ทันใดนั้น วังรุ่ยอ๋องที่เคยเงียบสงบ เพราะเรื่องนี้จึงถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง
หลังจัดการเรื่องราวทั้งหมด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ชายตามองเหนียนซูหลานที่ใบหน้าซีดขาวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“ตอนนี้เจ้าต้องภาวนาให้หย่าเอ๋อร์ไม่เป็นสิ่งใด มิฉะนั้น เปิ่นหวางไม่ปล่อยเจ้าแน่!”
เอ่ยจบ สะบัดชายเสื้ออย่างรุนแรง ก่อนออกจากวังอ๋องไป พร้อมกับกลุ่มคนที่ออกตามหา
ส่วนเหนียนซูหลานเมื่อได้ยินประโยคนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ร่างกายราวกับถูกจู่โจมอย่างหนัก อ่อนระทวยอยู่บนพื้น
ไทเฮาที่อยู่บนเตียงเห็นเช่นนั้น ก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนรับสั่งว่า
“หลานเอ๋อร์ เจ้าวู่วามเกินไป เหตุใดถึงทำเรื่องที่ผิดเช่นนี้ออกมา เฮ้อ…”
หลังรับสั่งจบประโยคนี้ ไทเฮาก็ถูกเหล่านางกำนัลติดตามข้างกายประคองจากไป
เมื่อเห็นทุกคนจากไป เหนียนซูหลานที่อ่อนระทวยอยู่บนพื้น หลังผ่านไปนาน จึงได้สติกลับมา พึมพำว่า
“ข้าผิดหรือ ข้าทำผิดจริงๆ หรือ”
เหนียนซูหลานสงสัย คล้ายกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทางคนหนึ่ง ทำให้คนที่เห็นสงสารเวทนา
แต่เวลาต่อมา ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของเหนียนซูหลานพลันเปลี่ยนไป ดวงตาคู่งามหรี่ลง แววตาเปล่งประกายความร้ายกาจขึ้นมา กัดฟันคำรามว่า
“ไม่ ข้าไม่ผิด ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของ ‘เขา’ เป็นเพราะ ‘เขา’ ยั่วยวนพี่อวี๋ เป็นเพราะ ‘เขา’ ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะ ‘เขา’ ข้าต้องทำให้ ‘เขา’ ตาย!”
คำพูดโหดเหี้ยมร้ายกาจดุจเสียงคำรามของปีศาจร้าย ทำให้คนสั่นสะท้าน
และเวลานี้ เล่อเหยาเหยาที่กำลังติดตามหลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พลันสั่นสะท้าน ในใจรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
…
ถงหย่าเอ๋อร์ หายตัวไป!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ส่งคนมากมายล่วงหน้าตามหา ทว่ากลับยังคงไม่มีร่องรอยของเธอ ทำให้เขากังวลใจ
ทว่าโชคดีจนถึงตอนนี้ ไม่ได้ยินว่าเกิดคดีคนตายขึ้นที่ใด ทำให้คนทั้งดีใจและกังวล
ส่วนหนานกงจวิ้นซี ตลอดทั้งบ่ายออกตามหาถงหย่าเอ๋อร์ ด้วยตนเอง ยังไม่ได้กลับมาที่วังอ๋อง ทว่าเขากลับฝากข้อความกลับมา บอกว่าหากเขาตามหาถงหย่าเอ๋อร์ ไม่พบ จะไม่กลับมา
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ วังรุ่ยอ๋องที่เคยเงียบสงบมานานพลันเปลี่ยนไป เพราะทุกคนต่างรู้ว่าพญายมกำลังโมโหอย่างหนัก ดังนั้นไม่ว่าทำเรื่องใด ต่างระมัดระวัง เกรงจะทำให้พญายมไม่พอใจ
เล่อเหยาเหยารู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋กังวลเรื่องถงหย่าเอ๋อร์ อย่างยิ่ง เห็นจากอาหารเย็นที่เขากินเพียงสองคำก็สามารถรับรู้ได้
ไม่นานหลังจากนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ให้คนถอนตัวจากการตามหาทั้งหมด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เล่อเหยาเหยา ขมวดคิ้วและพูดเพื่อให้เขาสบายใจ
“อวี๋ ไม่เกิดเรื่องกับหย่าเอ๋อร์แน่ ท่านไม่ต้องกังวล”
“อืม”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงพยักหน้าเบาๆ พลันยื่นมือดึงตัวเล่อเหยาเหยา ให้เล่อเหยาเหยานั่งลงในอ้อมกอดของตน
สำหรับท่าทางที่ติดเป็นนิสัยของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย กลับนั่งดุจแมวน้อยแสนเชื่อง คลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นแนบชิดกับหน้าอกแข็งแกร่งของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ฟังเสียงหัวใจที่แข็งแรงและทรงพลังนั้นเงียบๆ
เวลานี้ภายในห้อง มีเพียงพวกเขาสองคน
ด้านนอกโคมไฟถูกแขวนสูง ดวงดาวระยิบระยับ แสงจันทร์ชวนหลงใหล
ภายในห้อง แสงพร่ามัวของไข่มุกราตรีนั้น ทำให้ทั่วห้องดูมัวสลัว ทำให้คืนนี้มีสีสันเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย
ส่วนเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เวลานี้ต่างเงียบงันไม่พูดจา
คล้ายต่างเสพความสุขกับช่วงเวลาที่สงบเงียบนี้
เล่อเหยาเหยาคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ก่อนขยับตัวหาตำแหน่งที่สบายตัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาคู่งามสดใสเปล่งประกายนั้น ขยับจากการมองราตรีที่ชวนหลงใหลด้านนอก มาที่ใบหน้าของชายหนุ่มข้างกาย
จากตำแหน่งของเธอเวลานี้ เห็นถึงซีกหน้าที่มีเค้าโครงสมบูรณ์แบบนั้นของชายหนุ่มพอดี
เขาหล่อเหลาจริงๆ!
ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ต่างสมบูรณ์แบบอย่างเหลือเชื่อ
หน้าผากอิ่มเอิบ คิ้วสูงถึงจอนผม จมูกโด่ง ริมฝีปากเป็นกระจับ และคางที่โกนจนสะอาดหมดจดนั้น
แววตาค่อยๆ เต็มไปด้วยใบหน้าของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยามองอย่างสุดกำลัง มองอย่างละเอียด เพราะเธอไม่รู้ว่าจากวันนี้ที่ได้มองชายหนุ่มอย่างละเอียด นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาเช่นนี้ ครั้งต่อไป ยังจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่
เมื่อนึกถึงว่าหากวันหนึ่ง ต้องแยกจากชายหนุ่มผู้นี้ ใจของเล่อเหยาเหยาเจ็บปวดอย่างมาก จนเธอแทบหายใจไม่ออก
ดวงตาคู่งามสดใสนั้น ค่อยๆ ปรากฎชั้นความชื้น พร่าเลือนขึ้นมา
ทว่าเล่อเหยาเหยาพยายามข่มอารมณ์ของตนไว้อย่างสุดกำลัง เพราะเธอไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นสีหน้าเช่นนี้ของตน รับรู้ถึงความในใจของตน
แม้จะมีวันหนึ่งที่ความลับต้องถูกเปิดเผย ชายหนุ่มนี้ไปจากเธอ เช่นนั้นเธออยากให้วันนั้นเดินทางช้าลง เพราะเธออยากอยู่ข้างกายเขาจริงๆ
แม้เพียงเช่นในตอนนี้ เพียงมองเขาอยู่เงียบๆ เธอก็พอใจมากแล้ว
เล่อเหยาเหยาคิดเช่นนี้ในใจ
อาจเป็นเพราะสายตาเธอจับจ้องนานเกินไป ชายหนุ่มที่มองไกลออกไป กำลังขบคิดบางอย่างพลันหลุบสายตาลงมา ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้นพลันสบเข้ากับดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาที่ยังไม่ทันเบนออกไป ใบหน้าหล่อเหลาตะลึงเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาเป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากถามว่า
“เป็นอันใดหรือ”
น้ำเสียงชายหนุ่มแฝงด้วยความแหบพร่าเจ็ดส่วน ทุ้มต่ำสามส่วน ทว่ากลับไพเราะจับใจอย่างยิ่ง
ในคืนที่เงียบงัน คล้ายกับสุราชั้นดีที่พลันถูกเปิดออก กลิ่นสุราหอมหวานลอยขึ้นมากระทบจมูกนั้น ทำให้คนเมามายก่อนดื่มเข้าไป
เมื่อได้ยินเสียงมีเสน่ห์เช่นนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาหัวใจสั่นไหว คล้ายมีก้อนหินขนาดเล็กตกลงไป ทำให้หัวใจที่เคยสงบของเธอ กระเพื่อมกลายเป็นระลอกคลื่น
ในใจสั่นไหว ดวงตาเล่อเหยาเหยาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนมองไปยังริมฝีปากรูปกระจับที่เค้าโครงสมบูรณ์แบบนั้นของชายหนุ่ม
ริมฝีปากของชายหนุ่ม เป็นประเภทบางเฉียบ
ก่อนหน้านี้มักได้ยินคนพูดว่า คนที่ริมฝีปากบาง มักโหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก
แต่หากถูกเล่อเหยาเหยากล่าวว่า ทั้งหมดนี้มันไร้สาระ!
เพราะชายหนุ่มตรงหน้า ภายนอกแม้จะเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่เพียงเข้าใจเขา จะรู้ว่าความจริงว่าเขาอ่อนไหวเป็นที่สุด
มิฉะนั้น เขาคงไม่กังวลอยู่ที่นี่ เพราะเรื่องราวของถงหย่าเอ๋อร์
แม้เขาจะไม่พูด แต่จากสีหน้าหดหู่ของเขา เล่อเหยาเหยายังมองออก
เมื่อเห็นชายหนุ่มกังวลใจผู้อื่น เล่อเหยาเหยาพบว่าเขามีเสน่ห์ น่าหลงใหลอย่างยิ่งจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ ดังนั้น…
เล่อเหยาเหยาคิดถึงตรงนี้ อดยื่นลิ้นเล็กสีชมพูนั้นออกมาโดยสัญชาตญาณ ก่อนเลียริมฝีปากแดงที่แห้งของตนนั้นไม่ได้ สายตากลับจับจ้องที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา
สำหรับท่าทางของเล่อเหยาเหยา และลิ้นเล็กสีชมพูของเธอนั้น ชายหนุ่มเห็นแล้วดวงตาอดเคร่งขรึมไม่ได้
ดวงตาที่เย็นชาดุจน้ำลึก คล้ายปรากฎความปรารถนาลึกลับขึ้นมาหลายส่วน
“เด็กน้อย เจ้ากำลังยั่วเปิ่นหวางหรือ”
ชายหนุ่มเผยอริมฝีปาก ก่อนน้ำเสียงจะยิ่งแหบพร่ามากขึ้น
สำหรับคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยามีสีหน้าขวยเขินหลายส่วน ทว่ากลับกระพริบตามองชายหนุ่มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น
“น่าจะใช่”
เอ่ยจบ ไม่รอให้ชายหนุ่มจู่โจม เล่อเหยาเหยาพลันยื่นมือเกี่ยวคอของชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนริมฝีปากแดงสด จะประกบปิดบนริมฝีปากบางของชายหนุ่มอย่างลงตัว
สำหรับการเริ่มจู่โจมก่อนของเล่อเหยาเหยา กลับทำให้ชายหนุ่มที่มีแผนร้ายมีสีหน้าตะลึงงัน แววตาเบิกกว้างเล็กน้อย เปล่งประกายอย่างตกตะลึงหลายส่วน
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายจุมพิตเขาก่อนโดยไร้เงื่อนไข
สำหรับความตกตะลึงของชายหนุ่ม ความจริงเล่อเหยาเหยาเวลานี้ทั้งกังวลและเขินอาย
หากเป็นก่อนหน้านี้ เธอคงไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มจุมพิตชายหนุ่มผู้นี้ก่อนแน่ แต่ตอนนี้เธอกลับอยากจุมพิตเขายิ่งนัก
เพราะเธอหวังว่าหลังออกจากวังอ๋อง จะสามารถมีความทรงจำที่ทำให้เธอยากที่จะลืมเลือนได้
ดังนั้นการจุมพิตครั้งนี้ แม้เล่อเหยาเหยาจะเขินอาย ทว่ากลับซาบซึ้งอย่างมาก
เล่อเหยาเหยานอกจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่เคยจุมพิตกับชายอื่นมาก่อน
และทุกครั้งต่างเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เป็นฝ่ายเริ่มจุมพิตเธอ เล่อเหยาเหยาเป็นผู้ถูกกระทำ
แต่ครั้งนี้ เล่อเหยาเหยากลับเป็นฝ่ายเริ่มจุมพิตเขา จุมพิตของเธอดูเงอะงะ และเขินอายจริงๆ
แต่เล่อเหยาเหยากลับนึกถึงท่าทางการจุมพิตก่อนหน้านี้ของชายหนุ่มไม่หยุด ก่อนจะเลียนแบบ
ลิ้นเล็กสีชมพูนั้น เริ่มหยอกเย้ากับริมฝีปากแดงบางเฉียบของชายหนุ่ม พลันสอดเข้าไปในปากของชายหนุ่ม ก่อนกวาดและพัวพันกับลิ้นของชายหนุ่ม
ตอนแรกสุด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตะลึงเล็กน้อย ทว่าหลังได้สติ ในใจมีความสุข
ความสุขนั้น คล้ายเขาพลันลอยขึ้นไปบนเมฆสูง มีดอกไม้เบ่งบานรอบกาย
ความรู้สึกนั้น ช่างงดงามเสียจริง!
ดังนั้นชายหนุ่มหลังได้สติ เปลี่ยนจากผู้กระทำเป็นผู้ถูกกระทำ จุมพิตร้อนแรงเพื่อตอบแทนสาวงามที่เป็นฝ่ายเริ่มต้น!
ทั้งสองคนต่างจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม คล้ายคนที่อยู่กลางทะเลทรายที่ขาดน้ำ ขณะตามหาแหล่งน้ำที่หอมหวานพบ ก่อนดูดซับความหอมหวานของอีกฝ่ายไม่หยุด
กระทั่งเวลาผ่านไปนานจนทั้งสองคนใกล้ขาดอากาศ หายใจติดขัด ทว่ายังคงตัดใจแยกจากกันไม่ได้
เวลานี้ ใบหน้าทั้งสองคนแดงก่ำ ริมฝีปากบวมเป่ง
ทว่าหลังแยกออกจากกัน สายตาทั้งสองคนยังคงมองที่อีกฝ่าย คล้ายมองอย่างไรไม่เพียงพอ
ทว่าตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มเห็นชัดว่าซาบซึ้งกว่าเล่อเหยาเหยา
เล่อเหยาเหยานั่งหอบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ทันใดนั้น กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังตื่นตัวอยู่ใต้ก้นเธอ ทำให้เธออดขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยตามสัญชาตญาณไม่ได้
แต่จากการขยับตัวของเธอ ด้านหลังชายหนุ่มกลับพลันตั้งตรงชั่วขณะ ทันใดนั้น มือคู่ที่ทรงพลัง จับเข้าที่เอวเล็กไม่อยู่สุขของเล่อเหยาเหยาไว้แน่น ก่อนเสียงแหบพร่านั้น จะดังขึ้นมาทันที
“เด็กน้อย อย่าขยับ หากขยับอีก เจ้าต้องรับผิดชอบ”
“เอ่อ”
ได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันตะลึงชั่วขณะ และเข้าใจในเวลาต่อมา สิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้ก้นเธอคือสิ่งใด
ทันใดนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
ทำให้เธอมีผิวขาวอมชมพู ราวกับอิงเถาที่เพิ่งสุกงอม ชายหนุ่มเห็นดวงตาร้อนแรงชั่วขณะ เอ่ยขึ้นอย่างลืมตัวว่า
“เจ้างดงามยิ่งนัก”
งดงามจนทำให้เขาใจเต้น จนอยากโอบกอดเธอเช่นนี้ไปตลอด จนแก่เฒ่า
เมื่อได้ยินคำชมของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก ดวงตาคู่งามเป็นประกายชั่วขณะ พลันเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“อวี๋ พวกเรามาดื่มสุรากันดีหรือไม่”