เล่มที่ 7 บทที่ 197 พบปะสหายเก่า

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

หลงเทียนอวี้ถูกเย่และหลินจงอวี้พาตัวออกไป มิรู้ว่าเพราะจงใจหรือไม่ทันระวัง หลินเมิ้งหยาเห็นเสี่ยวอวี้ผลักศีรษะของหลงเทียนอวี้ให้กระแทกกับขอบประตู

ฟาดเข้าอย่างรุนแรง คาดว่าจะต้องเจ็บมากอย่างแน่นอน

“นายหญิง พวกเราอย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไปเลยนะเจ้าคะ”

ป๋ายจื่ออยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน แม้ว่านางจะมีอุปนิสัยเหมือนเด็ก แต่ถึงกระนั้นก็เป็นห่วงหลินเมิ้งหยาที่สุด

ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตา มองนายหญิงของตนเองด้วยท่าทางน่าสงสาร

“นั่นสิเจ้าคะ แม้สวนของพวกเราจะไม่ใหญ่เท่าที่นี่ แต่ก็สะดวกสบาย นายหญิง พวกเรายังทำงานด้วยลำแข้งของตนเองได้นะเจ้าคะ”

แม้แต่ป๋ายจีที่สุขุมรอบคอบที่สุดยังอดที่จะเจ็บปวดใจไม่ได้

พวกนางรู้จักหลินเมิ้งหยาดี หากเมื่อครู่ถูกหลงเทียนอวี้ทำมิดีมิร้ายเข้าจริงๆ ล่ะก็

เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะเปลี่ยนไปเช่นไร

“ข้ารู้ว่าทุกคนเป็นห่วงข้า แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

หลินเมิ้งหยาสงบนิ่งลงแล้ว ร่างของนางคลุมไว้ด้วยผ้าห่มจนเหลือแต่เพียงศีรษะเท่านั้น

เหตุใดร่างกายของหลงเทียนอวี้จึงมียาปลุกกำหนัด?

“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับชิงหู”

สาวใช้ทั้งสี่ลังเลก่อนจะออกไปจากห้องแต่โดยดี จากนั้นพวกนางเริ่มปรึกษากันว่าจะผลัดกันมานอนเฝ้าหน้าประตูห้องหลินเมิ้งหยา

“มีอะไร? จะให้ข้าไปฆ่าไอ้อ๋องบ้านั่นหรือทำให้เขาสูญพันธุ์? เจ้าบอกมาได้เลย”

สีหน้าแววตาของชิงหูเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น

กล้าทำเช่นนั้นกับเจ้าเด็กน้อยของเขาอย่างนั้นหรือ ต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่

หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ สุดท้ายเลือกที่จะส่ายหน้า

“เขาถูกวางยา แม้คนภายนอกจะดูไม่ออก แต่ไม่มีทางที่จะปิดบังสายตาของเจ้าได้ใช่หรือไม่?”

ชิงหูเก็บงำสายตาอำมหิตเอาไว้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่อยากจะยอมรับ

“ข้าได้กลิ่นดอกเมิ่งหลัวบนร่างของเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่ามียาชนิดใดนำมาผสมเป็นยาปลุกกำหนัดชนิดนี้ได้?”

ดอกเมิ่งหลัว เคยได้ยินมาว่ามีอยู่ทางตอนเหนือ

สาเหตุที่หลงเทียนอวี้ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เพราะฤทธิ์ของยาแผ่ซ่านอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขา

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ร่างกายของชิงหูสั่นเล็กน้อย ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏในดวงตา

สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

“ดอกเมิ่งหลัวพบเห็นได้น้อยมาก เหตุเพราะมีฤทธิ์รุนแรง ดังนั้นจึงถูกมอบให้กับพวกเชื้อพระวงศ์”

เสียงของชิงหูเจือความขยะแขยง

พวกคนในราชวงศ์ ฉากหน้าแสดงให้เห็นว่าเป็นพวกน่าเลื่อมใส

แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ

หากมิใช่เพราะคนเหล่านั้น เขาคงไม่กลายเป็นเช่นนี้

“เชื้อพระวงศ์?”

หลินเมิ้งหยาตกอยู่ในภวังค์ หากยาชนิดนี้ใช้กันในหมู่เชื้อพระวงศ์ เช่นนั้นในวังแห่งนี้ก็มีเพียง “นาง” เท่านั้นที่จะมีได้

ทว่าหากฤทธิ์ของยาแตกซ่านในร่างขึ้นมา นางไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตของลูกชายตนเองเลยอย่างนั้นหรือ?

“ถูกต้อง เหตุเพราะมีราคาแพงและหาได้ยาก เช่นนั้นคนที่จะครอบครองได้มีเพียงพระญาติสนิทเท่านั้น คนที่ใช้กับอ๋องอวี้ได้จะต้องเลือดเย็นเป็นอย่างมาก หากยาออกฤทธิ์เต็มที่ ไม่ตายก็คงพิการ ความทรมานที่ได้รับจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าความตายเสียอีก!”

หลินเมิ้งหยารู้เรื่องนี้ดี ข้อมูลในสมองบอกรายละเอียดเอาไว้อย่างชัดเจน

หากใช้ยาชนิดนี้ในปริมาณมาก ยาจะออกฤทธิ์ทำให้เลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายจนตาย

“ชิงหู เจ้าช่วยข้าไปตรวจสอบที่ตำหนักหยาเสวียนได้หรือไม่?”

หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพระสนมเต๋อเฟยเป็นผู้วางยาหรือไม่

“ข้าไม่ไป!”

ชิงหูอาละวาด ไอ้บ้านั่นเกือบข่มขืนเจ้าเด็กน้อยแล้ว

แค่เขาไม่ฆ่าหลงเทียนอวี้จนตายก็เป็นบุญแล้ว

ตอนนี้ยังคิดจะให้เขาช่วยหลงเทียนอวี้อีก ฝันไปเถอะ!

“ข้ารู้ว่าเจ้าเอ็นดูข้ามาก แต่เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”

ชิงหูกวาดตาขึ้นลงมองดูร่างเจ้าเด็กน้อย ราวกับว่ากำลังสำรวจว่าหลินเมิ้งหยาเสียหายตรงไหนหรือไม่

โดนเล่นงานขนาดนี้ นางจะต้องไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน

ยกมือป้องใบหูของเขา ก่อนจะส่งเสียงกระซิบกระซาบ

ดวงตาของชิงหูเปล่งประกายไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาจ้องมองหลินเมิ้งหยา

“เอาแบบนี้แหละ รอข้าประเดี๋ยวหนึ่ง ข้าจะรีบไปหาหลักฐานมาให้เจ้า”

เหตุเพราะเป็นเรื่องที่ทำให้หลงเทียนอวี้ต้องรู้สึกกล้ำกลืน ฉะนั้นชิงหูจึงรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

ภายในห้องจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาผู้เดียว

“ผู้ชายนี่นะ เขามักมีช่วงเวลาบุ่มบ่ามวู่วามเสมอ เจ้าสามารถใช้มีดแทงเขาก็ได้นี่ หรือเจ้าไม่อยากทำกันแน่?”

เสียงของหยุนจู๋ดังขึ้น จู่ๆ เงาดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง

ดูเหมือนวันนี้ห้องนอนของนางจะครึกครื้นมากเป็นพิเศษ

“เขาเป็นถึงท่านอ๋อง หากตายไปรังแต่จะเกิดเรื่องยุ่งยาก”

ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับมีเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งร้องคัดค้านคำพูดนี้

เหตุผลที่แท้จริงนั้น แม้แต่ตัวนางเองยังไม่อยากจะยอมรับ

“อืม นั่นก็ใช่ วางใจเถิด ข้าไม่สนใจเรื่องความรู้สึกของผู้อื่นหรอก”

