หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.497 – กำปั้นเหล็กแบรี่

 

กู่ฉิงซานกวาดสายตาผ่านบรรทัดแสงในหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่เขาอ่านคำแจ้งเตือนข้างต้นแล้ว ก็ยังมิได้เลือกที่จะสื่อสารกับระบบในทันที

 

เพราะแสงบางเบากลุ่มหนึ่งเข้าปกคลุมรอบกายเขา คล้ายกับกำลังจะพาเขาออกไป

 

สัมผัสแห่งการเป็นปฏิปักษ์อันยากจะอธิอบายเข้ารายล้อมรอบตัวกู่ฉิงซาน

 

ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็รู้สึกได้จางๆถึงแรงผลักดันที่มองไม่เห็นกำลังผลักเขาออกไปจากที่นี่

 

ระยะเวลาในการอาศัยของเขาสิ้นสุดลงแล้ว และโลกมิติอนันต์ก็กำลังจะผลักเขาออกไป

 

เสี่ยวถายได้มอบเวลาให้แก่เขาหนึ่งชั่วโมง

 

มิฉะนั้นแล้ว เขาคงไม่แม้จะกระทั่งหยั่งเท้าเข้ามาบนอาณาเขตของพื้นที่มิติอนันต์ได้

 

ท่ามกลางกลุ่มแสงที่ห่อหุ้มนี้ กู่ฉิงซานจึงหันกลับมาอย่างสงบ

 

เขามองไปยังแบรี่และกล่าวว่า “คุณกำลังจะบอกว่าผมสามารถพักอยู่ที่นี่ได้วันหนึ่งใช่ไหม”

 

“แน่นอน ฉันมีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะให้นายใช้พักผ่อน”

 

แบรี่จ้องมองแสงบนร่างของกู่ฉิงซาน ก่อนที่เขาจะส่งสัญญาณมือไปทางเสี่ยวเหมียว

 

ร่างของเสี่ยวเหมี่ยวกระพริบไหว เธอปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

 

บังเกิดคลื่นความผันผวนพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและหลอมรวมเข้ากับเธอ

 

“สมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม”

 

“หอสูงได้รับการยืนยันแล้ว ว่าอนุญาตให้บุคคลนี้อาศัยอยู่ต่อได้อีกหนึ่งวัน”

 

เสี่ยวเหมียวตบลงบนไหล่ของกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานยืนนิ่ง แต่แสงบนร่างกายของเขากลับดับลง

 

ความเป็นปฏิปักษ์กับโลกใบนี้ได้หายไป

 

เขาไม่ต้องถูกส่งออกไปแล้ว

 

กู่ฉิงซานประสานสองกำปั้นของตนเองและกล่าว “ผมเดินทางมาไกล ต้องขอขอบคุณทั้งสองคนจริงๆที่หยิบยื่นสถานที่พักผ่อนให้”

 

“ไม่จำต้องต้องสุภาพไป ฉันมักจะยินดีอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ทุกคนเป็นประจำอยู่แล้ว” แบรี่ตบหน้าอกตนเองและกล่าว

 

“นายอุตส่าห์มาส่งของถึงที่นี่ พวกเราไม่สามารถรีบไล่นายให้จากไปทันทีเลยได้หรอก พวกเราไม่ใช่คนแบบนั้น” เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

“ถูกเผง”

 

แบรี่พยักหน้าเออออตาม

 

—มันเป็นมารยาทและด้วยหัวใจอันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพวกเราล้วนๆ นายเลยได้พักผ่อนอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวัน และแน่นอน พวกเราไม่ได้หวังอะไรอย่างอื่นเลย!

 

ใช่แล้ว ไม่ได้หวังอะไรเลยจริงๆนะ …

 

กู่ฉิงซาน “ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณสำหรับการให้พักอาศัย ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำอาหารค่ำให้พวกคุณทานในคืนนี้”

 

“ไม่ ไม่ นายเป็นแขกของฉัน แล้วจะให้นายมาบริการได้ยังไง?”

