง เมื่อถึงเวลานั้น เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับตระกูลหนานกงอย่างแน่นอน
ถึงแม้อวี้หลานซีจะไม่เป็นอะไร แต่หนานกงเยี่ยแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงโดยไม่บอกใคร ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูหัวหน้าตระกูลหนานกงเมื่อไร เกรงว่าหนานกงเยี่ยต้องเจอกับศึกหนักแน่
ทุกคนพากันเป็นห่วงหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง