ตอนที่ 169.1 ความจริงเปิดเผย (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ก่อนหน้านี้ยุคปัจจุบันในเมืองใหญ่จะเจริญรุ่งเรือง แม้ว่าทุกอย่างจะเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ตัวเลขดัชนีมลพิษในเมือง ทำให้คนน่าละอายใจเสียจริง จะเหมือนกับตอนนี้ได้เช่นไร ตอนกลางคืนยังสามารถมองเห็นราตรีที่งดงามเช่นนี้ได้

เห็นเพียงบนนภาดำสนิทไร้ขอบเขตนั้น ท้องฟ้ามืดมิดราวกับถูกสาดด้วยหมึกสีดำ

ภายในมีหมู่ดาวมากมายนับไม่ถ้วนเปล่งประกายระยิบระยับ ดุจเพชรที่ถูกสาดออกมา สะดุดตายิ่งนัก!

พระจันทร์สีขาวลอยเด่นอยู่ด้านบน ห้อมล้อมด้วยหมู่ดาว พระจันทร์ขาวใสดุจแพรบางคล้ายควันนั้นสาดส่องลงมาบนพื้นดิน ทำให้ราตรีที่มืดมิด ดูมีมิติและน่าหลงใหลมากขึ้น

เวลานี้เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังอยู่ภายในศาลาพักร้อนหยกขาว กำลังลิ้มรสสุราชั้นดีในมือ พลางชื่นชมราตรีที่สวยงามนี้

ภายในวังอ๋อง มีสุราเลิศรสมากมาย ก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาไม่ชื่นชอบ

แต่พักนี้ มีเรื่องยุ่งยากใจมากมาย ดังนั้น ขณะที่เธอมีเรื่องยุ่งยากใจ จะดื่มสุราเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

เธอรู้ดีว่าดื่มสุราเพียงคลายทุกข์ได้ชั่วคราว แต่กลับยังหวังเช่นเดิมว่า หากดื่มสุราจะสามารถทำให้ลืมเลือนเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นได้

ดังเช่นในเวลานี้

เมื่อสุราสีเหลืองทองไหลเข้าสู่ท้องเป็นแก้วที่สาม เล่อเหยาเหยาสำลักจนแก้มแดงก่ำ แต่เธอก็ยังรินสุราให้ตนเอง

ไม่ต้องพูดจริงๆ สุราของวังอ๋องนี้ เผ็ดร้อนเสียจริง! ขณะที่ดื่มเข้าไป ภายในลำคอคล้ายถูดแผดเผา จนกระทั่งเมื่อถึงท้อง ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา

ทว่าแม้สุราจะเผ็ดร้อน แต่เล่อเหยาเหยายังอยากดื่ม

เพราะเพียงเธอให้ความสนใจอยู่ที่สุรานี้ เธอจะไม่คิดถึงเรื่องยุ่งยากอื่นๆ อีก แม้เธอจะน้ำตาไหลเพราะสุราแสบร้อนนี้

ต่อมา ยังเป็นบางคนที่ทนเห็นเธอทรมานตนเองเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ เล่อเหยาเหยาสำลักจนใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเปียกชื้น ชายหนุ่มอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ ก่อนยื่นมือใหญ่ออกไปยับยั้งมือที่กำลังถือสุราของเล่อเหยาเหยา

“ดื่มไม่ได้ก็ไม่ควรฝืน ดื่มสุราไม่ดีต่อร่างกาย”

“ฮ่า ๆ อวี๋ ข้าไม่เป็นไร วันนี้ข้ามีความสุขที่ได้ดื่มสุรา ท่านให้ข้าดื่มเถิด อึก…”

หลังเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาอดเรอสุราออกมาไม่ได้

ดวงที่เปียกชื้น ค่อยๆ แฝงด้วยความมึนเมาหลายส่วน

เล่อเหยาเหยาเพียงรู้สึกว่าทั่วร่างร้อนรุ่ม ร้อนอย่างหนัก จนสมองก็มึนงง คิดสิ่งใดไม่ออก

สิ่งของตรงหน้า ค่อยๆ เริ่มโอนเอน

ดูแล้วเธอน่าจะเริ่มมึนเมา

ความรู้สึกเมามายนี้ดีจริงๆ สมองว่างเปล่า ตนอยากทำสิ่งใดทำสิ่งนั้น อารมณ์ดีตามไปด้วย

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ มุมปากก็ค่อยๆ ยกยิ้มออกมาอย่างน่าหลงใหล ก่อนมองชายหนุ่มข้างกายอย่างเงียบๆ

แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่า เธอเวลานี้น่าหลงใหลมากเพียงใด

เห็นเพียงท่ามกลางแสงจันทร์ขาวกระจ่างและโคมไฟพร่ามัว รอยยิ้มกว้างของเล่อเหยาเหยา แววตาแฝงความมึนเมาหลายส่วน ทำให้เธอยิ่งดูงดงามมากขึ้น

ปากเล็กแดงสดที่ยกขึ้นนั้น เผยฟันขาวเรียงสวยของเธอออกมา รอยยิ้มสดใส ชวนหลงใหลกลางแสงโคมไฟ แฝงความออดอ้อนหลายส่วน

มิน่าจึงมีคนอื่นเอ่ยว่า เมื่อได้มองสาวงาม ยิ่งมองก็ยิ่งงดงาม

คนตัวเล็กตรงหน้า เดิมทีมีรูปโฉมที่โดดเด่น เวลานี้เพิ่มความเมามายขึ้นหลายส่วน ดูแล้วหยาดเยิ้มเหนือผู้คน และทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองจนตาค้าง

ใจก็พลันเต้นระรัว

“เด็กน้อย เจ้าคือคนที่เกิดมาล่อลวงเปิ่นหวางหรือ”

เห็นชัดว่าคนตัวเล็กใสสะอาดบริสุทธิ์ เธอมีดวงตาคู่ที่กระจ่างใสที่สุดบนโลกนี้ และคมชัด ไร้เดียงสา ราวกับบ่อน้ำที่สะอาดที่สุด สามารถชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดบนโลกนี้

แต่คิดไม่ถึงเมื่อเธอเมามาย กลับแปลงกายเป็นปีศาจ

ใบหน้าเล็กที่ประณีตงดงามนั้น ดุจหยกงามที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่างละเอียดอ่อน ผิวพรรณขาวเนียน มันวาวนุ่มลื่น

คิ้วเรียวดุจพระจันทร์ ริมฝีปากบางดุจกลีบบุปผา

สิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่สุดคือ ดวงตาคู่ที่เปี่ยมไปด้วยความเมามายและไร้เดียงสานั้น

มองซ้ายมองขวา ก็กระตุ้นเย้ายวนใจ

เมื่อคนตัวเล็กตรงหน้ามีท่าทางหลายแบบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงรู้สึกว่าหัวใจคล้ายมีมือเล็กจับกุมอยู่จนคัน

เมื่อทนไม่ไหว เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยื่นแขนดึงตัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างมานั่งลงในอ้อมกอดของตน

สำหรับท่าทางเช่นนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาไม่ขัดขืนเลยสักนิด

กลับกัน เมื่อพลันถูกดึงเช่นนี้ ขณะท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับนั้น เล่อเหยาเหยาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ฮ่า ๆ สนุกยิ่งนัก สนุก ข้าอยากจะเล่นอีก!”

เห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยาเมามายแล้ว

สำหรับเล่อเหยาเหยาที่หัวเราะอยู่ในอ้อมกอดราวเด็กน้อย ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงยิ้มอย่างจนใจและรักใคร่

“เจ้านี่น่ะ”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มมุมปาก แววตามองคนในอ้อมกอดแฝงด้วยรอยยิ้ม เมื่อมองใบหน้าเล็กยิ้มแย้มดุจบุปผาของเธอ อดยื่นนิ้วออกไปเขี่ยจมูกเล็กน่ารักของเธอไม่ได้

เมื่อรู้สึกถึงผิวเนียนนุ่มใต้ปลายนิ้ว ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใจร้อนรุ่ม

มือที่โอบกอดคนตัวเล็กนั้นรัดแน่นขึ้นหนึ่งส่วน

เธอบอบบางยิ่งนัก!

เพียงเขายื่นแขนออกไป ก็สามารถกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา

ทว่ากลับเป็นเธอเล็กบอบบางเช่นนี้ จึงคล้ายสวรรค์สร้างร่างนี้มาเพื่อเขา เมื่อกอดจะนุ่มนิ่ม อบอุ่น หอมหวน ดุจกำลังกอดแมวน้อยขี้เกียจแสนน่ารักตัวหนึ่ง

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดอบอุ่นในใจไม่ได้ สีหน้ายิ่งดูอ่อนโยนมากขึ้น

เมื่อเห็นชายหนุ่มหล่อเหล่าเหนือผู้ใดตรงหน้านี้ เขาเวลานี้สลายความเย็นชาก่อนหน้านี้ออกไป สายตาที่มองเธอจึงอ่อนโยน รักใคร่เช่นนี้ จนเธอแทบอ่อนระทวยอยู่ภายใน มิอาจถอนตัวได้

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาไม่รู้เพราะดื่มสุรามากเกินไป หรือเพราะดวงตาชายหนุ่มมีเสน่ห์เกินไป เธอจึงสับสนมึนงงโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในใจกลับมีความคิดร้อนแรงขึ้นมา หวังว่าตอนนี้จะสามารถอยู่กับเขาไปชั่วนิรันดร์

ไม่มีโศกเศร้า ไม่มีลาจาก

บนโลกนี้ มีเพียงเราสองคน โอบกอดกันแน่น ไม่แยกจาก…

แต่เล่อเหยาเหยาก็รู้ว่า นี่เป็นเพียงความเพ้อฝันของเธอ

ด้วยร่างกายที่ไม่บริสุทธิ์ของเธอในตอนนี้ ในท้องยังมีบุตรของชายอื่น

เธอจะเหมาะสมกับชายหนุ่มดุจเทพเซียนตรงหน้าได้เช่นไร

ชายผู้นี้ มีอำนาจบารมี อยู่ใต้คนผู้เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น หล่อเหลาเหนือผู้ใด วรยุทธ์สูงส่ง เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เป็นอันดับหนึ่งในแคว้นนี้

เขาเป็นเช่นนี้ จึงมีเพียงหญิงสาวรูปโฉมงดงามเก่งกาจจึงจะเหมาะสมกับเขา

อย่างน้อยที่สุด ผู้หญิงคนนั้น ร่างกายบริสุทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างเป็นของเขาเพียงผู้เดียว

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งเสียใจ

เพียงนึกถึง ต่อไปจะมีหญิงสาวอื่นอยู่เคียงข้างเขา ถูกเขารักใคร่ทะนุถนอมเช่นตน ใจของเล่อเหยาเหยาเจ็บปวดไม่หยุด

ในใจคล้ายมีคนหยิบมีดไร้คม เฉือนหัวใจเธออย่างรุนแรง ทำใหเธอเจ็บปวดจนอยากร้องไห้

ในใจรู้สึกไม่สบายใจ เล่อเหยาเหยาแสบจมูก ก่อนน้ำตาที่เอ่อคลอบริเวณเบ้าตา จะไหลรินลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

น้ำตาใสกระจ่างนั้น ใต้แสงเรืองรองของพระจันทร์ ราวกับลูกปัดคริสตัลร่วงหล่นจากสร้อย ก่อนตกลงบนใบหน้างามโดดเด่นนั้น ทำให้เธอดูสะดุดตาเช่นนี้

เมื่อเห็นน้ำตาของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วแน่น แววตาปรากฎความวิตกกังวลขึ้นมาหลายส่วน ก่อนรีบเอ่ยถามขึ้น