 

“นั่นสิ พวกเราจะเป็นคนบริการนาย ให้ความบันเทิงแก่นายเอง”

 

พี่น้องกล่าวอย่างจริงจัง

 

กู่ฉิงซานมองไปยังท่าทีตึงเครียดของอีกฝ่าย ก็อดไม่ได้ที่จะไร้คำกล่าว

 

–พวกคุณเนี่ยนะจะให้ความบันเทิงกับฉัน  ต้องการกินฟรีล่ะไม่ว่า

 

แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่กู่ฉิงซานก็หัวเราะออกมา “พวกคุณใจดีกันถึงขนาดนี้ อย่างน้อยก็ขอให้ผมแลกเปลี่ยนโดยการทำอาหารให้พวกคุณเถอะ”

 

พี่ชายและน้องสาวเหลือบมองกัน

 

กู่ฉิงซานได้พบเจอกับคนมาหลายประเภท แต่คนที่ถูกหลอกได้ง่ายๆแบบนี้น่ะ พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกจริงๆ

 

แต่ต้องรู้นะว่า แม้กระทั่งมอนสเตอร์เอกภพอันหายาก ก็ยังถูกล่อลวงได้อย่างง่ายดายหากเป็นเรื่องอาหาร

 

ดังนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงพวกเขา!

 

“นายอยากจะให้พวกเราช่วยเตรียมอะไรไหม?” เสี่ยวเหมียวถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ช่วยผมจัดโต๊ะอาหารก็แล้วกัน – เพราะสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดสำหรับคนปรุงก็คือ สามารถนำอาหารทั้งหมดที่ตัวเองทำ มาวางลงในโต๊ะสะอาดๆได้” กู่ฉิงซานกล่าวส่งๆ

 

เขาตบลงในถุงสัมภาระ หยิบหม้อ กระทะ และกำลังเลือกสูตรอาหาร เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำมัน

 

“นี่ … ” เสี่ยวเหมียวเอ่ยพึมพำด้วยความลังเลใจ

 

“เอาล่ะๆ มันจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเราปฏิบัติตามเขาด้วยความเคารพนะ เพราะยังไงซะพวกเราก็ทำอาหารกันไม่เป็นจริงๆ รั้นจะช่วยมันจะเป็นการเกะกะเขาเปล่าๆ”

 

แบรี่ยิ้ม

 

กู่ฉิงซานเตรียมทุกอย่าง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในถุงสัมภาระ และคว้าจับใบหยกเอาไว้

 

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลายเส้นแสงตัวอักษรปรากฏขึ้นทันใด

 

“คุณได้ค้นพบอาหารวิญญาณที่เป็นผลงานชิ้นเอกของนิกายร้อยบุปผา”

 

“เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการปรุงอย่างสมบูรณ์ คุณจำเป็นต้องจ่าย 200 แต้มพลังวิญญาณ”

 

200 แต้มพลังวิญญาณ? มันก็ไม่ได้มากมายอะไรนี่นา

 

กู่ฉิงซานมองไปยังแต้มพลังวิญญาณของเขา

 

ก่อนหน้านี้เพื่อจัดการกับความลี้ลับของทุกสรรพวัตถุของสตรีแห่งรากษส เขาได้ใช้ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิตต่อกรกับมัน และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด

 

ระหว่างการต่อสู้ โดยรวมแล้วกู่ฉิงซานได้ใช้ไปมากกว่า 6900 แต้มพลังวิญญาณ

 

ส่งผลให้ในปัจจุบันนี้ เขาจึงหลงเหลือแต้มพลังวิญญาณเพียงแค่ 1300 แต้มเท่านั้น

 

“ฉันขอจ่าย 200 แต้มพลังวิญญาณเพื่อทำการเรียนรู้วิชานี้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“ได้รับแต้มพลังวิญญาณแล้ว แต้มพลังวิญญาณส่วนเกิน : 1100/400”

 

“เริ่มทำการถ่ายทอดวิชา”

 

ใบหยกปลดปล่อยกระแสอันอบอุ่นออกมา มันไหลไปตามแขนของกู่ฉิงซาน และบรรจบกันในทะเลแห่งห้วงสติ

 

ทันใดนั้น ประสบการณ์และทักษะทั้งหมดในการปรุงอาหารวิญญาณชุดต่างๆของนิกายร้อยบุปผาก็ปรากฏขึ้นมา และกู่ฉิงซานก็สามารถเขาใจถึงมันได้อย่างสมบูรณ์