หยุนจู๋ถอดผ้าคลุมสีดำบนใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นราวกับคนชรา

ทุกครั้งที่อยู่ในกลุ่มสามสหาย นางมักจะปิดบังใบหน้าเอาไว้เสมอ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าหญิงชราในชุดดำผู้นี้คือหญิงสาวที่เคยงดงามเป็นอันดับหนึ่งของเมือง

“ข้าได้ยินชิงหูเอ่ยว่าเจ้ากำลังศึกษาวิธีที่ช่วยให้ใบหน้าของข้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว?”

เมื่อถูกเอ่ยถาม หลินเมิ้งหยาพยักหน้า แต่ก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

“หมายความเช่นไร?”

หยุนจู๋จ้องหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยความร้อนใจ นางหวังว่านางจะกลับมางดงามอีกครั้ง

“พิษของเจ้ายังไม่สามารถถอนออกได้ในคราวเดียว ข้าสามารถสะกดพิษทั้งหมดเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงเช่นไร”

นี่เป็นวิธีการสะกดพิษที่ท่านอาจารย์คิดค้นขึ้น ทว่าหากทำเช่นนั้นก็อาจจะยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม

ฉะนั้นมีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้นที่ช่วยได้

“ได้ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หยุนจู๋ดูกระตือรือร้นกับการคืนรูปลักษณ์บนใบหน้ามากเป็นพิเศษ

หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจพาหยุนจู๋ไปพบอาจารย์

“เจ้ารอข้าสักประเดี๋ยว ข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะพาเจ้าไป”

ภายในคุกลับใต้ดินของจวนอวี้ หลงเทียนอวี้ที่ถูกตีจนสลบค่อยๆ ฟื้นคืนสติ

เพียงลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นสายตาเป็นกังวลของเย่

ขณะที่คิดจะลุกขึ้น แขนขาทั้งสี่รู้สึกเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรง

“ข้า…เป็นอะไรไป?”

หลงเทียนอวี้เอ่ยถามเสียงแหบพร่า เขาจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

“เจ้า? เมื่อครู่เจ้าถูกสัตว์ร้ายครอบงำและทำเรื่องที่แม้แต่สวรรค์ยังมิอาจให้อภัยลงไป ตอนนี้ยังจะแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมอีกหรือ”

เสียงตำหนิอย่างเย็นชาดังขึ้น เย่พยุงร่างหลงเทียนอวี้ให้ลุกขึ้นนั่ง

ด้านข้าง หลินจงอวี้ส่งสายตาอาฆาตมาทางเขา

เรื่องที่เขาจำได้เมื่อครู่คือหลังจากดื่มถั่วเขียวต้มน้ำตาล จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมา

จากนั้น เจียงหรูฉินเข้ามาหา ต่อจากนั้น….

ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

“เมื่อครู่ข้าทำอะไรลงไป?”

เอ่ยถามเย่ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้า

หลงเทียนอวี้ยิ่งสงสัย แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือใบหน้าบิดเบี้ยวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของหลินจงอวี้

คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ตกลงเขาทำอะไรลงไป?

“พระองค์ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ก็แค่ทุบดอกไม้ต้นหญ้าทิ้งเท่านั้น”

จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ปรากฏตัว สายตาทุกคู่จึงหันไปทางนาง

เมื่อเห็นนางพูดเช่นนั้น หลินจงอวี้ที่คิดจะโต้แย้งพลันถูกหลินเมิ้งหยาห้ามเอาไว้

“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ ท่านอาจารย์ ข้ามีเรื่องต้องการคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”

ป๋ายหลี่รุ่ยเองก็มิรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ตอนที่พวกเขาเพิ่งมากถึง หลินจงอวี้มีท่าทางโกรธเกรี้ยวมากเหลือเกิน

สิ่งที่ทำให้คุณชายคนนี้โกรธได้เห็นจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ของเขาคนนี้