“เหตุใดจึงร้องไห้ ไม่สบายที่ใดหรือ เปิ่นหวางจะส่งคนไปเชิญไป๋มาที่นี่”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยจบ ก็หมุนกายหมายเรียกคน ทว่ากลับถูกเล่อเหยาเหยาหยุดยั้งไว้เสียก่อน

“ไม่ อวี๋ ข้าไม่เป็นไร”

“หากไม่เป็นไร เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เห็นชัดว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่วางใจ

เพราะคนผู้นี้ ในใจเขาสำคัญอย่างมาก

เกรงว่าหากเธอเพียงหนาวสั่น เขาคงปวดใจอย่างหนัก

เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขาห่วงใยตน อดอบอุ่นในใจไม่ได้

ความจริงเมื่อครู่ เธอฝืนกลั้นไม่ให้ตนร้องไห้มาโดยตลอด แต่เมื่ออารมณ์ดำดิ่ง เธอจึงควบคุมน้ำตาตนเองไม่ได้

เธอเมื่อก่อน ไม่ได้เป็นเช่นนี้

อาจเพราะตอนนี้เธอเข้าใจว่าสิ่งใดคือชื่นชอบ สิ่งใดคือความรัก

อาจเพราะเธอตอนนี้ตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงค่อนข้างอ่อนไหวเป็นพิเศษ

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดยื่นมือเช็ดน้ำตา ก่อนยิ้มให้กับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มองเธออยู่ตลอดเวลา พลางเอ่ยว่า

“ฮ่า ๆ เพราะวันนี้ข้าดีใจเกินไป ดังนั้นจึงร้องไห้”

“หือ”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่เชื่อว่าจะง่ายดายเช่นนี้

เพราะเขารู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าโกหกไม่เก่ง และในใจมีสิ่งใด ต่างเปิดเผยออกมาทางใบหน้า

ตอนนี้เธอต้องมีเรื่องบางอย่างในใจแน่ ดังนั้นจึงร้องไห้อย่างโศกเศร้า

เขาอยากรู้อย่างยิ่งว่าสิ่งใดที่ทำให้เธอหนักใจเช่นนี้ และอยากแบ่งเบาเธอ

แต่เธอไม่ยอมพูด เขาจะไม่บีบบังคับ

ดังนั้นสุดท้ายเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ซักถามต่อ เพียงยิ้มมุมปาก แสร้งเป็นเชื่อในคำพูดของเธอ ก่อนยิ้มอย่างรักใคร่พลางเอ่ยว่า

“เจ้าช่างโง่งมจริงๆ”

กลับเป็นเด็กโง่งมเช่นนี้ ที่สามารถกุมหัวใจเขาเอาไว้ได้ ทำให้เขารักอย่างสุดชีวิต

เล่อเหยาเหยาได้ยินมุขน่าขันเต็มไปด้วยความรักใคร่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พลันควบคุมหัวใจของตนไว้ ไม่อยากให้ความคิดในใจเปิดเผยออกมา

เพราะชายหนุ่มผู้นี้เฉลียวฉลาดเกินไป หากเธอเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานเขาต้องสังเกตได้แน่

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเริ่มวิตกกังวล เพื่อไม่ให้ตนโศกเศร้าเช่นนี้ต่อไป ทำได้เพียงดื่มสุราบนโต๊ะทีละจอกติดต่อกันไม่หยุด

ไม่ว่าสุราชั้นเลิศนั้นจะร้อนแรงเพียงใด เล่อเหยาเหยากลับยังบีบจมูกดื่มเข้าไปราวกับเป็นน้ำเปล่า

เดิมคิดว่า เธอจะดื่มเช่นนี้ต่อไปให้ตาย

ผู้ใดจะรู้ เมื่อเธอเพิ่งหยิบจอกที่สามดื่มเข้าปาก ยังไม่ทันกลืนสุราชั้นดีลงคอ ทันใดนั้น คางเธอถูกคนรัดไว้ พลันมีจุมพิตที่ร้อนแรง ประกบลงมาบนริมฝีปากของเธอ