ตอนที่ 417 พัสดุด่วนของคุณ เชิญเซ็นรับ! / ตอนที่ 418 จงใจกลั่นแกล้ง

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 417 พัสดุด่วนของคุณ เชิญเซ็นรับ!

 

 

หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่ทำการป้องกันมากมายเมื่อบริษัทตระกูลฟ่านเข้ามาที่เมืองเอชแล้ว ในที่สุดก็วางใจลงได้

 

 

เมื่อฟังเลขารายงานการทำงานตบแล้ว เธอถึงจะยกกาแฟขึ้นดื่มคำหนึ่ง

 

 

จากนั้นก็ยื่นมือไปนวดเอวตามสัญชาตญาณ

 

 

ครั้นแตะโดนเอว สีหน้าที่เจ็บปวดก็เปลี่ยนไป

 

 

เพราะเธอกลัวว่าเลขาจะสังเกตเห็นเขา จึงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ทำได้เพียงก่นด่าสาปแช่งอวี๋เยว่หานอยู่ในใจ!

 

 

“พวกเราจับตาดูทางบริษัทตระกูลฟ่านอยู่ตลอดค่ะ ได้ยินมาว่าหลายวันมานี้ฟ่านอวี่ไม่ได้ไปที่บริษัท” เลขาปิดเอกสาร ก่อนจะพูดเพิ่มเติม

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของเหนียนเสี่ยวมู่พลันเปล่งประกาย ก่อนจะวางแก้วน้ำลง

 

 

“รู้ไหมว่าเขาทำอะไรอยู่”

 

 

รู้เขารู้เราไว้ก่อนเป็นดี

 

 

แม้เธอจะเชื่อว่าตัวเองทำการป้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังคงประมาทไม่ได้อยู่ดี

 

 

เธอเคยเจอฟ่านอวี่คนนี้มาแล้วหลาย และรู้สึกว่าเขามีอะไรแปลกๆ ทุกครั้งไป

 

 

เขาดูเหมือนยิ้มง่ายและเป็นมิตร แต่ไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มของเขา ถึงทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างอยู่เสมอ

 

 

ราวกับว่าใต้ใบหน้ายิ้มแย้มนั้น มีความรู้สึกจากในใจจริงๆ ที่เขาไม่อยากให้ใครเห็นอยู่

 

 

บนตัวของเขาก็มีกลิ่นอายของความเงียบเหงาอยู่รางๆ ด้วย…

 

 

เขาพุ่งเป้ามาที่บริษัทตระกูลอวี๋อยู่ตลอด

 

 

พอคิดให้ดี ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

 

 

แม้แต่ลูกค้าที่เจอเธอในครั้งนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรตอบแทน

 

 

ถ้าเป็นประธานบริษัททั่วไป ทำอะไรไม่สำเร็วซ้ำๆ หลายครั้ง แถมการขยายธุรกิจประสบปัญหา ก็น่าจะร้อนไปใจนานแล้ว แต่เขากลับยังสบายดี

 

 

เขาไม่ไปแม้กระทั่งบริษัท ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจมันโดยสิ้นเชิง…

 

 

คู่ต่อสู้แบบนี้ จับทางไม่ถูกเลยจริงๆ

 

 

เลขาส่ายหน้า “ให้คนไปสืบแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ข่าวอะไรเลย”

 

 

“งั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว ทำเรื่องที่ควรทำดีกว่าค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งพูดจบ ประตู่ห้องทำงานพลันส่งเสียงดังขึ้น

 

 

“ผู้จัดการเหนียน มีพัสดุด่วนมาถึงคุณค่ะ คุณต้องเซ็นรับด้วยตัวเอง”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็หันส่งสายตาให้เลขา ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และสาวเท้าเดินไปข้างนอก

 

 

แต่เพิ่งเดินไปถึงประตูบริษัท เธอก็เห็นพนักงานส่งด่วนคนหนึ่งถือดอกกุกหลาบแดงสวยช่อใหญ่อยู่ในมือ

 

 

แถมยังมีช็อคโกแล็ตอีกกล่องหนึ่งด้วย

 

 

ฝ่ายพนักงานส่งด่วนเห็นหญิงสาวแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาหา “คุณเหนียนครับ นี่เป็นพัสดุด่วนของคุณ เชิญเซ็นรับด้วยครับ”

 

 

‘…เธอไม่ได้ซื้อสักหน่อย ใครส่งมาให้กันเนี่ย’ เหนียนเสี่ยวมู่คิดในใจ

 

 

เพื่อนร่วมงานรอบข้างต่างก็ล้อมกันเข้ามา พลางซุบซิบนินทาด้วย

 

 

“ใครส่งมาให้น่ะ มีเรื่องเมาท์แล้ว!”

 

 

“ดูจากสีหน้าของผู้จัดการเหนียนแล้ว ดูเหมือนเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปดูเร็ว ว่าบนดอกไม้มีการ์ดหรือเปล่า!”

 

 

“…”

 

 

แต่หาทั้งในช็อคโกแล็ตและดอกไม้แล้ว ก็ไม่เห็นมีการ์ดอะไร

 

 

กลับเป็นโทรศัพท์ของเหนียนเสี่ยวมู่ ที่ได้รับข้อความ

 

 

หลังจากเปิดดูแล้ว มันเป็นข้อความของอวี๋เยว่หาน ในนั้นเขียนสั้นๆ ว่า ‘ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง’

 

 

เดี๋ยวนี้รู้จักเป็นห่วงเธอแล้วเหรอ

 

 

ตอนที่เธอบอกให้หยุดเมื่อคืนนี้ ทำไมเขาไม่รู้จักเบาๆ หน่อยล่ะ

 

 

ตาบ้า!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองข้อความด้วยหางตาครั้งหนึ่ง ก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าด้วยความโมโห

 

 

ดอกกุหลาบและช็อคโกแล็ตในมือกลายเป็นสิ่งที่ขัดหูขัดตาไปแล้ว

 

 

หญิงสาวกอดช่อดอกไม้กลับไปที่ห้องทำงาน พอเข้าไปในห้องแล้วก็โยนดอกไม้ทิ้งลงถังขยะทันที

 

 

ผ่านไปหลายนาที แม้เธอจะยังไม่ใจเย็นลง แต่ก็ยังเดินไปเก็บดอกไม้กลับมา และหาแจกันมาอย่างดี

 

 

ครั้นนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง เธอมองไปยังดอกกุหลาบแดงที่บานเต็มที ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างมีความสุข

 

 

จากนั้นเธอก็กินช็อคแล็ตชิ้นหนึ่ง แล้วถึงรู้สึกว่าหายปวดเมื่อยที่เอวลงไปบ้าง

 

 

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ขณะกำลังจะตอบข้อความของอวี๋เยว่หาน เธอก็เห็นเลขารีบร้อนเปิดประตูเข้ามา

 

 

“ผู้จัดการเหนียน ฉันเพิ่งได้ข่าวมาค่ะ ว่าเพื่อนร่วมงานของพวกเราที่กำลังทำอีเวนท์ถูกเล่นงาน!”

 

 

 

 

ตอนที่ 418 จงใจกลั่นแกล้ง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ฟังการรายงานง่ายๆ ของเลขาอยู่สองสามคำ ก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าพก แล้วรีบออกจากบริษัทพร้อมกับเลขา เพื่อไปที่งานอีเวนท์

 

 

ระหว่างทางเลขาก็อธิบายเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนด้วย

 

 

“งาน ‘อีเวนท์หนุ่มสาว’ เสี่ยวเสี่ยวก็ตามไปด้วยเสมอ งานในวันนี้มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ต้องเชิญดาราสาวที่เพิ่งมีชื่อเสียง จางฉี เดิมทีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ไม่รู้ว่าที่งานเกิดอะไรขึ้น อยู่จางฉีก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แถมยังลงมือทำร้ายเสี่ยวเสี่ยวด้วย…”

 

 

เสี่ยวเสี่ยวขึ้นชื่อว่าทำงานจริงจังและมีความรับผิดชอบ ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเข้ามาที่แผนกประชาสัมพันธ์ ทุกคนล้วนไม่เห็นค่าเธอ มีแต่เสี่ยวเสี่ยวที่ดีกับเธอมาโดยตลอด

 

 

เด็กสาวที่นิสัยดีแบบนี้ จะไปทำให้คนอื่นโกรธง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พลิกดูข้อมูลของดาราสาวที่ชื่อจางฉี ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้น แล้วสั่งให้เลขาขับรถเร็วหน่อย

 

 

ไม่นานรถก็มาถึงสถานที่จัดงาน

 

 

สถานที่จัดงานในครั้งนี้ คือชั้นล่างของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง

 

 

งานกำลังจะเริ่มแล้ว ตอนนี้นอกจากผู้ชมแล้ว นักข่าวก็มากันพร้อมหน้า

 

 

กล้องที่เรียงรายเป็นแถว ต่างก็เล็งไปที่เวทีอย่างพร้อมเพรียง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตามเลขาเข้าไปยังหลังเวทีด้วยช่องทางพิเศษ แต่กลับไม่เห็นจางฉีอยู่ที่หลังเวที

 

 

“เธอไปไหนแล้วล่ะ”

 

 

หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น

 

 

อีเวนท์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว นักแสดงที่พวกเขาเชิญมากลับไม่อยู่ในห้องแต่งตัวด้านหลังเวที

 

 

พนักงานบางคนได้ยินเธอถามแล้ว จึงตอบอย่างระมัดระวัง “คุณจางฉี…เธอกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว…”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็หมุนตัวเดินไปยังส่วนของโรงแรม

 

 

เพื่อการจัดงานได้สะดวกยิ่งขึ้น บริษัทตระกูลอวี๋จัดเตรียมห้องพักผ่อนให้นักแสดงด้วย นั่นก็คือในโรงแรม

 

 

พวกเขาเพิ่งมาถึงชั้นที่จางฉีพักอยู่ ก็เห็นเสี่ยวเสี่ยวปิดหน้าเดินออกมาจากมุมของชั้นนั้น

 

 

เสี่ยวเสี่ยวสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีน มัดผมหางมา แต่มันดูยุ่งเหยิงอยู่บ้างแล้ว

 

 

ขอบตาของเธอแดงก่ำ น่าจะเพิ่งร้องไห้มา

 

 

พวงแก้มมีรอยบวมแดงที่ผิดปกติด้วย…

 

 

หลังจากเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ แววตาของเสี่ยวเสี่ยวดูตกตะลึง ก่อนจะยื่นมือไปจับหน้าของตัวเองด้วยความเคร่งเครียด

 

 

“ผะ ผู้จัดการเหนียน ทำไมคุณมาที่นี่ด้วยตัวเอง…”

 

 

“หน้าไปโดนอะไรมา” เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปข้างหน้า ขณะที่เธอคิดจะเข้าไปดูอีกฝ่าย เสี่ยวเสี่ยวกลับถอยหลังกลับด้วยความหวาดกลัว พลางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ชนอะไรนิดหน่อย ไม่สาหัสหรอกค่ะ แต่ตอนนี้จางฉีกำลังโกรธมาก ทำยังไงก็ไม่ยอมร่วมงาน งานกำลังจะเริ่มแล้วด้วย…” เสี่ยวเสี่ยวพูดถึงตรงนี้ เธอก็ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

 

 

ฝ่ายเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ตรงเข้าไปจับมือของเสี่ยวเสี่ยวไว้

 

 

ครั้นเห็นใบหน้าที่บวมขึ้นมาครึ่งหนึ่งของหญิงสาว แถมมันยังเป็นรอยฝ่ามือชัดเจนอีกต่างหาก เหนียนเสี่ยวมู่ก็มีสีหน้าหม่นลงในทันที

 

 

“เกินไปแล้ว!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่จับมือเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้ พลางสาวเท้าเดินไปยังห้องของจางฉี

 

 

ประตูของห้องจางฉีเปิดอยู่

 

 

เธอกำลังเอนอยู่บนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ แถมยังเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือไปอีกด้วย

 

 

ดาราสาวเหลือบเห็นเหนียนเสี่ยวมู่และเสี่ยวเสี่ยวเข้ามา เธอจึงเงยหน้ามองด้วยความเหยียดหยามครั้งหนึ่ง

 

 

วินาทีต่อมา ผู้จัดการก็กระซิบที่ข้างหูของจางฉี เธอถึงจะลุกขึ้นนั่ง

 

 

จากนั้นก็โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟา

 

 

“ผู้จัดการเหนียนมาก็ดีแล้วค่ะ ฉันอยากจะฟังดู ว่าพวกคุณจะอธิบายกับฉันยังไง งานสำคัญขนาดนี้ แต่ส่งมือสมัครเล่นที่ไม่เอาอ่าวมาดูแลฉันเหรอคะ” จางฉีกอดอกพูด

 

 

“ไม่เอาอ่าวที่คุณจางว่า แค่เพราะเสี่ยวเสี่ยวไม่เห็นด้วยที่คุณจะเปลี่ยนบทพูด และบอกว่าคุณเป็นดาราชั้นนำที่ขี้โมโหใช่ไหมคะ” เหนียนเสี่ยวมู่กล่าวเสี่ยวเยือกเย็น พร้อมกับมองดาราสาวด้วยสายตาแหลมคม

 

 

ระหว่างที่เธอมา เธอสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นจนชัดแจ้งแล้ว

 

 

ทีแรกจางฉีนับว่าให้ความร่วมมืออยู่ แต่พอได้ยินว่าในงานมีนักข่าวจำนวนมาก เธอก็เริ่มขอนู่นี่มากขึ้น