เฮ้อ การมีลูกศิษย์โดดเด่นบางครั้งก็มิใช่เรื่องดี

หลินเมิ้งหยาเดินนำทางป๋ายหลี่รุ่ยไปยังห้องเล็กห้องหนึ่ง ตัวตนของหยุนจู๋ในเวลานี้ยังคงเป็นความลับ

นางจึงเลือกเดินไปอีกทาง มีเพียงนางและป๋ายหลี่รุ่ยเท่านั้นที่รู้ความลับนี้

“ท่านอาจารย์ นี่คือเพื่อนที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยดูหน่อยเถิดว่าสามารถถอนพิษให้นางได้หรือไม่”

หยุนจู๋หมุนตัวกลับมา ทว่าทันทีที่ได้เห็นป๋ายหลี่รุ่ย ร่างกายของนางสั่นเทิ้ม

หลินเมิ้งหยาสังเกตเห็นร่างบางตรงหน้าแข็งทื่อ

เหตุใดจึงรู้สึกว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อน?

“ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนกับนังหนู เช่นนั้นข้าจะพยายามช่วยเจ้า เอาผ้าคลุมออกก่อนเถิด ข้าจะดูว่าตอนนี้เจ้าอยู่ในสถานการณ์เช่นไร”

ทว่าหยุนจู๋กลับจ้องป๋ายหลี่รุ่ยเขม็ง ดวงตาสับสนกระวนกระวาย

หลินเมิ้งหยากระทุ้งเอวของหยุนจู๋ นางจึงสงบนิ่งลง

“ข้า…ขอบคุณท่านมาก”

ถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่น

สายตาของป๋ายหลี่รุ่ยไร้ซึ่งความรังเกียจ

การเป็นหมอแม้จะเป็นหมอพิษ

ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้เจอกับเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ มากมาย

ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่ลำคอกลับเนียนละเอียด แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ป๋ายหลี่รุ่ยรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก หยิบเข็มเล็กๆ ขึ้นมา ก่อนจะแทงลงบนใบหน้าของหยุนจู๋

เลือดสีแดงอมม่วงทำให้หลินเมิ้งหยาและป๋ายหลี่รุ่ยตกตะลึง

ยาพิษออกฤทธิ์แผ่ซ่านทั่วร่างแล้ว เหตุใดหยุนจู๋จึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้?

“เจ้าถูกวางยาพิษได้อย่างไร?”

สายตาของป๋ายหลี่รุ่ยเผยให้เห็นความสงสัย เก็บตัวอย่างเลือดเอาไว้ในขวด

จากประสบการณ์การอยู่กับพิษมากว่าค่อนชีวิต เขาสามารถวิเคราะห์จากสีเลือดได้

“ข้า…ถูกศัตรูแก้แค้น ใบหน้าจึงเป็นเช่นนี้”

สายตาของหยุนจู๋จับจ้องมองป๋ายหลี่รุ่ยเขม็ง ทว่าอีกฝ่ายกลับวิเคราะห์สีเลือดอย่างตั้งอกตั้งใจจึงไม่ทันสังเกตเห็น

“แม้พิษจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างแล้วแต่ไม่ยากเกินแก้ ข้าได้ยินนังหนูบอกว่าเจ้าเคยไปหาปรมาจารย์ด้านยาพิษมาแล้ว ฮึ มิรู้ว่าเป็นหมอลวงโลกที่ไหน เขาทำให้พิษแพร่กระจายไปอย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เจ้ายังไม่ตาย แต่ก็มิต่างอะไรจากการถูกทรมาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหมอลวงโลกผู้นั้น”

“อะไรนะ? ไม่…ไม่มีทาง เขาไม่มีทางทำร้ายข้า ไม่มีทาง”

หยุนจู๋ถลึงตาใส่ป๋ายหลี่รุ่ยด้วยความตกใจ ปฎิเสธเสียงแข็ง