 

เดิมทีกู่ฉิงซานก็มีความสามารถในการปรุงอาหารกับผสมค็อกเทลที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นด้วยแผงลอยบาร์บีคิวเพียงอย่างเดียว คงไม่ทำให้เขาสามารถเข้าโรงเรียนเอกชนชั้นสูงได้หรอก

 

และในตอนนี้ ด้วยการที่ตนได้รับประสบการณ์ในการปรุงอาหารวิญญาณมา ตัวเขาก็ยิ่งเหมือนกับเสือติดปีก

 

กู่ฉิงซานจัดการกับส่วนผสมลงอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ

 

เห็นแค่เพียงเขาใช้มีดไม่กี่ครั้งในการปอกเปลือกผลไม้ หั่นผัก แล้วจัดมันลงในจานอย่างเป็นระเบียบ เสิร์ฟควบคู่ไปกับน้ำสลัด

 

จากนั้นก็นำฟอยล์ที่ห่อไก่ทั้งตัวออกมา และเปิดมัน

 

กู่ฉิงซานสวมถุงมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มฉีกไก่เป็นส่วนๆ ไปวางบนจาน ตามด้วยราดซอสสูตรลับเฉพาะ ทั้งหมดเป็นอันเสร็จ

 

ถัดมาคือบะหมี่

 

กู่ฉิงซานหยิบแป้งขึ้นมา แล้วใช้ไม้นวดไถๆ ทั้งตบทั้งม้วนทั้งดึงมัน จากนั้นก็นำไปต้มลงในน้ำเดือด แล้วแช่ต่อด้วยน้ำเย็น ต่อมาก็เริ่มหั่นๆออกเป็นสามชุด ใส่ลงในสามชามที่เต็มไปด้วยน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว โรยด้วยผักดอง พริกไทย และน้ำส้มสายชู

 

….

 

กู่ฉิงซานทุ่มความรักทั้งหมดที่มีลงในจานอาหาร ส่งผลให้ทั้งสีทั้งกลิ่นของอาหารวิญญาณลอยฟุ้ง และดูน่ากินไม่น้อย

 

เสี่ยวเหมียวที่กำลังมองเขา ลอบพยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

“ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำครัวมาอย่างยาวนาน มันคงยากนักที่เขาจะทำแบบนี้ได้ แม้การเคลื่อนไหวของเขาดูไม่ซับซ้อน เรียบง่าย แต่ขณะเดียวกันว่องไวทีเดียว” เธอหันไปกระซิบกับแบรี่

 

“จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันหิวแล้ว”

 

แบรี่เอ่ยพึมพำ

 

ในอากาศ ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร

 

พี่ชายน้องสาวเร่งไปเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ จัดจานชามให้เรียบร้อย แล้วนั่งรอคอยอย่างร้อนใจ

 

“พี่ชาย พี่หิวมานานแค่ไหนแล้ว?” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถามทันที

 

“ 1 เดือนกับอีก 7 วัน ไม่ใช่ว่าเธอก็เหมือนกันหรอ?” แบรี่ถาม

 

“อ้อ น้องหิวมานานแค่ 21 วันเท่านั้นเอง” เสี่ยวเหมียวเอ่ยยิ้มๆ

 

“หือ? แต่พี่จำได้ว่าพวกเรากินอาหารมื้อสุดท้ายจนหมดพร้อมกันนี่นา” แบรี่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ

 

“พอดีว่าฉันแอบซ่อนขนมไว้อีกเล็กๆน้อยๆน่ะ” เสี่ยวเหมียวสารภาพ

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน กู่ฉิงซานก็นำจานผักมาเสิร์ฟ

 

เขาได้เลือกเหล้าขึ้นมาอีกสองสามขวด แต่ก็ไม่ได้ผสมพวกมันเข้าด้วยกันมากนัก เพราะต้องการให้คงความสดชื่นดั้งเดิมเอาไว้

 

มื้อค่ำที่เต็มไปด้วยเหล้าและอาหารแสนอร่อยถูกเตรียมพร้อมแล้ว

 

ทั้งสามชนแก้วกัน

 

“ขอบคุณสำหรับการยอมให้พักอาศัย” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“ไม่ต้องสุภาพเกินไปนักก็ได้ พวกฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณสำหรับมื้อค่ำอันยอดเยี่ยมฝีมือนาย” แบรี่กล่าว

