หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.496 – ยังไม่ได้กินมื้อค่ำ

 

เสี่ยวถายได้จากไปแล้ว

 

หน้าประตูของสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม หลงเหลือเพียง 3 คนที่ยังนั่งดื่มอยู่

 

บนโต๊ะเล็กๆที่เต็มไปด้วยปากกา สมุดและหนังสือของเสี่ยวเหมียว ได้ถูกย้ายออกไปและแทนที่ด้วยจานชามหลายใบแทน

 

แบรี่ เสี่ยวเหมียว กับกู่ฉิงซานนั่งอยู่รอบโต๊ะ

 

กู่ฉิงซานก้มลงดูเวลา

 

ยังเหลืออีก 6.30 นาที

 

“เซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่านอกจากเหล้าแล้ว นายยังเตรียมกับแกล้มที่เข้ากับมันมาด้วย” แบรี่เอ่ยด้วยความตื่นเต้น

 

เขาหยิบจานใบหนึ่งขึ้นมา และเทอาหารในจานลงเข้าปาก

 

พริบตาเดียว ทั้งจานก็ว่างเปล่า

 

“หืม? ดูเหมือนว่าพี่ก็จะรู้วิธีเพิ่มความเพลิดเพลินในการดื่มกินเหมือนกันสินะ”  เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

ว่าจบ เธอก็หยิบจานขึ้นมา แล้วเทอาหารทั้งหมดในจานลงในปากของเธอเช่นกัน

 

แล้วจานก็ว่างเปล่า

 

เหงื่อเย็นเริ่มผุดออกมาบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน

 

—ทั้งสองคนนี้ ไม่ได้กินอะไรมานานแค่ไหนแล้วกันนะ?

 

แบรี่หยิบจอกขึ้นมา แล้วดื่มมันรวดเดียวในหนึ่งอึก

 

“เฮ้เจ้าหนู … ถ้าไม่ใช่เพราะเรือของสมาคมผู้พิทักษ์ น่ากลัวว่านายคงไม่มีทางมาหาฉันได้แน่ๆ ว่าแต่นายมาทำอะไรในโลกทั้งมวลนี้กัน” แบรี่ขมวดคิ้วถาม

 

ถึงแม้ว่ากู่ฉิงซานจะถูกอำพรางขอบเขตพื้นฐานวรยุทธด้วยม้วนคัมภีร์แล้วก็ตามที แต่อีกฝ่ายเป็นใคร? เขาคือแบรี่นะ! แบรี่สามารถมองผ่านม้วนคัมภีร์ แล้วเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกู่ฉิงซานได้อย่างง่ายดาย

 

“ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมชื่อกู่ฉิงซาน เป็นบาร์เทนเดอร์” กู่ฉิงซานกล่าว

 

แน่นอน ที่เขาแนะนำตัวออกไปแบบนี้ เพราะตนจดจำได้ว่าในรูปปั้นทองคำ แบรี่น่ะถือขวดเหล้าอยู่

 

พอได้ยิน ดวงตาของแบรี่ก็สว่างขึ้นทันใด เขาแสร้งพูดอย่างจงใจ “ค็อกเทลงั้นหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย – ไหนขอลองซักแก้วหน่อยจะได้ไหม? รู้รึเปล่าว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะเรียกตัวเองว่าบาร์เทนเดอร์ได้”

 

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบสุราวิญญาณหลายชนิดออกมา จากนั้นก็ผสมมันด้วยฝีมือขั้นสูงสุดของตนเอง

 

“ได้แล้ว ลองชิมดูสิ” เขากล่าวพลางยื่นแก้วให้อีกฝ่าย

 

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวมองหน้ากันวูบหนึ่ง

 

ทักษะการผสมเหล้าของเจ้าเด็กนี่ มันดูเชี่ยวชาญไม่น้อยเลย แถมยังน่าตื่นตาตื่นใจอีก พริบตาเดียวผสมเสร็จแล้ว

 

จ้องมองไปยังแก้วค็อกเทลตรงหน้าอีกครั้ง พบว่าภายในแก้วถูกแบ่งออกเป็นหลายชั้น และในแต่ละชั้นก็จะมีสีที่แตกต่างกันออกไป

 

ฝีมือนี่ … มันระดับมืออาชีพชัดๆ

 

“ค็อกเทลนี่ดูดีไม่เลวเลย งั้นฉันขอลอง … ”

 

เสี่ยวเหมียวกำลังเอื้อมมือไปคว้าแก้ว

 

แต่แบรี่ไวกว่า เขาฉกมันจากมือของเสี่ยวเหมี่ยว และเร่งยก กระดกขึ้นดื่มเองทันที

 

“พี่ชาย ค็อกเทลแบบนี้มันเหมาะที่จะให้ผู้หญิงดื่มนะ!” เสี่ยวเหมียวทุบหลังเขา ปากเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ

 

และพละกำลังของเธอดูเหมือนจะไม่น้อยเลย เพราะทันทีที่แบรี่ถูกทุบ เขาก็เกือบจะสำลักค็อกเทลออกมา

 

แต่ด้วยความเสียดาย เจ้าตัวจึงฝืนทน เหล้าบางส่วนที่ทะลักออกมาจากจมูกถูกสูดกลับเข้ามา และในที่สุดก็สามารถกลืนค็อกเทลทั้งหมดลงไปได้ไม่มีหลงเหลือ

 

“ฟู่วว” แบรี่พ่นลมหายใจยาว

 

‘ค็อกเทลนี่มันแรงดีจริงๆ’

 

กู่ฉิงซานมองไปยังท่าทีหดหู่ของเสี่ยวเหมี่ยว เขาจึงเริ่มทำอีกแก้วให้เธอ

 

เฝ้ารอจนกระทั่งเสี่ยวเหมียวดื่มเสร็จ กู่ฉิงซานจึงเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”

 

“ก็งั้นๆ”

 

“ถึงจะไม่เต็มปาก แต่ก็บอกได้ว่าผ่านล่ะนะ”

 

พี่ชายกับน้องสาวเก็บปากไว้ แสร้งทำเป็นประเมินอีกฝ่าย

 

“ถึงจะไม่เต็มปาก แต่ก็บอกได้ว่านายเป็นบาร์เทนเดอร์จริงๆ” เสี่ยวเหมียวบุ้ยหน้า เอียงศีรษะ

 

“บาร์เทนเดอร์เป็นงานอดิเรกของผมน่ะ อันที่จริงแล้วผมใช้ทักษะในการทำอาหารเพื่อหาเลี้ยงชีพต่างหาก” กู่ฉิงซานกล่าว

 

คราวนี้ พี่ชายและน้องสาวเบิกตาโพลง หันไปสบตามองกัน

 

และแน่นอน ว่าทั้งสองย่อมเข้าใจถึงความหมายในสายตาของอีกฝ่าย

 

“เจ้าหนู นับว่านายโชคดีจริงๆ” แบรี่เอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ

 

“ผมน่ะเหรอโชคดี?” กู่ฉิงซานเอ่ยทวนซ้ำ

 

“รู้ไหมว่าการรับรสของแต่ละโลกมันค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน ดังนั้น การที่นายจะทำอาหารให้ทุกสิ่งมีชีวิตถูกใจ มันเป็นเรื่องยากเย็นมากจริงๆ ยังไงก็ตาม ฉันน่ะเป็นนักชิมตัวยง! สำหรับในเรื่องการประเมินความอร่อยของอาหารประเภทต่างๆน่ะจัดว่าเชี่ยวชาญเลยล่ะ!” แบรี่ยกสองแขนขึ้นกอดอก

 

“นี่เรื่องจริงนะ นายสามารถเอาผลงานของนายออกมาได้เลย แล้วพวกเราจะทำการประเมินมันให้นายฟรีๆเอง” เสี่ยวเหมียวเอ่ยเสริม

 

กู่ฉิงซานไร้คำจะกล่าวไปสักพัก

 

—การรับรสของแต่ละโลกน่ะแตกต่างกัน มันจึงยากที่จะทำอาหารให้ทั้งหมดถูกใจได้ และเขาพึ่งจะเคยเดินทางไปได้ไม่กี่โลกก็จริง แต่ในทุกๆสิ่งมีชีวิตที่พบเจอ ความถูกปากน่ะมันแตกต่างกันแค่นิดหน่อยเท่านั้น เมื่อมีอาหารดีๆอยู่ตรงหน้า สุดท้ายก็กินกันได้ และรสชาติไม่ได้แย่เกินไปอยู่ดี

 

บักห่าสองพี่น้องนี่ … คิดว่าฉันโง่รึไง?

 

กู่ฉิงซานกวาดสายตามองลงไปบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

เหลืออีก 3 นาที

 

มันสายเกินกว่าที่จะทำอาหารเองแล้ว

 

“นายมีอาหารจานเก่งเป็นของตัวเองรึเปล่า?” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่ากลับลอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ

 

กู่ฉิงซานจึงนำเอาสองอาหารวิญญาณออกมาโดยตรง

 

นี่คืออาหารที่ฉินเซี่ยวโหลวใช้เวลาหมักมันทั้งวันคืน  เป็นอาหารวิญญาณที่ต้องใช้ขั้นตอนในการปรุงอย่างประณีต ทุ่มเวลาและความคิดเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้อาหารวิญญาณจานนี้มา

 

ในเวลานั้นสงครามพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น ฉินเซี่ยวโหลวกล่าวว่าเขาเตรียมมันไว้ให้สำหรับวันเกิดของกู่ฉิงซาน และหากในกรณีที่คนในนิกายยังไม่อยู่พร้อมกัน กู่ฉิงซานห้ามแอบกินก่อนคนเดียวเป็นอันขาด

 

ฉินเซี่ยวโหลวเชี่ยวชาญทั้งหกศิลป์ แต่ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือการปรุงอาหารวิญญาณ ในนิกายร้อยบุปผา ต่อให้ผู้คนยุ่งมากสักเพียงใด แต่ก็ไม่เคยจะพลาดมื้ออาหารฝีมือของเขาเลย

 

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่านี่เป็นอาหารวิญญาณที่มีระดับสูงสุดที่กู่ฉิงซานนำติดตัวมา

 

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวจ้องค้างมาที่สองอาหารวิญญาณ นัยตาเปล่งประกาย แลคล้ายสองหมาป่าโหย

 

“พวกคุณลองชิมดูสิ”

 

กู่ฉิงซานยื่นอาหารวิญญาณให้แก่ทั้งสอง

 

แบรี่ที่กำลังถือจาน กล่าวด้วยความเคารพลึก “ครั้งหนึ่งฉันเคยได้เดินทางไปตลอดทั้งโลกนับล้านๆใบ จึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในด้านอาหาร แต่ในฐานะที่พบกันเป็นครั้งแรก คราวนี้ฉันจะชิมให้นายฟรีๆแบบไม่คิดตังค์ก็แล้วกัน”

 

เสี่ยวเหมียวพยักหน้าเห็นด้วย

 

‘ … เออ รบกวนด้วยแล้วกัน ’ กู่ฉิงซานคิดในใจอย่างเงียบๆ

 

แบรี่เริ่มลามเลียลงบนจานของเขา

 

ขณะที่เสี่ยวเหมียวแม้การเคลื่อนไหวของเธอจะดูสุภาพมาก แต่อาหารในจานกลับทยอยหมดลงอย่างรวดเร็ว เธอไวไม่แพ้แบรี่เลย

 

เหมือนกับว่าทั้งสองคนจะไม่ได้กินอะไรกันมานานมากแล้ว

 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองฉากนี้ เอ่ยถามกับแบรี่อ้อมๆว่า “ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ ก็น่าจะไปทำอะไรบางอย่างแลกเปลี่ยนเป็นเงินรางวัลแล้วนำไปซื้ออาหารก็ได้นี่ มันไม่น่าจะยากเกินไปนะผมว่า นอกจากนี้ยังได้ยินว่าคุณเป็นหนี้จำนวนมากด้วยนี่ใช่ไหม?”

 

เสี่ยวเหมียวเงยหน้าขวับอย่างรวดเร็ว

 

เธออธิบายอย่างจริงจัง “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บที่ขาของพี่ชายฉันแย่ลงมาก มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”

 

กู่ฉิงซาน “แต่คุณได้เคยช่วยโลกเอาไว้มากมาย ดังนั้นอย่างน้อยก็น่าจะออกไปกินอาหารได้ไม่ใช่หรอ”

 

“นั่นก็ทำไม่ได้ เพราะพี่ชายฉันมีศัตรูอยู่มากมาย มันอันตรายเกินไปที่จะออกไปข้างนอก” เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

แบรี่พยักหน้าสนับสนุน “ใช่! ไอ้กร๊วกบางคนมันเก่งมากจริงๆ และจะต้องเป็นตัวฉันในสภาพสมบูรณ์พร้อมเท่านั้น ถึงจะชนะมันได้”

 

เขาตบลงบนขาของตัวเองแล้วยิ้ม “ต้องขอบคุณดอกไม้ภูติ นับจากนี้ไป หากได้มีเวลาพักมากพอ ฉันก็จะสามารถฟื้นฟูสภาพตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ในที่สุด”

 

เสี่ยวเหมียวเผยถึงร่องรอยของความสุข ปากอ้าตะโกนออกมาว่า “ขาเป๋แบรี่ จะไม่เป็นไอ้เป๋อีกต่อไป!”

