หลงเทียนอวี้ถูกเย่และหลินจงอวี้พาตัวออกไป มิรู้ว่าเพราะจงใจหรือไม่ทันระวัง หลินเมิ้งหยาเห็นเสี่ยวอวี้ผลักศีรษะของหลงเทียนอวี้ให้กระแทกกับขอบประตู
ฟาดเข้าอย่างรุนแรง คาดว่าจะต้องเจ็บมากอย่างแน่นอน
“นายหญิง พวกเราอย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไปเลยนะเจ้าคะ”
ป๋ายจื่ออยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน แม้ว่านางจะมีอุปนิสัยเหมือนเด็ก แต่ถึงกระนั้นก็เป็นห่วงหลินเมิ้งหยาที่สุด
ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตา มองนายหญิงของตนเองด้วยท่าทางน่าสงสาร
“นั่นสิเจ้าคะ แม้สวนของพวกเราจะไม่ใหญ่เท่าที่นี่ แต่ก็สะดวกสบาย นายหญิง พวกเรายังทำงานด้วยลำแข้งของตนเองได้นะเจ้าคะ”
แม้แต่ป๋ายจีที่สุขุมรอบคอบที่สุดยังอดที่จะเจ็บปวดใจไม่ได้
พวกนางรู้จักหลินเมิ้งหยาดี หากเมื่อครู่ถูกหลงเทียนอวี้ทำมิดีมิร้ายเข้าจริงๆ ล่ะก็
เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะเปลี่ยนไปเช่นไร
“ข้ารู้ว่าทุกคนเป็นห่วงข้า แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
หลินเมิ้งหยาสงบนิ่งลงแล้ว ร่างของนางคลุมไว้ด้วยผ้าห่มจนเหลือแต่เพียงศีรษะเท่านั้น
เหตุใดร่างกายของหลงเทียนอวี้จึงมียาปลุกกำหนัด?
“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับชิงหู”
สาวใช้ทั้งสี่ลังเลก่อนจะออกไปจากห้องแต่โดยดี จากนั้นพวกนางเริ่มปรึกษากันว่าจะผลัดกันมานอนเฝ้าหน้าประตูห้องหลินเมิ้งหยา
“มีอะไร? จะให้ข้าไปฆ่าไอ้อ๋องบ้านั่นหรือทำให้เขาสูญพันธุ์? เจ้าบอกมาได้เลย”
สีหน้าแววตาของชิงหูเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
กล้าทำเช่นนั้นกับเจ้าเด็กน้อยของเขาอย่างนั้นหรือ ต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่
หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ สุดท้ายเลือกที่จะส่ายหน้า
“เขาถูกวางยา แม้คนภายนอกจะดูไม่ออก แต่ไม่มีทางที่จะปิดบังสายตาของเจ้าได้ใช่หรือไม่?”
ชิงหูเก็บงำสายตาอำมหิตเอาไว้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่อยากจะยอมรับ
“ข้าได้กลิ่นดอกเมิ่งหลัวบนร่างของเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่ามียาชนิดใดนำมาผสมเป็นยาปลุกกำหนัดชนิดนี้ได้?”
ดอกเมิ่งหลัว เคยได้ยินมาว่ามีอยู่ทางตอนเหนือ
สาเหตุที่หลงเทียนอวี้ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เพราะฤทธิ์ของยาแผ่ซ่านอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขา
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ร่างกายของชิงหูสั่นเล็กน้อย ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏในดวงตา
สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
“ดอกเมิ่งหลัวพบเห็นได้น้อยมาก เหตุเพราะมีฤทธิ์รุนแรง ดังนั้นจึงถูกมอบให้กับพวกเชื้อพระวงศ์”
เสียงของชิงหูเจือความขยะแขยง
พวกคนในราชวงศ์ ฉากหน้าแสดงให้เห็นว่าเป็นพวกน่าเลื่อมใส
แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ
หากมิใช่เพราะคนเหล่านั้น เขาคงไม่กลายเป็นเช่นนี้
“เชื้อพระวงศ์?”
หลินเมิ้งหยาตกอยู่ในภวังค์ หากยาชนิดนี้ใช้กันในหมู่เชื้อพระวงศ์ เช่นนั้นในวังแห่งนี้ก็มีเพียง “นาง” เท่านั้นที่จะมีได้
ทว่าหากฤทธิ์ของยาแตกซ่านในร่างขึ้นมา นางไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตของลูกชายตนเองเลยอย่างนั้นหรือ?
“ถูกต้อง เหตุเพราะมีราคาแพงและหาได้ยาก เช่นนั้นคนที่จะครอบครองได้มีเพียงพระญาติสนิทเท่านั้น คนที่ใช้กับอ๋องอวี้ได้จะต้องเลือดเย็นเป็นอย่างมาก หากยาออกฤทธิ์เต็มที่ ไม่ตายก็คงพิการ ความทรมานที่ได้รับจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าความตายเสียอีก!”