 

“เชิญกินได้เลยอย่าลังเล เดี๋ยวผมจะไปเตรียมของหวานสำหรับมื้อค่ำให้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“โอเค งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”

 

ว่าจบ แบรี่กับน้องสาวเสี่ยวเหมียวก็เข้าสู่สภาวะผีปอบทันที

 

พวกเขากินอาหารอย่างว่องไว อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการกินด้วยความเร็วสูงที่สุดที่พวกเขาทำมา

 

“อร่อย อร่อยโว้ย!” แบรี่ตะโกน

 

เสี่ยวเหมียวมองมายังกู่ฉิงซาน “อันที่จริงแล้ว เป็นพวกเราที่คิดผิดไปเอง ด้วยสกิลการทำอาหารของนาย นายย่อมสามารถท่องไปในโลกทั้งมวลได้อย่างไม่มีปัญหาเลย”

 

“แต่บางครั้งก็ต้องพบเจอกับเผ่ามารที่ดุร้ายเกินไปอยู่เหมือนกัน บางทีมันก็เลยผ่านไปไม่ได้” กู่ฉิงซานกล่าวตรงๆ

 

เสี่ยวเหมียวยิ้มว่าตนเข้าใจอย่างชัดเจน

 

อีกฝ่ายกล่าวอย่างซื่อสัตย์ และไม่คิดจะปกปิดถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ในะระดับต่ำของตนเอง มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้นในเวลาที่อยู่กับเขา

 

หลังจากมื้อเย็นจบลง

 

สองพี่น้องก็ยังไม่สาแก่ใจ

 

“อ่าาา ฉันไม่ได้กินอาหารดีๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วกันนะ” แบรี่ตบๆท้องด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

 

ทว่าเสี่ยวเหมียวดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยบางสิ่ง เธอเบนสายตามองออกไปยังทิศทางหนึ่งในความว่างเปล่า

 

“มีอะไรผิดปกติงั้นหรอ?” แบรี่เอ่ยถาม

 

“มีบางอย่างที่อัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจกำลังใกล้เข้ามาจากชั้นโลกทางฝั่งซ้ายของพวกเรา”

 

“เป็นพวกเรียกเก็บหนี้รึเปล่า? ปิดช่องว่างมิติเลย อย่าปล่อยให้มันเข้ามา” แบรี่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

 

เสี่ยวเหมียวมองไปยังมิติอันมืดมิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา

 

“ไม่ใช่เจ้าหนี้หรอก ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงจากแดนชำระล้างน่ะ ครั้งหนึ่งมันเคยได้ทำลายล้างไปกว่า 3000 อารยธรรมโลก และตอนนี้มันก็กำลังจะเข้าเชื่อมต่อกับโลกของสมาคม” เธอกล่าว

 

“โอ๊ะโอ? น่าสนุกดีนี่ มันไม่ไว้หน้าฉันถึงขนาดนี้เลยหรอ?” แบรี่ชักจะเริ่มสนใจ

 

“เปล่าหรอก ฉันคิดว่าบางทีมันอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเป็นพี่ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ตามมันมาอยู่ด้วยน่ะ”

 

“ดูเหมือนว่ามันกำลังตื่นตระหนก เลยเลือกหนีมาแบบสุ่มๆ”

 

“พี่รีบตัดสินใจด้วยนะ เพราะเหมือนกับว่าพวกที่ไล่ตามปีศาจตัวนี้มาจะเป็นสหายเก่าของพวกเรา” เสี่ยวเหมียวเตือน

 

แบรี่กระแทกสองหมัดเข้าด้วยกัน และกล่าวออกมา “ไม่จำเป็นต้องคิดให้ปวดหัวเลย ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว – แค่ออกกำลังกายเพื่อย่อยอาหารคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

 

เมื่อเห็นว่าเขาตัดสินใจแบบนี้ เสี่ยวเหมียวก็หยิบสมุดขึ้นมา และเริ่มขีดเขียนมัน

 

มือของเธอขยับไหวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันในปากก็เอ่ยพึมพำไปด้วย

 

“จากแดนชำระล้างในชั้นที่ห้า”