 

กู่ฉิงซานพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว รีบกินมันต่อเถอะ”

 

ทั้งสองผงกหัว และเริ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารวิญญาณ

 

เมื่อเห็นว่าพวกเขากินจนหมด และกำลังเลียคราบในจานอยู่ กู่ฉิงซานก็เอ่ยถาม “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ก็งั้นๆ”

 

“ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ก็คงผ่านล่ะนะ”

 

ทั้งสองวางจานลง และเริ่มทำการประเมิน

 

‘อ่าาา ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว แค่นี้มันไม่เพียงพอหรอก’

 

—ยังมีอย่างอื่นให้กินอีกไหม?

 

สองพี่น้องเหลือบมองกันและกัน แน่นอน พวกเขาเข้าใจถึงความนัยในแววตาของอีกฝ่าย

 

พวกเขาเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับวิธีการว่าจะทำอย่างไรดี ให้กู่ฉิงซานนำอาหารวิญญาณออกมาอีกครั้ง

 

กู่ฉิงซานก้มลงมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

เหลือเวลาอีก 40 วินาที

 

“เอาล่ะ นี่ก็ถึงคราวต้องบอกลากันแล้ว” กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้นและเตรียมเดินจากไป

 

“นั่นนายกำลังจะไปไหน?” แบรี่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

“ก็ร่อนเร่ไปท่ามกลางโลกทั้งมวล”

 

“ร่อนเร่งั้นหรอ? ด้วยความแข็งแกร่งของนายเนี่ยนะ? ไปได้ไม่นานคงถูกฆ่าตายแน่นอน” แบรี่ประชด

 

“ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องท่องโลกต่อไปอยู่ดี เพื่อดูว่าอาหารกับเหล้าในแต่ละโลกนั้นเป็นอย่างไร ไหนจะเรื่องวัตถุดิบที่มีเฉพาะท้องถิ่นอีก” กู่ฉิงซานกล่าวโดยไม่หันกลับมา

 

แบรี่เริ่มขมวดคิ้ว ตกลงสู่ห้วงความคิด

 

“พี่ชาย พวกเรายังไม่ได้กินของว่างตอนดึกเลยนะ” เสี่ยวเหมียวพูดเบาๆ

 

“แต่เราเป็นหนี้มากเกินไป ถ้าลากเขาให้มาอยู่กับสมาคม เขาก็จะถูกดึงดูดให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย” แบรี่กระซิบ

 

“งั้นก็ปล่อยให้เขาอยู่ต่ออีกสักวันเป็นไง ถ้าแบบนั้นเขาก็จะไม่ใช่คนของเรา แล้วพวกเจ้าหนี้ก็คงจะไม่ทำอะไรเขา” เสี่ยวเหมียวแนะนำ

 

หากอยู่ต่อเพิ่มขึ้นอีกสักหนึ่งวัน นั่นหมายถึงการได้เพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อยขึ้นอีกวันหนึ่ง

 

-แถมยังมีเหล้าดีๆให้ดื่มอีก

 

แบรี่เลิกลังเลใจทันที

 

“รอก่อน” เขาตะโกน

 

เหลือเวลาอีก 6 วินาที

 

เห็นแค่เพียงฝีเท้าของกู่ฉิงซานที่ไวขึ้นเล็กน้อย เสี่ยวเหมียวก็เร่งดึงชายเสื้อของแบรี่อย่างแรง

 

แบรี่ร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว “ฉันจะบอกว่าวันนี้มันดึกเกินไปแล้ว นายพักผ่อนอยู่ที่นี่สักวันเถอะ!”

 

เวลาลดลงเหลือ 0

 

พร้อมกับบรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยที่ปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง

 

“คุณได้รับอนุญาตให้อยู่ในโลกมิติอนันต์”

 

“คุณบรรลุภารกิจแห่งโชคชะตาแล้ว”

 

“คุณได้รับรางวัลสำหรับภารกิจแห่งโชคชะตา : ความลับ”

 

“คุณสามารถเปิดดูความลับนี้ได้ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยโปรดเลือกเวลาให้เหมาะสมหากคิดจะสื่อสารกับระบบ”