หลินเมิ้งหยารู้เรื่องนี้ดี ข้อมูลในสมองบอกรายละเอียดเอาไว้อย่างชัดเจน
หากใช้ยาชนิดนี้ในปริมาณมาก ยาจะออกฤทธิ์ทำให้เลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายจนตาย
“ชิงหู เจ้าช่วยข้าไปตรวจสอบที่ตำหนักหยาเสวียนได้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพระสนมเต๋อเฟยเป็นผู้วางยาหรือไม่
“ข้าไม่ไป!”
ชิงหูอาละวาด ไอ้บ้านั่นเกือบข่มขืนเจ้าเด็กน้อยแล้ว
แค่เขาไม่ฆ่าหลงเทียนอวี้จนตายก็เป็นบุญแล้ว
ตอนนี้ยังคิดจะให้เขาช่วยหลงเทียนอวี้อีก ฝันไปเถอะ!
“ข้ารู้ว่าเจ้าเอ็นดูข้ามาก แต่เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ชิงหูกวาดตาขึ้นลงมองดูร่างเจ้าเด็กน้อย ราวกับว่ากำลังสำรวจว่าหลินเมิ้งหยาเสียหายตรงไหนหรือไม่
โดนเล่นงานขนาดนี้ นางจะต้องไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
ยกมือป้องใบหูของเขา ก่อนจะส่งเสียงกระซิบกระซาบ
ดวงตาของชิงหูเปล่งประกายไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาจ้องมองหลินเมิ้งหยา
“เอาแบบนี้แหละ รอข้าประเดี๋ยวหนึ่ง ข้าจะรีบไปหาหลักฐานมาให้เจ้า”
เหตุเพราะเป็นเรื่องที่ทำให้หลงเทียนอวี้ต้องรู้สึกกล้ำกลืน ฉะนั้นชิงหูจึงรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ภายในห้องจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาผู้เดียว
“ผู้ชายนี่นะ เขามักมีช่วงเวลาบุ่มบ่ามวู่วามเสมอ เจ้าสามารถใช้มีดแทงเขาก็ได้นี่ หรือเจ้าไม่อยากทำกันแน่?”
เสียงของหยุนจู๋ดังขึ้น จู่ๆ เงาดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง
ดูเหมือนวันนี้ห้องนอนของนางจะครึกครื้นมากเป็นพิเศษ
“เขาเป็นถึงท่านอ๋อง หากตายไปรังแต่จะเกิดเรื่องยุ่งยาก”
ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับมีเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งร้องคัดค้านคำพูดนี้
เหตุผลที่แท้จริงนั้น แม้แต่ตัวนางเองยังไม่อยากจะยอมรับ
“อืม นั่นก็ใช่ วางใจเถิด ข้าไม่สนใจเรื่องความรู้สึกของผู้อื่นหรอก”
หยุนจู๋ถอดผ้าคลุมสีดำบนใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นราวกับคนชรา
ทุกครั้งที่อยู่ในกลุ่มสามสหาย นางมักจะปิดบังใบหน้าเอาไว้เสมอ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าหญิงชราในชุดดำผู้นี้คือหญิงสาวที่เคยงดงามเป็นอันดับหนึ่งของเมือง
“ข้าได้ยินชิงหูเอ่ยว่าเจ้ากำลังศึกษาวิธีที่ช่วยให้ใบหน้าของข้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว?”
เมื่อถูกเอ่ยถาม หลินเมิ้งหยาพยักหน้า แต่ก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
“หมายความเช่นไร?”
หยุนจู๋จ้องหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยความร้อนใจ นางหวังว่านางจะกลับมางดงามอีกครั้ง
“พิษของเจ้ายังไม่สามารถถอนออกได้ในคราวเดียว ข้าสามารถสะกดพิษทั้งหมดเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงเช่นไร”
นี่เป็นวิธีการสะกดพิษที่ท่านอาจารย์คิดค้นขึ้น ทว่าหากทำเช่นนั้นก็อาจจะยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม
ฉะนั้นมีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้นที่ช่วยได้
“ได้ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หยุนจู๋ดูกระตือรือร้นกับการคืนรูปลักษณ์บนใบหน้ามากเป็นพิเศษ
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจพาหยุนจู๋ไปพบอาจารย์
“เจ้ารอข้าสักประเดี๋ยว ข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะพาเจ้าไป”
ภายในคุกลับใต้ดินของจวนอวี้ หลงเทียนอวี้ที่ถูกตีจนสลบค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
เพียงลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นสายตาเป็นกังวลของเย่
ขณะที่คิดจะลุกขึ้น แขนขาทั้งสี่รู้สึกเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรง
“ข้า…เป็นอะไรไป?”
หลงเทียนอวี้เอ่ยถามเสียงแหบพร่า เขาจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
“เจ้า? เมื่อครู่เจ้าถูกสัตว์ร้ายครอบงำและทำเรื่องที่แม้แต่สวรรค์ยังมิอาจให้อภัยลงไป ตอนนี้ยังจะแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมอีกหรือ”
เสียงตำหนิอย่างเย็นชาดังขึ้น เย่พยุงร่างหลงเทียนอวี้ให้ลุกขึ้นนั่ง
ด้านข้าง หลินจงอวี้ส่งสายตาอาฆาตมาทางเขา
เรื่องที่เขาจำได้เมื่อครู่คือหลังจากดื่มถั่วเขียวต้มน้ำตาล จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมา
จากนั้น เจียงหรูฉินเข้ามาหา ต่อจากนั้น….