 

“มีภูมิปัญญา ชั่วร้าย แสนเจ้าเล่ห์”

 

“มีผิวสีแดง หูยาว ดวงตาตั้งฉากแหลมสูง”

 

“เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธและเทคนิคมนตราแห่งแดนชำระล้าง มีฝีมือระดับปรมาจารย์”

 

“มีความสามารถสุดแกร่งในด้านการซ่อนตัวและลอบสังหาร”

 

“ฉายาในโลกทั้งมวลก็คือ : เรือพิฆาต”

 

เมื่อเขียนถึงจุดนี้ ตลอดทั้งแผ่นกระดาษก็เริ่มเปล่งรังสีแสง

 

“เสร็จแล้ว!” เสี่ยวเหมียวร้องออกมา

 

“งั้นก็ส่งมันเข้ามาในสมาคมได้เลย” แบรี่กล่าว พร้อมหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในสมาคม

 

เสี่ยวเหมียวเขียนประโยคสุดท้ายลงบนกระดาษ

 

“เจ้าปีศาจตัวนี้จงปรากฏขึ้นในสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม!”

 

แขว่ก!

 

กระดาษทั้งแผ่นบังเกิดเสียงดังฟังชัดแล้วมันก็หายวับไป

 

ในขณะเดียวกัน ก็บังเกิดเสียงร้องคำรามขึ้นภายในสมาคม

 

หลังจากเกิดเสียงคำรามดังขึ้นแล้ว ก็ตามมาด้วยพูดที่ฟังดูแข็งกร้าวดังขึ้น “บัดซบ ที่นี่มันที่ไหน? แล้วเอ็งเป็นใครกัน?”

 

อีกเสียงที่ฟังดูปิติยินดีของแบรี่ได้ดังขึ้น “ไอ้แมลงเหม็น ฟังให้ดีนะ ฉันคือกำปั้นเหล็กแบรี่ยังไงล่ะ!”

 

“แบรี่ แบรี่ไหนวะ?”

 

“อ่า ดูเหมือนแกจะไม่รู้จักฉัน”

 

“เอ็งนี่มันท่าจะประสาท ข้ากำลังรีบอยู่ อย่ามายุ่งกับข้าจะดีกว่า”

 

“ใจเย็นสิ อย่าพึ่งรีบไป”

 

“ทำไม?”

 

“เพราะเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อน”

 

ปงงงงง!

 

บังเกิดเสียงสนั่น สั่นสะเทือนอย่างแรงออกมาจากภายในคลับ

 

อย่างไรก็ตาม แม้เสียงจะสะท้านสะเทือนถึงขนาดนี้ แต่สมาคมกลับยังปลอดภัย ไม่ว่าจะอิฐหรือกระเบื้องก็ไม่มีหลุดหล่นเลย

 

กู่ฉิงซานยืนฟังอย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้เริ่มจะรุนแรงขึ้น และไม่มีวี่แววของสัญญาณว่าจะหยุดลง

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ปีศาจตัวนี้ … คุณรู้ถึงความแข็งแกร่งของมันไหม”

 

“พวกเราจะรู้เอง เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง”

 

เสี่ยวเหมียวค่อยๆยกชามขึ้นมาเทเข้าปาก และตอบคำถามแบบคลุมเครือแก่กู่ฉิงซาน

 

อาหารของวันนี้อร่อยจริงๆ ช่วงเวลาที่ไม่มีใครมาแย่งนี่แหละ ฉันจะต้องกินเพิ่มอีกชาม!

 

กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขาและเอ่ยถาม “นี่คุณไม่กลัวว่าปีศาจตัวนั้นมันจะแข็งแกร่งเกินไป แล้วแบรี่จะตกอยู่ในอันตรายเลยหรอ?”

 

เสี่ยวเหมียวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เมื่อไหร่ที่เขาสู้ เขาจะไม่ตาย แล้วอีกอย่างฉันก็กำลังควบคุมมิติของสมาคมอยู่ ถ้าสถานการณ์ต่อสู้มันชักจะไม่เข้าท่า ฉันก็จะสามารถโยนเจ้าปีศาจตัวนี้ออกจากโลก 300 ล้านชั้นได้ในทันที”

 

กู่ฉิงซาน “ … ”