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
“เมื่อครู่ข้าทำอะไรลงไป?”
เอ่ยถามเย่ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
หลงเทียนอวี้ยิ่งสงสัย แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือใบหน้าบิดเบี้ยวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของหลินจงอวี้
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ตกลงเขาทำอะไรลงไป?
“พระองค์ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ก็แค่ทุบดอกไม้ต้นหญ้าทิ้งเท่านั้น”
จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ปรากฏตัว สายตาทุกคู่จึงหันไปทางนาง
เมื่อเห็นนางพูดเช่นนั้น หลินจงอวี้ที่คิดจะโต้แย้งพลันถูกหลินเมิ้งหยาห้ามเอาไว้
“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ ท่านอาจารย์ ข้ามีเรื่องต้องการคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
ป๋ายหลี่รุ่ยเองก็มิรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ตอนที่พวกเขาเพิ่งมากถึง หลินจงอวี้มีท่าทางโกรธเกรี้ยวมากเหลือเกิน
สิ่งที่ทำให้คุณชายคนนี้โกรธได้เห็นจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ของเขาคนนี้
เฮ้อ การมีลูกศิษย์โดดเด่นบางครั้งก็มิใช่เรื่องดี
หลินเมิ้งหยาเดินนำทางป๋ายหลี่รุ่ยไปยังห้องเล็กห้องหนึ่ง ตัวตนของหยุนจู๋ในเวลานี้ยังคงเป็นความลับ
นางจึงเลือกเดินไปอีกทาง มีเพียงนางและป๋ายหลี่รุ่ยเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
“ท่านอาจารย์ นี่คือเพื่อนที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยดูหน่อยเถิดว่าสามารถถอนพิษให้นางได้หรือไม่”
หยุนจู๋หมุนตัวกลับมา ทว่าทันทีที่ได้เห็นป๋ายหลี่รุ่ย ร่างกายของนางสั่นเทิ้ม
หลินเมิ้งหยาสังเกตเห็นร่างบางตรงหน้าแข็งทื่อ
เหตุใดจึงรู้สึกว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อน?
“ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนกับนังหนู เช่นนั้นข้าจะพยายามช่วยเจ้า เอาผ้าคลุมออกก่อนเถิด ข้าจะดูว่าตอนนี้เจ้าอยู่ในสถานการณ์เช่นไร”
ทว่าหยุนจู๋กลับจ้องป๋ายหลี่รุ่ยเขม็ง ดวงตาสับสนกระวนกระวาย
หลินเมิ้งหยากระทุ้งเอวของหยุนจู๋ นางจึงสงบนิ่งลง
“ข้า…ขอบคุณท่านมาก”
ถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่น
สายตาของป๋ายหลี่รุ่ยไร้ซึ่งความรังเกียจ
การเป็นหมอแม้จะเป็นหมอพิษ
ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้เจอกับเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ มากมาย
ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่ลำคอกลับเนียนละเอียด แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ป๋ายหลี่รุ่ยรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก หยิบเข็มเล็กๆ ขึ้นมา ก่อนจะแทงลงบนใบหน้าของหยุนจู๋
เลือดสีแดงอมม่วงทำให้หลินเมิ้งหยาและป๋ายหลี่รุ่ยตกตะลึง
ยาพิษออกฤทธิ์แผ่ซ่านทั่วร่างแล้ว เหตุใดหยุนจู๋จึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้?
“เจ้าถูกวางยาพิษได้อย่างไร?”
สายตาของป๋ายหลี่รุ่ยเผยให้เห็นความสงสัย เก็บตัวอย่างเลือดเอาไว้ในขวด
จากประสบการณ์การอยู่กับพิษมากว่าค่อนชีวิต เขาสามารถวิเคราะห์จากสีเลือดได้
“ข้า…ถูกศัตรูแก้แค้น ใบหน้าจึงเป็นเช่นนี้”
สายตาของหยุนจู๋จับจ้องมองป๋ายหลี่รุ่ยเขม็ง ทว่าอีกฝ่ายกลับวิเคราะห์สีเลือดอย่างตั้งอกตั้งใจจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“แม้พิษจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างแล้วแต่ไม่ยากเกินแก้ ข้าได้ยินนังหนูบอกว่าเจ้าเคยไปหาปรมาจารย์ด้านยาพิษมาแล้ว ฮึ มิรู้ว่าเป็นหมอลวงโลกที่ไหน เขาทำให้พิษแพร่กระจายไปอย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เจ้ายังไม่ตาย แต่ก็มิต่างอะไรจากการถูกทรมาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหมอลวงโลกผู้นั้น”
“อะไรนะ? ไม่…ไม่มีทาง เขาไม่มีทางทำร้ายข้า ไม่มีทาง”
หยุนจู๋ถลึงตาใส่ป๋ายหลี่รุ่ยด้วยความตกใจ ปฎิเสธเสียงแข็ง